ถ้าผลเป็นคุณก็ปาร์ตี้เลย ถ้าไม่เป็นคุณก็ยิ่งปาร์ตี้หนัก

สุ้มเสียงจาก “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นัดกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในพรรคก้าวไกล ลุ้นผลนัดสำคัญ 7 ส.ค.คดียุบพรรคก้าวไกล

อารมณ์ตัดพ้อประชดประชัน ไม่ต่างจากบรรดาแกนนำ สส.พรรคก้าวไกล ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ขึงขังแต่แฝงความท้อแท้ในชะตากรรมทางการเมือง

เหล่าสาวก แฟนคลับ กำหมัดกัดฟัน ทำใจกันล่วงหน้า “ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง”

เพราะมองว่าก้าวไกล คือพรรคดิจิทัลผู้มาก่อนกาล ท่ามกลางระบบการเมืองที่ยังอยู่ในยุคอนาล็อก ไม่พยายามก้าวไปข้างหน้าให้เร็วไวเหมือนนานาอารยประเทศ

โดยเฉพาะศูนย์รวมอำนาจการเมือง ที่รู้ตัวเองว่าเปลี่ยนเร็วก็ตายเร็ว เห็นสัญญาณชัดเจนแล้วจากปรากฏการณ์สีส้มในสนามเลือกตั้ง

แล้วก็ไม่ผิดคาด ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดยุบพรรคก้าวไกล ชี้ว่าคำร้องของ กกต.ไม่ได้ผิดระเบียบขั้นตอนตามที่พรรคก้าวไกลพยายามโต้แย้ง

และการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญามาตรา 112 ของสมาชิกพรรคก้าวไกล ถือเป็นการลดทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ กรรมการบริหารพรรคจำเป็นต้องรับผิดชอบ แม้จะไม่ได้เป็นผู้เสนอแก้ไขเอง

...

ถือเป็นความผิดโดยอ้อม ปล่อยปละละเลยให้ สส.ของพรรคดำเนินการที่เป็นการปลุกปั่น ปลุกเร้ากระแสสังคม นำมาซึ่งความขุ่นเคืองแตกแยก เกลียดชัง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ศาลรัฐธรรมนูญจึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลด้วยมติเอกฉันท์ 9–0 พร้อมเพิกถอนสิทธิการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค ในช่วงระหว่าง 25 มี.ค.2564–31 ม.ค.2567 เป็นเวลา 10 ปี

นั่นหมายความว่าตัดสิทธิกรรมการบริหารทั้ง 2 ชุด คือ ชุดที่มี “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค และชุดล่าสุดที่ “เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรค

เหี้ยนเตียน ไม่เป็นคุณต่อพรรคก้าวไกลร้ายแรงขั้นสุด

พลพรรคก้าวไกลยืดอกทำใจยอมรับ แต่ไม่ยอมจำนน พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล คือหมุดหมายถัดไปของพลพรรคสีส้ม ที่จะขับเคลื่อนพลพรรคคนรุ่นใหม่

ไม่น้อยใจโชคชะตา ยึดหลักการตายสิบเกิดแสน

“อาจารย์ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล หรือ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะรับหน้าเสื่อเป็นผู้นำรุ่น 3

แต่สำหรับ “อาจารย์ไหม” ดูแนวโน้มถ้าเป็นผู้นำก็อาจอยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะคดี 44 สส.พรรคก้าวไกลถูกร้องจริยธรรม ปมเข้าชื่อแก้ไขมาตรา 112 รายบุคคล ยังค้างอยู่ใน ป.ป.ช. รอขึ้นเขียงในช็อตต่อไป

ถ้าผลออกมาทางลบ “อาจารย์ไหม” ก็คงไม่รอดถูกตัดสิทธิการเมือง รวมทั้งอีก 44 รายที่ต้องตายทางการเมืองพร้อมกัน ในจำนวนนี้เป็น สส.ประมาณ 30 คน และเป็นระบบเขตราว 10 คน ที่ต้องเลือกตั้งซ่อม

เหนืออื่นใดการยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 ส.ค. เท่ากับตัดสิทธิ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา ที่เป็น สส.พิษณุโลก ไปแล้วทันที ดังนั้นต้องมีการเลือกตั้งซ่อมด่วนจี๋ภายใน 45 วัน

และสนามเลือกตั้งซ่อมเมืองลับแล จะเป็นสัญญาณบอกอะไรได้หลายอย่าง

แต่สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล หรือพรรคใดๆที่สืบทอดดีเอ็นเอสีส้มต่อจากนี้คงต้องยึดมั่นไม่หวั่นไหวคืออุดมการณ์ที่ครองใจประชาชน

เชื่อเหลือเกินว่ายุบพรรคหนนี้มีงูเห่าไม่น้อยแน่ที่จะละทิ้งอุดมการณ์ ไม่สนคนประณาม

เพราะสิ่งยั่วยุล่อใจมันทำให้ไขว้เขว ตามข้อมูลที่แกนนำพรรคก้าวไกลเปิดเผยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หรือแม้กระทั่งตัว สส.เอง อย่างล่าสุดที่ “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” สส.ฉะเชิงเทรา ออกมาแฉมีผู้ช่วย รมต.เสนอเงิน 30 ล้านบาท แลกกับการย้ายไปร่วมกับพรรคใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้น แต่ “จิรัฏฐ์” ยืนกรานไม่ไป

กระนั้นก็ใช่ว่าจะคิดแบบนี้กันทุกคน งูเห่าสีส้มที่ยอมทิ้งอนาคตการเมืองไว้ตรงนี้คงมีไม่น้อย

ยอมเป็นหมากเบี้ยให้บางพรรคการเมือง ที่จ้องจะดูด สส.งูเห่าเอาไปเติมเดิมพันต่อรองอำนาจ ฉุดลากการเมืองไทย หนีไม่พ้นวังวนวงจรอุบาทว์

ส่วนค่ายส้มจะโตหรือจะตาย แต่ช่วงสมัยรัฐบาลนี้คงโตไม่ได้แล้ว เพราะแคนดิเดตนายกฯก็ไม่เหลือ

เลือกตั้งครั้งหน้าถึงจะได้กลับมาลุ้นเกมใหม่.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม