“เศรษฐา” รอลุ้นอยู่ทำเนียบ อ้างงานรัดตัว ส่ง “หมอมิ้ง” ฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. ไร้แผนสำรอง หากต้องหลุดเก้าอี้ “วิษณุ” ชี้ถ้านายกฯหลุด “ภูมิธรรม” รักษาการแทน ยันยังอยู่ในบัญชีแคนดิเดตฯ ต้องดูที่คำวินิจฉัยหากจะรีเทิร์นอีกรอบ “สุทิน-วราวุธ”มั่นใจได้ไปต่อ พรรค ปชช.เชื่อการเมืองไร้แรงกระเพื่อม “วันนอร์-วิสุทธิ์” ไปคนละทาง บรรจุวาระเลือกรองประธานสภาฯ “เสี่ยหนู” รอวิปรัฐบาลเคาะ ฝ่ายค้านไม่คาดหวัง พปชร.ดูท่าทีผู้สมัครก่อน ส่งซ่อมสส.พิษณุโลก พท.ย้ายบ้านใหม่ไปใช้ตึก “วอยซ์ทีวี” “ทักษิณ”ปลุกลูกพรรคฮึดสู้ค่ายส้ม ฟุ้งอีก 3 ปี ปั้น สส.ทะลุ 200 อัป ไทยภักดีชง กกต.ไล่บี้ “ปชช.” “ศรายุทธ์”โต้แหลกไม่มีทางรอดหูรอดตา กกต. นายกฯลุยเองเวทีแม่โขง-ล้านช้าง ดันไทยเจ้าภาพ World Pride 2030
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รอลุ้นฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องถอดถอนของ 40 สว. กรณีแต่งตั้งนายวิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปแทน
...
นายกฯส่ง “หมอมิ้ง” ฟังคำวินิจฉัย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่ห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทน ผอ.สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) (SACIT) นำผู้บริหาร SACIT เข้าพบนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์งาน “Crafts Bangkok 2024” ภายใต้แนวคิด “Sustainable Arts and Crafts” ที่มุ่งเน้นต่อยอดอัตลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสู่เวทีโลก รวมถึงสินค้าแฮนด์เมด งานศิลปหัตถกรรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 ส.ค. ที่ฮอลล์ 98-99 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ทั้งนี้ นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม ครม. ถึงการเข้าฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องถอดถอนของ 40 สว. กรณีแต่งตั้งนายวิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.ว่า ไม่ไป มอบให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปฟังแทน มีภารกิจเยอะแยะเลยแต่ไม่แน่ใจจำตารางงานไม่ได้ รู้แต่ว่าตารางแน่นเอี้ยด เข้าใจว่าอยู่ในทำเนียบฯทำงานตามปกติ
ห้องประชุม ครม.ไม่พูดคุยเรื่องนี้
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่มีการพูดคุยเรื่องวันที่ 14 ส.ค.กับนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ ตั้งแต่วันที่เตรียมข้อมูลและส่งข้อมูลครบแล้ว จนกระทั่งวันนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันอีก เมื่อถามว่านายวิษณุบอกว่าหากนายกฯถูกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง สามารถกลับมาเป็นนายกฯได้อีก โดยต้องฟังจากคำวินิจฉัยว่าผิดมาตราใด นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนพรรคเพื่อไทยจะมีการเตรียมการอย่างไรหรือไม่ ไม่ทราบ ต้องถามพรรค เมื่อถามว่าจะมีการตั้งวอร์รูมหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่มีวอร์รูม จบแล้วตั้งแต่ส่งคำแถลงการปิดคดี ถือว่าเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีผลคำวินิจฉัยออกมาทีมงานคงเข้ามาบอก
ไม่มีแผนสำรองหากหลุดเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯต่อไป นายเศรษฐาตอบว่า “อ๋อ ไม่ได้คิดเรื่องนี้ ให้มันเกิดขึ้นก่อนและค่อยว่ากัน” เมื่อถามว่าดูมีความมั่นใจพอสมควร นายกฯตอบว่า “ไม่ครับ ผมมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ เรื่องต่างๆที่สำนักข่าวหลายๆสำนักเอาไปวิจารณ์ หรือบางข่าวบอกว่าผมหน้าเศร้าบ้างอะไรบ้าง คุณแม่ผมเพิ่งเสียไป ผมก็หน้าเศร้าเป็นธรรมดา หรือบางคนบอกแหมมั่นใจมาก ไปเซตอัปการประชุมวางตารางเพียบถึงสิ้นเดือน เป็นหน้าที่นายกฯที่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน แต่ถ้าผลออกมาเป็นบวกผมก็เดินหน้าทำงานต่อไป แต่ถ้าผลออกมาเป็นลบ รักษาการนายกฯก็นำแผนงานที่เซตไว้ไปพิจารณา และปรับปรุงตามความเหมาะสม เป็นการทำงานทั่วไป ไม่ได้แสดงออกมั่นใจหรือไม่มั่นใจอะไร ผมเซตอัปงานไม่ใช่ว่าเป็นความประสงค์ของตัวเอง แน่นอนถ้าเกิดว่าต้องหลุดแล้วมีรองนายกฯรักษาการมาดู ก็คงพิจารณาดูตามลำดับความสำคัญที่เห็นว่าเหมาะสม อย่างน้อยจะได้รับทราบว่าเราได้แพลนอะไรไปแล้วบ้าง”
รับชื่อ รมต.รทสช.ส่งถึงมือแล้ว
นายเศรษฐากล่าวถึงการนัดหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อค่ำวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีการพูดถึงการปรับ ครม. เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ส่งชื่อผู้ที่จะเสนอเป็นรัฐมนตรีมาให้แล้วหรือยัง นายกฯตอบว่า พรรค รทสช.ส่งมาเรียบร้อยแล้ว อย่างที่บอกเดือนนี้มีเรื่องเยอะ อย่างเรื่องวันที่ 14 ส.ค. ต้องให้เกียรติก่อน ถ้าจะปรับ ครม.คิดว่ายังไม่เหมาะสม เมื่อถามว่าอาจปรับ ครม.หลังเดือน ส.ค.ใช่หรือไม่ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ ต้องพูดคุยกันอีกทีว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดในอดีต มีรัฐมนตรีบางท่านน้อยใจแล้วลาออกไป ถ้าเกิดเสนอเข้ามาแล้วจะไปอยู่ตรงไหน แล้วจะเกิดปัญหาเดิมอีกหรือเปล่า เราอยู่ด้วยกันก็ต้องพูดคุยกัน
“วิษณุ” ชี้ “เศรษฐา” หลุด “อ้วน” แทน
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง ยังสามารถรักษาการนายกฯ และปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ว่า สำหรับนายกฯไม่สามารถรักษาการได้ ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที และต้องให้รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่รักษาการนายกฯแทน ส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังสามารถรักษาการได้ เมื่อถามว่าหากนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งและยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ สามารถกลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่าส่วนตัวเห็นว่าได้ แต่ยังไม่ถูกตัดสินจึงยังตอบไม่ได้ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่าอย่างไร มีช่องให้เห็นอยู่ หากไม่มีช่องอะไรอยู่ก็เป็นไม่ได้
ยังเป็นแคนดิเดตฯอยู่ที่คำวินิจฉัย
เมื่อถามย้ำว่าหากศาลตัดสินให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง แต่ไม่มีอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญ สามารถกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ครับ แต่ต้องฟังคำวินิจฉัยว่านายกฯพ้นจากตำแหน่งไปด้วยเหตุตามมาตราใด ทั้งนี้หากนายกฯต้องพ้นจากตำแหน่ง ขั้นตอนต่อไปการเลือกนายกฯต้องใช้รายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคที่อยู่ในบัญชี และต้องมีเสียง สส.พรรคสนับสนุนเกิน 25 เสียง ขณะที่กระบวนการเลือกนายกฯคนนอกหมดไปแล้ว พร้อมกับอำนาจที่ สว.สามารถเลือกนายกฯได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เมื่อถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถหาแคนดิเดตนายกฯได้ ต้องตกเป็นของพรรคอื่นใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า พรรคไหนต้องไปตกลงกันเอง จะเอาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก
ลั่นอำนาจ รมต.ตั้งปลัดกระทรวง
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ยังเหลืออายุราชการอีก 7 ปีว่า ตามกฎหมายกำหนดสามารถดำรงตำแหน่งวาระ 4 ปี และสามารถต่ออายุราชการได้คราวละ 1 ปี 2 ครั้ง รวม 6 ปี แต่หากอายุราชการเกินต้องย้ายไปที่อื่น หรือเมื่อครบ 4 ปีแล้วย้ายเลยก็ได้ ส่วนจะต่ออายุหรือไม่ก็ได้ และเมื่อย้ายกลับเข้ามา สามารถดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงได้อีก 4 ปี ตามกฎหมายหากย้ายไปแล้วสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงเดิมได้ ยืนยันไม่ใช่เรื่องเทคนิคทางกฎหมาย แต่เป็นความตั้งใจของกฎหมายที่ไม่อยากให้อยู่ยาวนานเกิน คาดหวังว่าย้ายไปแล้วและย้ายกลับมาช่วงนั้นน่าจะเปลี่ยนรัฐมนตรีไปแล้ว โดยอำนาจตั้งปลัดกระทรวงเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ส่วนการแต่งตั้งอธิบดีเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง
“สุทิน” มั่นใจ “เศรษฐา” ได้ไปต่อ
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯว่า ไม่น่ามีอะไร ใครจะไปขยันปรับ ครม.บ่อยๆ เมื่อถามว่าหากนายกฯถูกศาลตัดสินไม่ได้ไปต่อ ยังคงเดินหน้าเจรจาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและเครื่องบินรบ หรือโครงการจะหยุดชะงักหรือไม่ นายสุทินตอบว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หมดอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีงานใหญ่อะไรขนาดนั้น ไม่รู้หรอกว่าทิศทางของศาลรัฐธรรมนูญจะออกแบบไหน แต่ช่วงนี้นอนหลับฝันดีอยู่ ไม่มีฝันร้ายช่วงนี้
“วราวุธ” เชื่อนายกฯผ่านไปได้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า เชื่อว่าคดีนายกฯไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายกฯจะผ่านไปได้ การทำงานของรัฐบาลตั้งแต่ไหนแต่ไรมาโฟกัสปัญหาประเทศมากกว่า ถ้ามัวแต่กังวลว่านายกฯจะไปต่อได้หรือไม่ การทำงานจะชะงักไปหมด ได้กำชับกับข้าราชการกระทรวง พม.ให้งานเดินหน้าไปต่อ เรื่องการเมืองก็ส่วนเรื่องการเมือง เมื่อถามว่านายกฯมีความเครียดต่อกรณีนี้หรือไม่ และนายกฯเคยพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า ไม่ได้พูดคุยกันแต่เมื่อวานตอนเย็น ได้เจอนายกฯที่ท้องสนามหลวง ดูสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี ไม่มีความกังวลอะไร
พท.เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ “ผู้นำ”
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. พาณิชย์ แจ้งต่อที่ประชุมถึงคำพูดของนายกฯ ว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการ ตัวนายกฯเองไม่ได้หนักใจ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ พรรคเพื่อไทยไม่ได้เตรียมการอะไร ขอให้เกิดขึ้นก่อน พรรคยังมั่นใจ ในความบริสุทธิ์ของท่านเช่นกัน ส่วนการปรับ ครม.ขอให้เป็นเรื่องของนายกฯ
“บิ๊กป๊อด-ผู้กอง” ไม่มีโอกาสพูดคุย
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธาน ที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแส ข่าวพรรค พปชร.จะถูกปรับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.เลย ในงานวันเกิดก็ไม่ได้คุยเพราะมีคนจำนวนมาก รวมถึงไม่ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พชปชร. เมื่อถามว่าเก้าอี้ยังคงแข็งแรงอยู่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทตอบว่า ขึ้นอยู่กับนายกฯ และทุกอย่างอยู่กับหัวหน้าพรรค พปชร. เมื่อถามว่า ได้หารือกับ ร.อ.ธรรมนัส กรณีมีกระแสข่าวจะขนสส.พรรค พปชร.ไปอยู่พรรคกล้าธรรมหรือไม่ พล.ต.อ. พัชรวาทตอบว่า ยังไม่เจอกันเลยยังไม่ได้คุย
“ปุ้ย” ปัดไร้สัญญาณโยกสลับเก้าอี้
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ในโควตารัฐมนตรีพรรค รทสช.ว่า ถามผิดคนแล้ว ต้องไปถามหัวหน้าพรรค และนายกฯ เมื่อถามว่าพรรคส่งสัญญาณมาที่ รัฐมนตรีหรือไม่ ไม่ว่าจะสลับสับเปลี่ยนอย่างไร น.ส.พิมพ์ภัทราตอบว่า สัญญาณต้องมาจากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ตอนนี้ยังทำงานอยู่ตามปกติ เมื่อถามต่อว่าหากสลับสับเปลี่ยนคนดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม น.ส.พิมพ์ภัทราตอบว่า ส่วนตัวเป็นคนทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ ขอให้ไปถามนายกฯ
“หนู” รอวิปรัฐบาลเคาะรอง ปธ.
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า เป็นเรื่องของสภาไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล อย่างที่บอกว่า มีการพูดคุยกันแล้ว แต่เป็นเรื่องของวิปรัฐบาลที่จะตกลงกัน พรรคเราอะไรก็ได้ มีความเข้าใจกันดีและทำตามกติกา ส่วนจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบ วงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ต้องเอาร่าง กฎหมายมาศึกษาก่อน นโยบายอะไรที่เป็นของรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุนถ้ามีการหารือกัน ต้องถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อกฎหมาย รวมถึง ต้องมีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า เบื้องต้น แกนนำรัฐบาลมีการหารือกันถึงโลเกชันที่จะเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้วหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ยังไม่ได้คุยถึงขนาดนั้น ต้องรอตัวแทนพรรคที่ไปร่วมประชุมรายงานผลมาก่อน
กั๊กเข้าเสียบขอดูสถานการณ์ก่อน
นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องคดีถอดถอนนายกฯ ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ให้เป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ควรให้ความเห็นหลังมีคำวินิจฉัย เมื่อถามว่าหากเกิด อุบัติเหตุทางการเมืองประเมินสถานการณ์อย่างไร นายชัยชนะตอบว่า คงไม่ต้องประเมิน เพราะพรรคยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เมื่อถามย้ำว่าหากมี เทียบเชิญให้ร่วมรัฐบาลจะพิจารณาอย่างไร นายชัยชนะ ตอบว่า ต้องกลับไปถามมติพรรค โดยกรรมการบริหาร พรรคต้องประชุมร่วมกันกับ สส. จะแสดงความคิดเห็น คนใดคนหนึ่งไม่ได้ และย้ำว่าอย่าใช้คำว่าพรรค ปชป. พร้อมร่วมรัฐบาล การเมืองไทยต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยังตอบไม่ได้ว่าจะร่วมหรือไม่
เชื่อคดีนายกฯไร้แรงกระเพื่อม
ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีถอดถอนนายกฯ จะมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองเกิดขึ้น หรือไม่ว่า ต้องรอดูคำวินิจฉัยในวันที่ 14 ส.ค. ก่อน คิดว่าคงไม่มีอะไร ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการให้องค์กรอิสระที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนมาตัดสินนักการเมืองในคดีแบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับการถอดถอนนักการเมืองด้วยวิธีแบบนี้ อยากให้นายกฯมาเจอกัน ในวันที่ 15 ส.ค. มาตอบกระทู้ถามสดที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน จะซักถามเรื่องการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าอย่างไร
รอมติวิปฝ่ายค้านส่งใครลงชิง
นายปกรณ์วุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนการเสนอชื่อ ผู้ลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 พรรคร่วม ฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกันเป็นทางการ จะหารือในที่ประชุม วิปฝ่ายค้านวันที่ 14 ส.ค. เท่าที่ทราบยังไม่มีพรรคใด ประสงค์เสนอชื่อแคนดิเดตชิงตำแหน่งดังกล่าว พรรคประชาชนไม่คิดว่าจะมีความเสียหาย หากจะส่งแคนดิเดต ลงแข่ง แม้รู้ตัวเป็นเสียงข้างน้อย แต่อยากให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นใครได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสภาฯ ให้มีเกียรติ ศักดิ์ศรี ใกล้ชิดประชาชน ส่วนกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ชิง ตำแหน่งดังกล่าวเป็นสิทธิของวิปรัฐบาล ไม่ไปก้าวก่าย หากพรรคร่วมรัฐบาลจะกรุณาโหวตให้พรรคประชาชนได้ตำแหน่งนี้ก็ยินดี เมื่อถามว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 มาจากเอ็มโอยูแม้จะถูกฉีกไปแล้ว แต่ควรเป็นของพรรคประชาชนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิตอบว่า ไม่ได้มองอย่างนั้น ไม่ได้คาดหวังในการรักษาคำพูด
“วันนอร์” บรรจุวาระเลือกรอง ปธ.
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 14 ส.ค. ได้บรรจุระเบียบวาระเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา แล้ว แต่ไม่แน่ใจทาง สส.จะขัดข้องหรือไม่ วิป 3 ฝ่ายประชุมกันแล้วจะเลือกในวันที่ 14 ส.ค. หากพร้อมก็ให้เสนอชื่อ ถ้าเสนอเพียงชื่อเดียว ไม่ต้องลงมติ แต่ถ้าเสนอมากกว่า 1 ชื่อ ต้องลงมติ ถ้าสภาฯยังไม่พร้อมขอเลื่อนไปก่อน ต้องแล้วแต่ที่ประชุม แต่ใจอยากให้เสร็จภายในวันที่ 14 ส.ค. เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องทูลเกล้าฯ ต้องใช้เวลา
ลั่นไม่ไขก๊อกจากประธานสภาฯ
นายวันมูหะมัดนอร์ยังกล่าวกระแสข่าวเตรียมลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ นพ.ชลน่านศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย มาดำรงตำแหน่งแทนว่า ยืนยันไม่มีเรื่องนี้ นพ.ชลน่านไม่เคยมาทวง มีแต่ให้กำลังใจว่าไม่เคยคิดจะมาดำรงตำแหน่งนี้ ยืนยันไม่เคยมีสัญญากับใคร มาจาก สส.เลือกกันมา ไม่มีใครเสนอแข่ง อีกทั้งยังแข็งแรงทำงานไหว ถ้าทำไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที ไม่อยากให้ฝ่ายบริหารมาสั่งการหรือกำหนด ต้องแยกระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ในส่วนของตนถ้าจะเปลี่ยนต้องเป็นกรณีลาออกหรือถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ เรื่องตำแหน่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือทำหน้าที่ได้ตามกฎหมายและข้อบังคับหรือไม่ หากทำหน้าที่ได้ก็ทำต่อ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นทำ ครั้งนี้ยังไม่มีเหตุอะไร ยังทำหน้าที่ต่อ หากมีเหตุค่อยว่ากันอีกที จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
วิป รบ.ขอเลื่อนโหวตออกไปก่อน
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า การโหวตเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ยังไม่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเจ้าของโควตายังไม่ส่งชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งมายังวิปรัฐบาล จึงไม่สามารถบรรจุเข้าวาระได้ทัน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าจะส่งชื่อใครมาเป็น ยืนยันว่าโควตานี้เป็นของพรรคภูมิใจไทยแน่นอน การประชุมพรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 12 ส.ค.ได้หารือกันแล้ว หากส่งรายชื่อมาเมื่อใดจะบรรจุวาระให้ทันที ช้าไป 1-2 สัปดาห์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยืนยันไม่ได้เกิดจากปัญหาเรื่องการสลับตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 และ 2 ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ไม่มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล หากฝ่ายค้านจะส่งลงแข่งถือเป็นสิทธิ แต่ส่งมาก็แพ้อยู่ดี เสียงโหวตพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเอกภาพแน่นปึ้ก
ไม่มีแลกโควตา รมต.ประชาชาติ
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย วิปรัฐบาล กล่าวว่า ยืนยันว่านายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ยังอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เหมือนเดิม ส่วนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นโควตาพรรคภูมิใจไทย ไม่มีประเด็นการแลกโควตากับพรรคประชาชาติ ในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับเก้าอี้รัฐมนตรี
พปชร.ดูท่าทีผู้สมัครซ่อมพิษณุโลก
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ว่า ที่ประชุมแกนนำพรรคร่วมให้พรรค พปชร.กับพรรคเพื่อไทยคุยกัน ต้องไปคุยกับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ที่สำคัญเราต้องดูความพร้อมของผู้สมัครที่เป็นลูกชายอดีตนายก อบจ.พิษณุโลก พื้นที่ดังกล่าวนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรค พปชร. ดูแลอยู่ ตามหลักการพรรคร่วมรัฐบาลหากพรรคใดพรรคหนึ่งส่งผู้สมัครอีกพรรคจะไม่ลงแข่ง เมื่อถามว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะเป็นการวัดกระแสรัฐบาลว่าดีขึ้นหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่าขึ้นกับหลายปัจจัย จะเอาเรื่องผลงานรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ แต่เรื่องสำคัญคือความพร้อมของคนที่ลงสมัคร ยืนยันว่าเมื่อลงสนามเลือกตั้งไม่มีใครกลัวใคร
พท.ย้ายบ้านไปใช้ตึก “วอยซ์ทีวี”
ช่วงบ่ายที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนสถานที่จากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ มาเป็นที่อาคารชินวัตร3 แต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีน ในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หรือมินิ วปอ. ขณะที่บรรดาแกนนำ รัฐมนตรี และ สส. ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะย้ายที่ทำการจากอาคารโอเอไอ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่จะถูกนำไปใช้ทางธุรกิจอย่างเต็มตัว ประกอบกับมีเสียงบ่นจากสมาชิกพรรคว่าการเดินทางไม่สะดวก การจราจรติดขัดหนัก ขณะที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ ผู้บริหารพรรควางแผนจะใช้อาคารวอยซ์ทีวีเดิม ถนนวิภาวดีรังสิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารเพื่อให้มีความพร้อม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
“ทักษิณ” ปลุกลูกพรรคฮึดสู้ส้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่อาคารชินวัตร 3 ด้วย ก่อนการประชุม สส. นายทักษิณได้เข้าไปทักทายกลุ่ม สส.ว่า มาให้กำลังใจ สส.ทำพื้นที่ สิ่งที่พวกเราทำคือการให้โอกาสกับประชาชน ต่างจากพรรคอื่น ของเขาทุกคนต้องหัวเท่ากัน แต่ของเราคือการสร้างอาชีพเท่ากัน ความเท่าเทียมของเขาคือพ่อแม่ลูกเท่ากัน แต่ความเท่าเทียมของเพื่อไทยคือเรื่องของโอกาส สร้างงานสร้างอาชีพ เรื่องปากท้อง เมื่อคนมีโอกาสเท่ากันคิดว่าประชาชนจะให้โอกาสกับเรา เชื่อว่าหลักร้อยจะอยู่แค่สมัยนี้ ถ้าเราทำอีก 3 ปี พรรคเพื่อไทยจะได้ 200 ขึ้น ที่สำคัญเมื่อเป็น สส.ต้องรู้จักกตัญญูกับประชาชน จากนี้จะไปเยี่ยมเยียนประชาชน คอยช่วยงานหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขออย่าไปหวั่นไหวกับเอไอ ไม่ต้องกลัว พรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคที่ทันสมัย วันนี้คนไทยอ่านแต่คอนเทนต์ที่สร้างจินตนาการมาจากความล้มเหลวของรัฐบาลก่อน เราจะไม่ทิ้งคนที่มีดีเอ็นเอเพื่อไทย ที่สอบไม่ผ่านครั้งนี้เราจะนำคนเหล่านั้นมาร่วมทำงานเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ
“อนุทิน” ไม่ขัดกาสิโนถูก ก.ม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรค ภท. ต่อร่าง พ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า การหารือของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ไม่ทราบว่าได้ข้อสรุปอย่างไร ต้องรอให้ตัวแทนพรรค ภท.มารายงานก่อน และต้องนำร่างกฎหมายมาศึกษา ถ้านโยบายของรัฐบาลมีการหารือกันต้องถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อกฎหมายใดๆ มีประโยชน์ต่อประชาชน พรรค ภท.พร้อมสนับสนุน
“ท็อป” พยักหน้ารอถกพรรคร่วม
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้มีการศึกษา หรือเห็นรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คงต้องพูดคุยกันก่อน เชื่อว่าทุกพรรคคงพูดคุยกันในเรื่องนี้ก่อนนำมาคุยในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีการพูดคุยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า ยังไม่เคยมี วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ต้องไปศึกษาจากร่างก่อน
ปชป.มองไม่เห็นกำไรไม่เอาด้วย
นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรค ปชป.แสดงจุดยืนแต่ต้นแล้วว่า ต้องกลับไปทบทวนให้ดีก่อนว่ากาสิโนจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้เท่ากับมาเก๊า หรือเวียดนาม สิงคโปร์ ที่เปิดไปแล้วมีรายได้ดีหรือไม่ ประเทศไทยควรกลับมาทบทวนฟื้นกีฬาพื้นบ้าน เช่น ไฮโลงานศพ หรือหวยใต้ดินขึ้นมาบนดินเพื่อจัดเก็บภาษี และวันนี้หน่วยปราบปรามเว็บพนันปราบปรามได้จริงหรือไม่ สมมติกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประกาศว่าจะเป็นเจ้าภาพแล้วเปิดให้ขออนุญาตทำเว็บพนันจ่ายภาษีแบบขั้นบันได 30-40-50% โดยที่รัฐไม่ต้องลงทุน แต่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังยากอยู่ เพราะต้องเชิญมาลงทุนนับแสนล้านบาท พรรค ปชป.ยืนยันว่าไม่ผ่านกฎหมายฉบับนี้อยู่แล้ว
“วิษณุ” ขันนอตดิจิทัลวอลเล็ต
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวถึงการหารือกับแกนนำรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า ทบทวนในวงเล็กๆ 2-3 คน เรื่องนี้วงใหญ่คุยมาแล้วหลายรอบ มีปัญหาบางประเด็นที่ให้ไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพราะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มาร่วมพิจารณาด้วยพบว่ายังมีปัญหาบางจุดที่สังคมอาจสงสัย ต้องทำให้ตอบคำถามสังคมได้ ที่สำคัญต้องตอบศาลให้ได้ด้วยหากมีคดีขึ้นมา ความจริงเขาเตรียมมาดีแล้ว เมื่อถามว่ากังวลปัญหาจะกลายเป็นดาบกลับมาแทงรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่กังวล เพียงแต่ยังไม่ครบถ้วน ต้องมาดูให้ถี่ถ้วน ดีกว่าดูลวกๆ ที่สำคัญทุกฝ่ายจะได้เกิดความมั่นใจ
“น้ำเงิน” สกัดเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. แถลงว่าประชุมพรรคพิจารณาเบื้องต้น ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ใน 4 ประเด็น คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.นี้ ไม่ได้แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย อาจทําให้มีทั้ง การพนันบนดินและใต้ดินที่อาจเป็นปัญหาต่อไปได้ 2.ผลประโยชน์ต่อรัฐและประชาชนไม่มีความชัดเจน 3.ผลกระทบเชิงขับเคลื่อน และกระตุ้นการท่องเที่ยว ยังไม่มั่นใจได้ 100% เนื่องจากมีหลายอย่างที่ดีกว่า และเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่การพนันไม่ใช่หนึ่งในนั้น 4.ไม่เห็นมาตราไหนในร่าง พ.ร.บ.ระบุเรื่องการช่วยเหลือ หรือดูแลแรงงานไทยในการจ้างงาน พรรค ภท.ส่งความเห็นกลับไปแล้ว หลังจากนี้ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนการกำหนดให้บริษัทที่จะได้รับงานต้องมีทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการกีดกันบริษัทอื่นหรือไม่ ยืนยันไม่ได้หักรัฐบาลแต่เป็นการเสนอความเห็นเท่านั้น
พร้อมรับฟัง ภท.ค้าน ก.ม.กาสิโน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวว่า พรรค ภท. เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องนี้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เราเป็นประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ดีเพราะค่อนข้างละเอียดอ่อน และพรรค ภท.มี สส.กว่า 70 คน เป็นตัวแทนประชาชนในหลายจังหวัด เรื่องนี้เราต้องมา พูดคุยกันไม่มีอะไร เมื่อถามว่าสามารถคุยกันให้เข้าใจได้หรือไม่ นายกฯตอบว่าได้แน่นอน ไม่มีปัญหา เป็นแค่ช่วงต้นยังไม่ได้ไปเร่งอะไร เราต้องมานั่งดูกันว่าตรงไหนที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับสังคมไทย เมื่อถามว่ามองว่าแค่ทำประชาพิจารณ์ไม่พอ อาจต้องยกระดับถึงการทำประชามติ นายเศรษฐาตอบว่า ต้องมาคุยกัน เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เป็นอะไรที่เราพูดกันมานานมากหลายสิบปี เรื่องของการพนันที่ต้องใช้คำว่าสังคมอีแอบ มันมีอยู่แล้วใช่หรือไม่ การจะยกขึ้นมาบนดินเชื่อว่าพรรค ภท.เห็นด้วย แต่จะยกขึ้นมาในโครงสร้างอย่างไร มีกี่เจ้า ต้องมาพูดคุยกัน รวมถึงพรรคร่วมอื่นด้วย
ทภด.ชง กกต.ไล่เบี้ย “ประชาชน”
ช่วงสายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายทศพล พรหมเกตุ เลขาธิการพรรคไทยภักดี (ทภด.) ยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบจำนวนสาขาพรรค ของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และตรวจสอบบัญชีรับบริจาคของพรรคประชาชน นายทศพลกล่าวว่า ไม่ได้มายื่นเรื่องยุบพรรคประชาชน แต่ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีสาขาไม่ครบตามจำนวนกฎหมายกำหนด ย้อนไปตั้งแต่ปี 2560 ที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ เข้าข่ายสิ้นสภาพตามมาตรา 91 (3) หรือไม่ ทั้งให้ตรวจสอบการจัดประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ตราสัญลักษณ์ และเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ เชิญชวนให้ร่วมบริจาคผ่านบัญชีธนาคาร เป็นไปตามระเบียบ กกต.หรือไม่
“ติ่ง” โต้ 10 ปี คงไม่รอดหูรอดตา กกต.
ขณะที่นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชช.) กล่าวว่า การตั้งสาขาพรรคตามกฎหมายต้องตั้งให้ครบ 4 ภาคภายใน 1 ปี กรณีนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่สำนักงาน กกต.จะปล่อยให้หลุดไปได้ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เป็นพรรคมานานกว่า 10 ปี เป็นเครื่องการันตีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเปิดบัญชีรับบริจาคนั้นพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 9/2555 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับบริจาคไว้นานแล้ว มีทั้งที่วงเล็บว่าเป็นค่าบำรุง และวงเล็บว่าสำหรับการบริจาค ตามกฎหมายกำหนดทุกประการ แม้ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อพรรคแต่เป็นนิติบุคคลเดียวกันมีความสืบเนื่องกัน การเปลี่ยนชื่อบัญชีเป็นพรรคประชาชน เป็นขั้นตอนทางธุรการหลังที่ประชุมใหญ่มีมติเปลี่ยนชื่อพรรค ขณะนี้กำลังรอธนาคารอนุมัติเปลี่ยนชื่อบัญชีตามขั้นตอนปกติ ส่วนใบเสร็จรับเงิน เป็นใบเสร็จที่ออกในนามพรรคประชาชน ตั้งแต่วันเปลี่ยนชื่อพรรค เพราะการเปลี่ยนชื่อและข้อบังคับพรรคมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่มีมติได้ทันที ขอยืนยันว่าพรรคประชาชนจัดตั้งสาขาพรรค มีบัญชีรับเงินบริจาคถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ไม่ได้หลบเลี่ยง หรือปฏิบัติตามขั้นตอนไม่ครบถ้วน ตามที่บุคคลต่างๆกล่าวอ้าง
นายกฯลุยเองเวทีแม่โขง-ล้านช้าง
อีกเรื่อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค. ที่ จ.เชียงใหม่ จะเดินทางไปร่วมประชุมช่วงเช้าวันที่ 16 ส.ค. ปกติแล้วนายกฯไม่ต้องไป แต่มีเรื่องความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี การท่องเที่ยว การบินพลเรือน โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด อย่างที่ทราบว่าแหล่งผลิตอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการยับยั้งการค้าออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลผลักดันต่อ และจะลงพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงรายต่อในสัปดาห์หน้า
ดันไทยเจ้าภาพ WorldPride2030
กระทั่งเวลา 18.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษในงาน “Unity in Action: Thailand’s Next Steps in Equality” ในหัวข้อ “Towards Equality and Unity: Announcing Thailand’s Advancements in Marriage Equality Legislation and Readiness to Propose Hosting the InterPride World Conference” ประกาศจุดยืนของไทยสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ของไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัด InterPride World Conference 2025 และเตรียมเสนอเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030 นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนกฎหมายที่ยกระดับสิทธิ LGBTQ+ เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับชุมชน LGBTQ+ กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทย ยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และจุดหมายปลายทางการพำนักระยะยาวของครอบครัว LGBTQ+ ไทยมุ่งหวังที่จะผลักดันวาระ LGBTQ+ และสนับสนุนชุมชนไพรด์ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่