319 เสียงส่ง “แพทองธาร” นั่งนายกฯคนที่ 31 มี 9 งูเห่าฝ่ายค้านตบเท้าหนุน “เจ๊หน่อย” กระอักลูกพรรคแหกคอกยกพวง ทสท.แถลงการณ์ขอโทษประชาชน ประณาม สส.ผิดมารยาทสั่งสอบจริยธรรม ห้ามดำรงตำแหน่งในนามพรรค “ปชช.” โหวตไม่เห็นชอบรักษาจุดยืนกอบกู้อำนาจนิติบัญญัติ “เท้ง” ให้กำลังใจผู้นำมือใหม่ ชวนร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญรื้ออำนาจศาล รธน.สู้ “นิติสงคราม” “เสี่ยหนู” ยันเก้าอี้ รมต.ภท.ยึดของเดิม เพิ่ม “ภราดร” รองประธานสภาฯ “อ้วน” สวนสิ้นสุดรัฐบาลเก่า ไม่มีโควตาเดิม รอนายกฯเคาะ “อุ๊งอิ๊งค์” ตื่นเต้นบอก “ทักษิณ” เฟซไทม์ดีใจลูกสาวได้เป็นนายกฯก่อนพ่อจะเป็นอัลไซเมอร์ ลั่นทำงานเต็มความสามารถ รับได้ทุกแรงกดดัน ไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว “วันนอร์” ลงนามนำรายชื่อนายกฯใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ พท.แจ้งรวมพลรับพระบรมราชโองการฯ 18 ส.ค. “ฮุน เซน” ร่วมยินดี ปลื้มต่อจากนี้สัมพันธ์ 2 ชาติยิ่งแน่นแฟ้น

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรประชุม โหวตลงมติเห็นชอบการเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย (พท.) ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยเรียบร้อย ด้วยคะแนนเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง

ปชช.ไม่เห็นชอบ “อุ๊งอิ๊งค์” นั่งนายกฯ

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 16 ส.ค.ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันจุดยืนในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน มีมติโหวตไม่เห็นชอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มติพรรค ปชช.ไม่ได้หมายความว่า คนใดเหมาะหรือไม่เหมาะ แต่เป็นการกอบกู้อำนาจนิติบัญญัติ ให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ส่วนผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯวันนี้ จำเป็นต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ ส่วนตัวเข้าใจข้อจำกัด น.ส.แพทองธารไม่ได้เป็น สส. แต่เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลต้องชี้แจงเหตุผลที่เพียงพอต่อที่ประชุม ในฐานะหัวหน้าพรรคปชช.จะลุกขึ้นอภิปรายที่ไม่ใช่เพียงเรื่องคุณสมบัติอย่างเดียว แต่เป็นวาระการทำงานต่อไปอีก 3 ปี อยากสอบถามพรรคร่วมรัฐบาลในฐานะที่อยากได้นายกฯคนใหม่ประสานงานต่อ จึงอยากเชิญชวนให้มาทำงานร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญและโดยเฉพาะองค์กรอิสระให้ทำงานอย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ขณะที่ดิจิทัลวอลเล็ต จะยังไม่หยิบยกมาพูด หลังจากได้นายกฯแล้ว พรรคยืนยันว่าต้องมีการอภิปรายอีกในหลายเวที โดยเฉพาะเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

...

ให้กำลังใจผู้นำ ชี้อายุไม่ใช่ปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลประกาศจุดยืนว่า จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุนการแก้ไข มาตรา 112 นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นจุดยืนเดิมที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยประกาศไว้ ก็เคารพในจุดต่างทางความเห็น เมื่อถามอีกว่ามองบทบาท น.ส.แพทองธารที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ขอให้กำลังใจ หากวันนี้สภาฯให้ความเห็นชอบก็หวังว่าจะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกมองว่า น.ส.แพทองธารเป็นลูกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมีข้อครหา เรื่องนายกฯตัวจริงหรือไม่ ตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะกลั่นกรองมาอย่างดี และเรื่องอายุไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ สิ่งสำคัญ คือคุณสมบัติหวังว่า 3 ปีต่อจากนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ว่ามีคุณสมบัติเหมาะกับการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ วันนี้อาจเร็วไปที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อถามว่า มองว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะครบวาระอีก 3 ปีหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ครบ 3 ปี ในขณะที่พรรค ปชช.จะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ และยังยืนยันว่าพรรค ปชช. ไม่ห่วงเรื่องงูเห่า เพราะ 143 สส.ของพรรคก้าวไกลย้ายมาพรรค ปชช.ครบ

ปชป.ยัน 25 สส.ไม่แตกแถวงดออกเสียง

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า มติ สส.พรรค ปชป.งดออกเสียงโหวตเลือกนายกฯ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะงดออกเสียงทั้ง 25 เสียง มั่นใจว่าจะไม่มีใครแตกแถว แสดงถึงความเป็นเอกภาพและเรียกศรัทธาพรรคด้วย แม้จะเสนอชื่อนายกฯเพียงคนเดียว การงดออกเสียงจึงเป็นมติที่เป็นทางออกที่ดีที่สุดประเทศต้องเดินต่อไป เมื่อไม่มีคู่แข่งขันจะไปโหวตสวนดูไม่ดี จึงเป็นที่มาของการงดออกเสียงแสดงจุดยืนหนึ่งในการแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย กรณี น.ส.แพทองธารมีอายุ 37 ปี มาเป็นผู้นำ ทุกคนที่มี คุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 หรือมาตรา 160 เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ตามกฎหมาย เป็นเรื่องดีที่สังคมไทยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เป็นสิ่งที่ดีที่พรรค พท.กล้านำเสนอ ส่วนกรณีค่ำวันที่ 14 ส.ค. นายทักษิณ ชินวัตร นัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปพูดคุยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องไปดูข้อกฎหมาย ตอบแทนไม่ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีคนไปถามองค์กรที่ชี้แจงเรื่องนี้ได้

ย้ำไม่มีเทียบเชิญร่วม รบ.ตรวจสอบเข้ม

นายชัยชนะกล่าวถึงการทำงานของพรรค ปชป. หลังได้นายกฯคนใหม่แล้วว่า ต้องดูว่าการแถลงนโยบาย ต่อรัฐสภามีนโยบายอะไรบ้าง และต้องดูว่าเรื่องใดที่พรรค พท.เคยประกาศเป็นนโยบาย แล้วไม่มีอยู่ ในนโยบายในรัฐบาลนี้ เราต้องสอบถาม ที่สำคัญต้อง ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างเข้มแข็ง เมื่อถามย้ำ ว่า จะตัดสินใจอย่างไรหากมีการส่งเทียบเชิญเข้าร่วม รัฐบาล นายชัยชนะกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ขณะนี้ยังเป็น ฝ่ายค้านอยู่ และยังไม่เคยมีการทาบทามอะไร

อนุทิน ชาญวีรกูล
อนุทิน ชาญวีรกูล

“อนุทิน” ยัน 71 เสียง ภท.ดันหัวหน้า พท.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ยืนยันว่า 71 เสียงของพรรค โหวตให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน พรรคไม่เคยแตกแถว เรายืนยันร่วมกันชัดเจนแล้ว เมื่อวันที่ 15 ส.ค.จากการแถลงร่วมกันว่าพรรคร่วมทุกพรรคสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ทุกอย่างดำเนินไปตามเวลาที่เหมาะสม ผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุน นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราก็ต้องสนับสนุนนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน หลังจากนี้ต้องมีการร่างนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ น.ส.แพทองธารแถลงต่อรัฐสภา ทั้งนี้ หลังลงมติเลือกนายกฯ พรรค ภท.จะประชุมพรรคเพื่อตั้งทีมร่วมร่างนโยบายรัฐบาล เมื่อถามว่า พรรค ภท.จะผลักดันนโยบายกัญชา หรือนโยบายอื่นๆหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อะไรที่ค้างคาไว้จากการทำงานที่ผ่านมาก็จะทำให้เกิดความ ชัดเจน เราทำงานมา 1 ปี แล้วกับพรรคร่วมรัฐบาล อะไรที่ต่างฝ่ายต่างทำ อะไรที่ไม่ตรงกับที่ควรจะเป็นเราก็ไปชี้แจง เช่น เรื่องกัญชาที่นายกฯเศรษฐาก็ตัดสินใจให้ออกเป็นกฎหมาย ตรงนี้ถือว่าเป็นความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวันจากการทำงานร่วมกัน

ชี้อายุน้อยไม่ใช่ปัญหาแนะดูผลงาน

เมื่อถามอีกว่า นายทักษิณได้ฝากให้นายอนุทิน ดูแลอะไร น.ส.แพทองธารหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ห่วงลูกทุกคน ตนกับว่าที่นายกฯมีความคุ้นเคยกันมาเป็นสิบๆปี ก็เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ ส่วนเรื่องแรงเสียดทานต้องดูว่ามาจากฝั่งไหน ถ้าจากพรรคร่วมไม่มี แต่ถ้าฝั่งไม่ชอบพรรคร่วมก็คงเป็นอีกแบบ เรื่องนี้ต้องเอาผลงานเข้าว่า ต้องทำ ผลงาน ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคร่วมไม่ใช่ น.ส.แพทองธาร คนเดียว เรามีเวลาอีก 2 ปี 11 เดือน ประชาชนจะตัดสิน เราต้องดูองค์ประกอบทั้งหมด คำว่าอายุจะไปวัดกัน อย่างไร สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐมนตรีตอนอายุ 32 ปี นายสนธยา คุณปลื้ม เป็นรัฐมนตรีตอนอายุ 33 ส่วนตนก็เป็นรัฐมนตรีตอนอายุ 36 ปี

ทศพร เสรีรักษ์
ทศพร เสรีรักษ์

“ทศพร” โชว์ภาพวาดนายกฯหญิง

ช่วงเช้า นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เดินเข้าสภาฯนำภาพที่ตัวเองวาดรูป น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.มาโชว์สื่อมวลชนรัฐสภา พร้อมกล่าวว่า จะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์อีกหน้าของรัฐสภา ที่จะมีนายกฯเป็นสุภาพสตรีคนที่ 2 จึงวาดรูปบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง เหมือนตอนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้วาดให้เป็นการบันทึกเหตุการณ์สำคัญในสภาฯ ภาพ น.ส.แพทองธาร เพิ่งเริ่มวาดเมื่อคืน ยังไม่เสร็จดี ส่วนภาพนายชัยเกษม วาดตั้งแต่เป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยืนยันสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ผ่านแน่ จะเป็นนายกฯที่อายุน้อยที่สุด ส่วนที่หลายคน มองว่า น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ เร็วเกินไป คงไม่ ทุกอย่างมีเวลาของมันเอง อะไรจะเกิดขึ้นเป็นจังหวะเวลาที่สุกงอม เพราะเข้ามาสู่การเมืองชัดเจนพอสมควร ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วมีกิจกรรม มีความเคลื่อนไหวในพรรค กระทั่งมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ทำงานอย่างหนักมาตลอดหลายเดือนจนมา รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค พท.มีความสามารถมีทีมงานที่ดี การประสานงานที่ดี ทำให้แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ไปได้ และถ้ารัฐบาลทำงานดี ทำงานเต็มที่ แรงเสียดทาน ต่างๆคงจะหมดไป

สภาฯคึกคักโหวตหานายกฯใหม่

จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม บรรยากาศคึกคักมี สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายวันมูหะมัดนอร์ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเรื่องการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ให้เสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 และอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง โดยการเสนอชื่อต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 50 คน ใช้วิธีเสียบบัตรแสดงตน ส่วนขั้นตอนการลงคะแนนเลือกนายกฯ จะทำโดยเปิดเผย ใช้วิธีเรียกชื่อสมาชิกตามลำดับตัวอักษร เป็นรายบุคคล

สรวงศ์ เทียนทอง
สรวงศ์ เทียนทอง

“สรวงศ์” เสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊งค์” นั่งนายกฯ

จากนั้นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ขอใช้สิทธิอภิปราย แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขออภิปรายไม่อยู่ในกระบวนการและขั้นตอนเลือกนายกฯ ขอให้ยึดข้อบังคับข้อประชุม เดินหน้าเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต่อไป ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า การเลือกนายกฯครั้งที่แล้ว ถือเป็นญัตติ ดังนั้น สส.มีสิทธิอภิปรายให้ความเห็น คงใช้เวลาไม่นาน ก็จะลงมติได้ นี่คือเรื่องใหญ่เรื่องประมุขฝ่ายบริหารประเทศ จึงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการอภิปราย คงไม่เสียเวลามาก แต่นายวันมูหะมัดนอร์ขอให้เข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อ แล้ว ค่อยมาว่ากันเรื่องการอภิปราย ซึ่งนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้เสียบบัตรแสดงตนรับรองครบถ้วน 50 คน

ปชช.ป่วนขออภิปรายก่อนโหวต

ต่อมาภายหลังการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธารเสร็จแล้ว นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชช.ทวงการใช้สิทธิขอให้มีการอภิปราย โดยแจ้งมีผู้แสดงความประสงค์ขออภิปราย 2 คน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชช. และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ปรากฏว่านายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. คัดค้านยืนยันขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระ ไม่กลัวการอภิปราย ฝ่ายค้านก็ยังไม่สมบูรณ์และผู้ถูกเสนอชื่อไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงไม่ควรอภิปราย วาระวันนี้มีเพียงแค่นี้ขอให้ลงคะแนนเลย แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า แม้จะ ไม่มีระเบียบให้อภิปรายก่อนโหวตนายกฯ แต่เมื่อคืนวันที่ 15 ส.ค.นายปกรณ์วุฒิโทร.มาหาตนขออภิปราย 20 นาที จึงอนุญาตโดยให้เวลา 20 นาที ทำให้สส.พรรค พท.ไม่พอใจ อาทิ นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการอภิปราย ใครจะไปตกลงอะไรกันไว้ แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามข้อบังคับการประชุม ให้เดินหน้าโหวตนายกฯ โดยนายวันมูหะมัดนอร์พยายามเสนอว่า เมื่อมีความเห็นเป็น 2 ฝ่ายขอให้โหวตลงมติจะให้อภิปรายหรือไม่ แต่ทั้ง สส.พรรค พท.และ สส.พรรค ปชช.ต่างไม่ยอมกัน ถกเถียงกันไปมาเสียเวลาไปกว่า 30 นาที

ฐากร ตัณฑสิทธิ์
ฐากร ตัณฑสิทธิ์

“ฐากร” ปลุกใจ สส.ผ่าทางตันการเมือง

กระทั่งเวลา 10.50 น. นายวันมูหะมัดนอร์จึงใช้วินิจฉัยให้อภิปรายได้ โดยใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที และห้ามอภิปรายเรื่องคุณสมบัตินายกฯ จากนั้นนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า ขณะนี้ประเทศขาดนายกฯ วันนี้การเมืองอยู่ในสภาวะทางตันประเทศ จึงต้องมีวาระเร่งด่วนเลือกนายกฯคนใหม่มาบริหารประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จะมีสิทธิอำนาจเลือกนายกฯด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านวุฒิสภา ประเทศไทยมาถึงจุดขาลงด้านเศรษฐกิจและมีภูเขาการเมืองมาทับซ้อน ทำให้ประชาชนทนอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจต่อไปได้อย่างไร จึงอยากเห็นนายกฯคนใหม่มาบริหารประเทศ แก้ปัญหาให้ประชาชนที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดเรียกร้องไปถึงอำนาจที่มองไม่เห็น รัฐสภาจึงต้องเป็นสิ่งแก้ปัญหาทางการเมือง ฝาก สส.ช่วยหาทางออกผ่าทางตันการเมืองไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช้ดุลพินิจลงมติอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ

“ณัฐพงษ์” เชิญชวนแก้อำนาจศาล รธน.

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชช. อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับขบวนการนิติสงครามที่ดำเนินการโดยกลุ่มคนชั้นนำ แม้ว่า สส.จะลงมติอย่างไร แต่ภารกิจของสภาฯและนายกฯคนต่อไปคือ การแก้ปัญหาประเทศที่ต้นตอ ถ้านับเฉพาะคดียุบพรรคก็มีหลายครั้ง หลายคนล้วนเป็นเหยื่อการตัดสินทางการเมืองที่ให้อำนาจล้นเกินแก่ศาลรัฐธรรมนูญ จึงต้องวางอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้รุกล้ำฝ่ายนิติบัญญัติจนล้นเกิน เชื่อว่าทุกคนเห็นปัญหาเช่นเดียวกันว่า หลายคนไม่สมควรถูกประหารชีวิตทางการเมือง มาตรฐานทางจริยธรรมควรเป็นเงื่อนไข กติกาที่พวกเราตรวจสอบกันเอง ไม่ใช่กติกาที่ให้องค์กรตุลาการมาวินิจฉัยโดยใช้มาตรวัดทางกฎหมาย โดยมาตรวัดมาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องที่แต่ละคนเห็นไม่เหมือนกัน ต้องใช้เสียงประชาชนมาตัดสิน

เป้าใหญ่สร้างเสถียรภาพประเทศ

“7 ปีที่ผ่านมา ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซ้ำร้ายยังถูกไปใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งจากกลุ่มคนชั้นนำ ทุบทำลาย สส.ที่ได้รับอำนาจสูงสุดจากประชาชน โจทย์ใหญ่คือ สร้างเสถียรภาพให้ประเทศ ไม่ให้เกิดสุญญากาศการเมือง ภารกิจสำคัญ สส.คือ เชิญชวนสานต่อภารกิจ ปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐญธรรมนูญ เพื่อแก้อำนาจศาล รธน. องค์กรอิสระ เป็นไปตามหลักสากล ปรับกติกาพรรคการเมืองให้เกิดขึ้นง่าย ตายยาก สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้ระบอบประชาธิปไตย การลงมติของพรรคประชาชนจะไม่เห็นชอบการเลือกนายกฯ เพราะต้องสงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วม” นายณัฐพงษ์กล่าว

ท่วมท้น 319 โหวต “อิ๊งค์” ซิวนายกฯ

กระทั่งเวลา 11.15 น. จึงเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกนายกฯ โดยการขานชื่อ สส.ตามลำดับตัวอักษร ให้ลงมติทีละคนจะเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะต้องได้รับเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยขณะนี้จำนวน สส. 493 คน จะต้องได้รับคะแนนเห็นชอบ 248 เสียงขึ้นไป โดยใช้เวลาลงคะแนนนาน 1 ชั่วโมง 10 นาที ผลปรากฏว่า น.ส.แพทองธารได้รับเสียงเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนน 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ถือว่า น.ส.แพทองธารได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ จึงได้รับความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ จากนั้น สส.พากันปรบมือแสดงความยินดีลั่นห้องประชุม จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งปิดประชุมในเวลา 12.35 น.

6 สส.ไทยสร้างไทยแท็กทีมพลิกขั้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการลงคะแนนปรากฏว่า เสียงคะแนนเห็นชอบ 319 เสียง มาจากเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลที่ลงมติไปทางเดียวทุกพรรค แต่เมื่อตัดเสียงของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ลาประชุม ทำให้เสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลเหลือ 310 เสียง จากเดิม มี 314 เสียง แต่มีเสียงของฝ่ายค้าน สส.พรรคไทยสร้างไทย 6 คน ที่เทเสียงเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารทั้งหมด ประกอบด้วยนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงพรรคเล็กที่มี 1 เสียง จำนวน 3 พรรคที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคใหม่ อีก 3 เสียง ก็เทเสียงเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้เสียงเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ รวม 319 เสียง

ปชป.งดออกเสียงครบ 25 สส.

ขณะที่เสียงไม่เห็นด้วย 145 เสียง เป็นเสียงของพรรคก้าวไกล 143 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคไทยก้าวหน้าของนายไขยามพวาน มั่นเพียรจิตติ์ 1 เสียง ส่วนคะแนนงดออกเสียงมาจากพรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ

แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร ชินวัตร

“อิ๊งค์” ปักหลักเกาะติดผลโหวตในสภาฯ

อีกด้านเมื่อเวลา 09.55 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เดินทางมาถึง Voice Space ถนน วิภาวดี เพื่อเกาะติดผลโหวตเลือกนายกฯของสภาฯหลังจากคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เข้าสู่การโหวตเป็นนายกฯคนที่ 31 และทางพรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้ร่วมกันแถลงข่าวสนับสนุน น.ส.แพทองธาร เมื่อวันที่ 15 ส.ค. โดย น.ส.แพทองธารกล่าวแซวเล่นกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้คนที่เกร็งน่าจะเป็นสามีมากกว่า เพราะตอนแรกไม่นึกว่าจะมีนักข่าวเลย จึงรู้สึกตื่นเต้น โดยวันนี้จะติดตามสถานการณ์ที่นี่ทั้งวัน เพราะต้องมีคุยกับคนในพรรค และรู้สึกเกรงใจที่นักข่าวมากันเยอะมาก” โดยบรรยากาศที่ Voice Space เป็นไปอย่างคึกคัก มี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว น.ส.แพ ทองธาร รวมถึงแกนนำพรรค พท. อาทิ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการ รมว.การท่องเที่ยวฯ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯมาร่วมติดตามการโหวตเลือกนายกฯไปพร้อมกับ น.ส.แพทองธาร

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

“เศรษฐา–แกนนำ พท.” ให้กำลังใจ

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาที่ Voice Space โดยผู้สื่อข่าวถามว่าเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกฯใช่หรือไม่ โดยนายเศรษฐากล่าวว่า มีธุระกับ น.ส.แพทองธารนิดหนึ่ง เมื่อถามว่าจะมาช่วยงาน น.ส.แพทองธารใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมขอไม่ตอบ เพราะตอบไปหมดแล้ว วันนี้ขอเป็นคนธรรมดาดีกว่า”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ทยอยเดินทางมาร่วมให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นต้น

“อุ๊งอิ๊งค์” ลั่นไม่สะท้านแรงกดดัน

ต่อมาเวลา 14.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า ดิฉันขอบคุณคะแนนโหวตและจะทำเต็มความสามารถทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ขอบคุณคุณเศรษฐา ทำงานหนักมา 1 ปีเต็ม ได้คุยกับคุณพ่อแล้ว ผ่านทางเฟซไทม์ ท่านบอกว่าเมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว ให้ทำเต็มที่ พ่อบอกว่าดีใจที่เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่งนายกฯก่อนที่จะเป็นอัลไซเมอร์ พูดแซวเล่นให้กำลังใจเสมอ คุณแม่ก็โทร.มาถามอยู่ตลอด ก็บอกว่าจะดูแลตัวเองให้ดี สำหรับความกดดันสามารถจัดการกับมันได้ มายด์เซตของดิฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองดีที่สุด เก่งที่สุด แต่เรามีแรงผลักดันที่ชัดเจน และมีทีมที่ดีที่เป็นแนวทางเดียวกัน

“สุริยะ” มั่นใจอวยยุคของคนรุ่นใหม่

จากนั้นภายหลังจาก น.ส.แพทองธารแถลงเปิดใจเสร็จเรียบร้อย น.ส.แพทองธารพร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ได้เดินลงมาส่งนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงโบกมือทักทายสื่อมวลชนที่มาเกาะติดทำข่าว หลังนายเศรษฐาขึ้นรถกลับแล้ว น.ส.แพทองธารได้แวะทักทายแฟนคลับคนเสื้อแดงที่มามอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดี ก่อนกลับขึ้นไปบนอาคาร

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกฯและ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกฯคนใหม่ เป็นคนที่ 3 แล้วของคนในตระกูลชินวัตร อยู่ในแวดวงการเมืองตั้งแต่สมัยตนเป็นเลขาธิการ พรรคไทยรักไทย ยุคนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่เชื่อว่าจะทำได้ดี เมื่อถามว่ามีข้อห่วงใย น.ส.แพทองธารอาจมีจุดจบทางการเมืองเหมือนกับพ่อและอา นายสุริยะกล่าวว่า ไม่เชื่ออย่างนั้น นายกฯคนใหม่จะเอาบทเรียนในอดีตมาพิจารณา ต้องยอมรับว่าในอดีตมีระบบที่เข้ามาพยายามทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งเรากลับมาได้

