"ทักษิณ" ยิ้มแย้ม ไม่กังวลคดี 112 "ทนายวิญญัติ" เผย ศาลนัดไต่สวนพยาน 7 นัด เริ่ม ก.ค. ปี 68 ยัน "ทักษิณ" มาไต่สวนด้วยตนเองทุกนัด พร้อมเผยเตรียมไม้เด็ด "ล่าม" เป็นประจักษ์พยาน

วันที่ 19 ส.ค. เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศาลอาญารัชดา หลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตามนัดเพื่อตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อของประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 ที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที นายทักษิณ เดินลงมาจากห้องพิจารณาคดี นายทักษิณ ได้เดินทางออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นักข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องของการมาตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ นายทักษิณ ไม่ได้หยุดคุยกับนักข่าว แต่บอกสั้นๆ เพียงว่า "ไม่มีอะไร" ก่อนจะเดินขึ้นรถส่วนตัว และลดกระจกลงเพื่อบอกลาทีมทนายความ ซึ่งจากรายงานวันนี้ทนายความของนายทักษิณ มากันทั้งหมด 7 คน

หลังจาก นายทักษิณ เดินทางกลับ เวลาต่อมา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่า วันนี้มีการนัดตรวจพยานและวัตถุพยานของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งศาลได้สอบปากคำ นายทักษิณ ซึ่งยังคงให้การปฏิเสธ พร้อมกับมีการนำเสนอพยานหลักฐาน ประกอบด้วยพยานบุคคลฝ่ายจำเลย 14 ปาก และพยานเอกสารอื่นๆ ซึ่งขอนำเสนอในชั้นพิจารณา ส่วนพยานฝั่งโจทก์มี 10 ปาก

...

นายวิญญัติ ระบุว่า สำหรับพยานวัตถุฝั่งโจทก์ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาบันทึกใส่แผ่นซีดี โดยไม่มีประจักษ์พยานแม้แต่รายเดียว ซึ่งคลิปที่ฝ่ายโจทก์ยื่นเป็นพยานนั้น ไม่ใช่คลิปสัมภาษณ์ต้นฉบับ เป็นคลิปที่มีการตัดทอนเนื้อหา เป็นไปตามที่ตนได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ว่า คลิปดังกล่าวนั้นจะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ อยู่ที่ศาลจะพิจารณารับฟัง ซึ่งข้อต่อสู้ของฝั่ง นายทักษิณ ที่ได้ต่อสู้มาโดยตลอด คือ คลิปที่ถูกนำมากล่าวหานั้น ไม่ได้เป็นคลิปต้นฉบับ มีการแปลงไฟล์ทำให้คลิปไม่สมบูรณ์ แต่รายละเอียดมากกว่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะมีการสืบพยานลับหลังหรือไม่นั้น นายวิญญัติ บอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นคำร้อง เป็นเรื่องของอนาคต

ผู้สื่อข่าวสอบถาม พยานฝั่งโจทก์หรือฝ่ายอัยการนั้นมีการเชิญสื่อมวลชนชาวเกาหลี ที่เป็นผู้สัมภาษณ์ นายทักษิณ มาเป็นพยานด้วยหรือไม่ นายวิญญัติ ตอบว่า ฝั่งของโจทก์ไม่มีการกล่าวอ้างประจักษ์พยานแม้แต่บุคคลเดียว ไม่ว่าจะเป็นล่าม นักข่าว หรือช่างภาพ ส่วนฝั่งของตนเองมีการกล่าวอ้างถึง แต่จะมีการเดินทางมาในชั้นไต่สวนหรือไม่นั้น ต้องรอดูการสืบพยานของฝั่งโจทก์เสียก่อน ถ้ามีเหตุจำเป็นทางตนก็พร้อมจะเชิญล่ามมาเป็นพยาน ซึ่งสามารถไต่สวนพยานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้

นายวิญญัติ เปิดเผยว่า ศาลอาญาได้มีการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ในวันที่ 1, 2, 3 เดือนกรกฎาคม ปี 2568 ส่วนการนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยเป็นวันที่ 15, 16, 22 และ 23 เดือนกรกฎาคม ปี 2568 ซึ่ง นายวิญญัติ ยืนยันว่า ทุกชั้นไต่สวน นายทักษิณ จะเดินทางมาที่ศาลทั้ง 7 นัดด้วยตนเอง

ส่วนกรณีที่มีการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ให้ นายทักษิณ รักษาตัวที่ชั้น 14 นายวิญญัติ บอกว่า เรื่องนี้ นายทักษิณ ไม่ได้มีความกังวลและขอยืนยันว่า นายทักษิณ ป่วยจริง ซึ่งตัวเองเป็นทนายความคนเดียวที่ได้ขึ้นไปเยี่ยมในชั้น 14 ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หาก ป.ป.ช. เชิญไปให้ปากคำ เจ้าตัวจะพร้อมไปให้ข้อมูลหรือไม่ นายวิญญัติ บอกว่า นายทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ขึ้นอยู่กับว่า ป.ป.ช. จะทำการไต่สวนอย่างไร ซึ่งหากมีการเชิญ นายทักษิณ ไปสอบปากคำจริง นายทักษิณ ก็ยินดีไป เพราะการที่ นายทักษิณ กลับมาเมืองไทยนั้น มีความประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม