แนวโน้มการเมืองไทยยังจะไม่สะเด็ดน้ำง่ายๆ พรรคประชาชน เป็นก้าวต่อไปของ ก้าวไกล ยังมี กับดักการเมือง ที่อยู่ ภายใต้รัฐธรรมนูญ หมกเม็ดรออยู่อีกมากมาย ในที่สุดการเมืองไทยจะเป็นการเมืองภาคบังคับให้เลือกระหว่าง อนุรักษนิยมใหม่ กับ ประชาธิปไตยใหม่ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการชิงอำนาจทางการเมือง

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อดีตพรรคก้าวไกล ที่นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในเวลานั้น ประกาศบนเวทีเลือกตั้งชัดเจนว่า มีลุงไม่มีเรา หมายความว่า ถ้ามี พรรคอนุรักษนิยม ในวันนั้นที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะต้องไม่มี พรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านในเวลานั้นแข่งขันกันเองอยู่ 2 พรรค พรรคเพื่อไทย กับ ก้าวไกล ซึ่งเพื่อไทยมีความเชื่อมั่นว่าจะได้ สส.มา แบบแลนด์สไลด์ คือมากกว่า 250 เสียง และจะจับมือกับฝ่ายค้านในสภาตั้งรัฐบาล

หลังการเลือกตั้งผลออกมาไม่เป็นไปตามคาด ผิดแผนโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าเพื่อไทยต้องเสียเก้าอี้ให้ก้าวไกลส่วนหนึ่ง และเสียให้พรรคภูมิใจไทยที่อยู่ฝ่ายอนุรักษ์หรือฝ่ายรัฐบาลเดิมอีกส่วนหนึ่ง ทำให้สูตรรัฐบาลมีปัญหา

สาเหตุหนึ่งก็เพราะก่อนการเลือกตั้ง คนเบื่อรัฐบาลลุง และกลัวว่า ลุงจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก เมื่อมีพรรคการเมืองประกาศว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลลุง คนก็แห่ไปเลือกกันใหญ่ เพื่อไทย มาปรับกลยุทธ์ในภายหลังก็ตามไม่ทัน ก้าวไกล แล้ว ผลคือก้าวไกลได้สส.มาเป็นอันดับ1 พลิกล็อกเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

เพื่อไทย หนีไม่ออกจำเป็นต้องร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล ซึ่งมีเงื่อนไขว่าจะต้องมี การแก้รัฐธรรมนูญ และ แก้ไข ม.112 ที่ก้าวไกลหาเสียงเอาไว้ แม้เพื่อไทยจะได้ประโยชน์จากการนี้ก็ตาม แต่จากโจทย์ที่ได้รับ การตั้งรัฐบาลขั้วฝ่ายค้านก็ไม่น่าจะสำเร็จ ถึงจะสำเร็จก็เป็นรัฐบาลไม่ได้นาน และจะต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคที่เดินออกจากเพื่อไทยไปด้วยความขัดแย้ง คงทำงานร่วมกันลำบาก

...

มีทางเลือกเดียวคือ ล้มกระดานรัฐบาลก้าวไกล และไปจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม ยอมกลืนน้ำลายคำสัญญาในระหว่างการหาเสียงเอาไว้ เป็นเหตุให้ เพื่อไทย เสียคะแนนนิยมชนิดกู่ไม่กลับ

เมื่อยอมไปจับมือกับพรรคลุงตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็จริง แต่ เพื่อไทย มีค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายไปมหาศาล เสียมวลชน เสียตำแหน่งกระทรวงหลักที่สำคัญ เสียตำแหน่งประธานสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และถูกตราหน้าว่าเป็น พรรคอนุรักษนิยมใหม่ ในขณะที่ความจริงก็คือถ้าเพื่อไทยไม่ยอมพลิกขั้ว ก็ตั้งรัฐบาลไม่รอด นึกภาพถ้าตอนนี้นายกฯชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประเทศจะอลเวงแค่ไหน

ในที่สุดประเทศไทยจะต้องถูกแบ่งขั้วอำนาจการเมืองเป็นสองขั้ว อนุรักษนิยมใหม่กับประชาธิปไตยใหม่ วัดจากความชัดเจนในการแก้ ม.112 ที่กำลังเป็นคลื่นใต้น้ำและนำไปสู่วงจรอุบาทว์ในอนาคต

เดิมพันประเทศด้วยระบบและสถาบัน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ "คาบลูกคาบดอก" เพิ่มเติม