วันมูหะมัดนอร์ มะทา
วันมูหะมัดนอร์ มะทา

“วันนอร์” นำชื่อ “อุ๊งอิ๊งค์” ขึ้นทูลเกล้าฯ

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ภายหลังจากที่ประชุมสภาฯมีมติเห็นชอบให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คนที่ 31 ได้ลงนามในหนังสือมอบให้เจ้าหน้าที่สภาฯ นำไปส่งยังสำนักพระราชวัง เพื่อนำชื่อ น.ส.แพทองธารขึ้นทูลเกล้าฯตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้รอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งจะมีการแจ้งมายังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

พท.นัดรับสนองราชโองการ 18 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า มีการแจ้งในไลน์กลุ่มสมาชิกพรรค ระบุว่า กราบเรียนท่านสมาชิกทุกท่านครับ ขอสรุปกำหนดการการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ดังนี้ครับ วันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค. ที่อาคารวอยซ์ ทีวีเก่า 07.30 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ห้องอาหารชั้น 1 08.30 น. พร้อมกันที่โถงอาคารวอยซ์ สเปซ 09.00 น. ตั้งแถวรอรับพระบรมราชโองการ ทั้งนี้ สวมเครื่องแบบปกติขาว ท่านใดไม่สะดวกขอให้ผู้ชายใส่สูทผูกไทสีเหลือง ผู้หญิงเป็นชุดไทยจิตรลดาสีเหลือง

กัมพูชาอวยพรสดุดีว่าที่นายกฯ

วันเดียวกัน สมเด็จฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาแถลงแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งถึงการแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความเชื่อใจของคนไทยที่มีต่อ น.ส.แพทองธาร กัมพูชาและไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม และความเคารพซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธารจะช่วยส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของทั้ง 2 ชาติต่อไป

เช่นเดียวกับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯกัมพูชา และประธานวุฒิสภากัมพูชา แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของ น.ส.แพทองธารที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย เชื่อว่าบทบาทใหม่นี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับไทยแน่นแฟ้นในทุกด้าน เฝ้ารอที่จะได้ปฏิบัติงานร่วมกันทั้งกับ น.ส.แพทองธาร และรัฐสภาไทย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ ผลประโยชน์ และขยายความเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ขออวยพรให้ น.ส.แพทองธารมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอันทรงเกียรติ

ครูไทยแจงอยู่อิสระไม่ใช่ฝ่ายค้าน

นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวถึงกรณีโหวตสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. เป็นนายกฯ ทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายค้านว่า ได้คุยกับ สส.พรรคเล็ก ทั้งพรรคใหม่และพรรคประชาธิปไตยใหม่ การทำงานเราเป็นฝ่ายอิสระ ไม่ใช่ฝ่ายค้าน แต่ละพรรคมีสิทธิพิจารณาตามหลักการประชาธิปไตย การโหวตไม่ได้พูดคุยหรือตกลงกับพรรค พท. แต่ตัดสินใจเห็นชอบ โดยอิสระ เพราะเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวไม่ต้องการคัดค้าน จากนี้จะถูกจัดให้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคเน้นนโยบายที่เป็นประโยชน์ สร้างคุณภาพการศึกษาให้นักเรียน ปฏิรูปการศึกษา พัฒนาครู

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

“เจ๊หน่อย” ขอโทษ ปชช.สส.งูเห่ายกคอก

เมื่อเวลา 13.30 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท. โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี 6 สส.พรรคลงมติเห็นด้วยสนับสนุน น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรค ทสท.เป็นฝ่ายค้านในสภาว่า ดิฉัน และผู้บริหารพรรค ทสท. ขอยืนยันว่าพรรคมีจุดยืนรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่ซื่อสัตย์ต่อเสียงประชาชน และต้องปฏิบัติตามมติของพรรคฝ่ายค้านร่วม สส.ของพรรคควรมีจิตสำนึกต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา การลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกฯจากพรรครัฐบาล ถือว่าเป็นการขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรค ทสท.และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน เวลา 14.00 น.จะประชุมคณะ กก.บห.พรรค เพื่อพิจารณาการกระทำของ สส.ของพรรค ต้องกราบขอโทษต่อพี่น้องประชาชน สำหรับการกระทำของ สส.ของพรรคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเสียงของประชาชน

ทสท.ประณาม-สอบจริยธรรม

ต่อมามีแถลงการณ์พรรค ทสท.ระบุว่าตามที่ปรากฏ สส.พรรค ทสท. 6 คน ได้ลงมติเห็นชอบในการเลือกนายกฯจากฝั่งรัฐบาล เป็นการขัดต่อจุดยืนของพรรคและมารยาทการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างร้ายแรง พรรคไทยสร้างไทยรู้สึกผิดหวังเสียใจ โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ที่ได้ทุ่มเทแรงกายใจอย่างสุดความสามารถ จนนำพาบุคคลเหล่านี้ได้เป็น สส. ดังนั้น กรรมการบริหารพรรค จึงมีมติให้กรรมการวินัยและจริยธรรมสอบสวนตามข้อบังคับพรรค รวมทั้งมีมติเบื้องต้นไม่สนับสนุนให้ สส.ทั้ง 6 คนดำรงตำแหน่งใดๆ ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย และจะเรียก สส.ทั้ง 6 คน มาสอบสวนและแถลงถึงผลการสอบสวนต่อพี่น้องประชาชนให้ทราบอีกครั้ง พรรคไทยสร้างไทยขอโทษต่อพี่น้องประชาชนและพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง

ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ประวิตร วงษ์สุวรรณ

“บิ๊กป้อม” เสียงเข้มหยอกนักข่าว

ที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีมติโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประวิตรมีท่าทีขึงขัง เสียงเข้ม สัพยอกผู้สื่อข่าวที่ถามคำถาม พร้อมถามกลับว่า ถามอะไร ถามอะไรก็ไม่รู้ ก่อนแหวกวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นรถออกไป

สมาคมนักข่าวฯห่วงคุกคามสื่อ

วันเดียวกัน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชนหลังตั้งคำถามกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากที่ประชุมสภาฯเป็นนายก รัฐมนตรี พร้อมย้อนถามว่า “ถามอะไรๆ ไม่รู้” ว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว ขณะเดียวกัน ขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย

“ลุงป้อม” ออกตัวแค่แหย่สื่อคุ้นเคย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องที่เกิดเหตุกับ พล.อ.ประวิตร โดย พล.อ.ณัฐกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตรพูดคุย โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วก็พูดล้อเล่นและแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว

ภท.ยึด รมต.เดิม “ภราดร” รอง ปธ.สภา

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค ภท. 4 รมว. 4 รมช. ภายหลังเปลี่ยนนายกฯใหม่ ต้องมีการยืนยันเช่นเดิมหรือไม่ว่า เราไม่ต้องยืนยัน เพราะได้แจ้งกับพรรคแกนนำแล้วว่า พรรค ภท.ไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือตัวบุคคล ทุกอย่างยังเหมือนเดิมและได้นำเสนอนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ได้รับพิจารณาเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ว่า จะคนที่ 1 หรือ 2 คิดว่าน่าจะทำงานต่อเนื่อง ไม่มีอะไรสะดุดเพราะ น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้า พรรคเพื่อไทย เคยร่วมประชุมคณะทำงานพรรคร่วม เชื่อว่าการเมืองน่าจะนิ่งมีความเข้มแข็ง รัฐบาลต้องเดินหน้าทำงานไม่ให้หยุดชะงัก

ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม เวชยชัย

“ภูมิธรรม” สวนทางต้องล้างไพ่ ครม.

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงสัดส่วน ครม.ของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะคงได้เก้าอี้เท่าเดิมหรือไม่ ว่า ต้องรอนายกฯ คนใหม่ เป็นสิทธิของท่าน เมื่อถามว่า โดยมารยาททางการเมืองแล้ว ควรจะเป็นโควตาเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ไม่มีโควตาเดิมหรอกครับ เมื่อรัฐบาลเก่าสิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลใหม่ขึ้นอยู่กับนายกฯคนใหม่ ที่จะมาพูดคุยหารือกันกับหัวหน้าพรรคทุกพรรคที่สนับสนุน เมื่อถามย้ำว่า เป็นการล้างบางใหม่เลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดอย่างนั้นเลย เพราะยังไม่รู้ว่านายกฯ คนใหม่จะคิดอย่างไร ต้องรอท่านพิจารณา

นายกฯตระกูลชินฯไม่ใช่ปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับว่าที่นายกฯคนใหม่มาจากตระกูลชินวัตร จะเปลี่ยนผ่านประเทศได้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่านามสกุลชินวัตรไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นไปในด้านลบ ที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรได้ทำงานให้กับประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่องใช้ศักยภาพและบุคลากรของตระกูลสนับสนุน ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสาธารณชนจะตัดสิน สิ่งสำคัญคือ น.ส.แพทองธารไม่ได้เพิ่งจะเข้ามาอยู่การเมือง ดูดซับสิ่งต่างๆมายาวนานตั้งแต่ 8 ขวบ มีวุฒิภาวะทางการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคได้ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลพรรคได้อย่างดีไม่มีปัญหาอะไร อายุไม่ได้ เป็นปัญหา นายกฯคาซัคสถาน อายุ 40 ต้นๆ อยู่ที่ ศักยภาพความสามารถ การเข้าถึงประชาชน และการยอมรับของประชาชนเป็นหลัก เมื่อถามว่า นโยบายต่างๆ จะยังคงเดิมหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายภูมิธรรมกล่าวว่า น.ส.แพทองธารจะต้องหารือก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายใหม่ ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลและเห็นพ้องร่วมกันก่อนว่าต้องการนโยบาย อะไรบ้าง เพื่อที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ส่วนกระแสข่าวว่านายทักษิณท้วงติงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ตนได้ยินครั้งแรกจากสื่อมวลชนเช่นกัน และยังไม่เคยได้ยินจากปากของนายทักษิณ

สุทิน คลังแสง
สุทิน คลังแสง

“สุทิน” แจงยังเรียกถกโผทหารได้

ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภากลาโหม ว่า ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่ ในฐานะ รมว.กลาโหม สามารถทำได้ทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนด แต่โดยมารยาทคือ ไม่ริเริ่มนโยบายใหม่ และเริ่มผูกพันงบประมาณ ส่วนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารยังสามารถทำได้ เพราะไม่ใช่อำนาจรัฐมนตรีอย่างเดียว แต่ร่วมพิจารณากับคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ซึ่งตนสามารถเรียกประชุมได้ยกเว้นขั้นตอนสุดท้ายที่มีนายกฯ ที่จะมาทูลเกล้าฯ ตนก็เชื่อว่า แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็สามารถทูลเกล้าฯได้ ขณะนี้เหล่าทัพทยอยส่งโผทหารไปที่ปลัดกระทรวงกลาโหม ยังไม่ทราบว่าส่งครบหรือยัง ส่วนรัฐบาลใหม่จะมองถึงความต่อเนื่องของผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะมองอย่างไร เพราะคงไม่ใช่แค่กระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่รวมถึงกระทรวงอื่นด้วย โดยจะดูว่าจะให้ต่อเนื่อง หรือนับหนึ่งใหม่ ก็ต้องถามนายกฯคนใหม่

อยู่หรือไปทำใจว่างๆสบายๆ

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้กลับเข้ามานั่งเป็น รมว.กลาโหมอีกครั้ง นายสุทินกล่าวว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใจว่างๆ หลังจากประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พท. ยังไม่ได้คุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. แต่ได้ข่าวว่าในภาพรวมจะพยายามใช้ชุดเดิม ส่วนที่มองว่ามีคนวิ่งอยากเป็น รมว.กลาโหมหลายคนไม่กังวล เพราะมีข่าวอย่างนี้มาตลอด ตั้งแต่เริ่มเป็น รมว.กลาโหม เราชิลชิลเดินหน้าสบายๆ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 ส.ค. ที่มีกำหนดการไปเยือนกลาโหมสหรัฐฯ ได้เลื่อนกำหนดไปก่อน แต่ไม่ใช่เป็นการยกเลิก

“ปิยบุตร” อัดสืบทอดมรดกอำนาจ

วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “รัฐสมบัติ” ว่า รัฐสมบัติ หรือ Patrimonial State คือรัฐที่ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นเจ้าของ เมื่อผู้ปกครองคนหนึ่งพ้นไปก็ส่งมอบตำแหน่งให้สมาชิกในตระกูลขึ้นดำรงตำแหน่งต่อไป เสมือนเป็นทรัพย์สมบัติของตระกูล เป็นมรดกยกต่อให้ทายาท รัฐสมบัติไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวม ในโลกปัจจุบันครอบครัวหนึ่งทำธุรกิจร่ำรวย เมื่อพ่อแม่ตายไปก็ยกมรดกให้ลูก เช่นนี้คงไม่มีใครว่าในขณะที่ครอบครัวเศรษฐีเอง ตระหนักดีถึงกฎธรรมชาติ ที่ว่าความสามารถ อำนาจ บารมี ไม่อาจถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม พวกเขาจึงจ้างผู้บริหารมืออาชีพเข้ามา แล้วถ้าเป็นรัฐ เป็นเรื่องสาธารณะ เรื่องมหาชน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เราสามารถยอมให้การบริหารรัฐ กลายเป็นเรื่องของครอบครัว ตระกูลได้หรือประชาชนผู้เป็นเจ้าของรัฐร่วมกันต้องยินยอมครอบครัวหนึ่ง ตระกูลหนึ่ง ยกอำนาจรัฐให้กันเองภายในตระกูลราวกับเป็นสมบัติเป็นมรดกได้ สภาวการณ์ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาตวันนี้ นำมาซึ่งประชาธิปไตย 2 ตระกูล

กห.ไฟเขียว ก.ม.สกัดรัฐประหาร

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ร.ต.ธนิตพงษ์ ศิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่มี นายสุทิน คลังแสง รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ขั้นตอนต่อไปส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ ครม. จากนั้นส่งเข้าบรรจุในวาระการพิจารณาของสภาฯ ร่วมกับร่างกฎหมายของพรรคการเมืองต่างๆต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาระสำคัญร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ต้องการสกัดกั้นการทำรัฐประหารให้อำนาจนายกฯ โดยความเห็นชอบ ครม.สั่งพักราชการทหารคิดทำการรัฐประหาร

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่