เศรษฐกิจต้องนำการเมืองถึงจะรอด

หลายประเทศที่มีวิกฤติการเมืองรุนแรงบ่อยครั้ง แต่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อยมาก ทั้งนี้ เป็นเพราะการกำหนดนโยบายทางการเมืองและเศรษฐกิจต้องแยกออกจากกัน ในลักษณะยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะยาว ที่ไม่ว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะสั่นคลอนแค่ไหน การเมืองจะแข่งขันกันดุเดือดแค่ไหนต้องไม่กระทบกับเศรษฐกิจภาพรวม ประชาชนก็จะได้ไม่ต้องรับผลกระทบจากวิกฤติการเมือง ที่เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งไปด้วย

ส่องเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน พอจะสรุปได้ 2-3 แนวทาง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากกับดักการถดถอยอย่างต่อเนื่อง การกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าเข้าใจว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถ้ารัฐบาลทำได้ตามไทม์ไลน์เดิม ตอนนี้คงเห็นผลบ้างแล้ว เผอิญว่าโครงการไม่มีความพร้อมไม่สามารถเดินหน้าอย่างราบรื่น โดยเฉพาะจำนวนเงินในโครงการที่มีจำนวนมากและมีแนวโน้มจะกระทบกับวินัยการเงินการคลังของประเทศจึงต้องหาทางแก้ไขมาเป็นระยะ

การระดมเม็ดเงินลงทุนในระบบเดิมทีตั้งเป้าไว้ที่โครงการแลนด์บริดจ์ รวมทั้งการกระตุ้นการลงทุนผ่านซอฟต์พาวเวอร์ ก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย กรอบเวลาต่างๆ จำเป็นต้องเลื่อนออกไปอีก วิธีการระดมเงินทุนเฉพาะหน้าโดยการระดมเงินออมในประเทศจากภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็น โครงการหวยเกษียณ หรือ การเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ ให้กับประชาชนทั่วไป ยังไม่เห็นผลที่เป็นรูปธรรมออกมา

แม้แต่การเก็บภาษีก็ไม่ได้ตามเป้า เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถดถอยส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ การส่งออกยิ่งหนัก ต้องเจอกับอุปสรรคการแข่งขันสูง โดยการทุ่มตลาดและการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เหลือรายได้แค่ประตูเดียว คือการท่องเที่ยว ที่ต้องยอมรับว่าเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ตามฤดูกาล ไม่ได้ขายได้ทั้งปี และไม่สามารถกำหนดกรอบรายได้ที่ชัดเจนได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นหลัก จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและแรงจูงใจ การลงทุนไปกับการท่องเที่ยว จึงมีความเสี่ยงพอประมาณ ถ้าไม่ได้ผลไม่ต่างจากการตำนํ้าพริกละลายแม่น้ำ

ในที่สุดรัฐบาลชุดนี้ต้องหันมาโฟกัสที่การผลักดันธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร ที่มีทั้งได้และเสีย โครงการ Entertainment Complex ผ่านมติ ครม.ไปนานแล้ว มอบให้กระทรวงการคลังไปจัดทำเป็นกฎหมายออกมา กลายเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังจะไปจบที่ การเปิดบ่อนพนันถูกกฎหมาย อย่างเดียวหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นมีการต่อต้านแน่นอน รัฐบาลจึงต้องไปตั้ง คณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมา มี จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน

กฎหมายเตรียมจะเข้าสภาในเร็วๆ นี้ มีทั้งหมด 9 หมวด 85 มาตรา ครอบคลุมตั้งแต่การท่องเที่ยว กีฬา สถานบันเทิง และการประชุมสัมมนา ที่ร่วมกับกาสิโนด้วยผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป เสียค่าธรรมเนียมแรกเข้าปีแรก 5 พันบาท ต่ออายุปีละ 1 พันบาท และต้องเสียค่าเข้าบริการอีกครั้งละ 5 พันบาท จะแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนได้หรือไม่

เป็นอีกเรื่อง.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th 

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม