“ชัยธวัช” ย้ำ พรรคก้าวไกลไม่ได้ล้มล้าง-เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค “พิธา” ขอบคุณ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำหน้าที่ ประกาศเริ่มต้นทำการเมืองในฐานะพลเมืองทำให้ประเทศดีขึ้น ลั่น ไม่ทิ้งไปไหน

เมื่อเวลา 18.05 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้งหมด และสมาชิกพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคก้าวไกล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่ 1 และ 2 ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564-31 มกราคม 2567 เป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง พร้อมห้ามกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าว ไปจดทะเบียนหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค 

ทั้งนี้ ก่อนการแถลงกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ร่วมกันร้องเพลงศรัทธา จากนั้น นายชัยธวัช นำแถลงว่า สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยวันนี้ ส่งผลว่าพรรคก้าวไกลถูกยุบ และกรรมการบริหารพรรค 11 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ตาม พวกเราขอยืนยันว่า ข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายที่ควรจะเป็น เราไม่ได้ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

...

พวกเราเห็นว่าผลของศาลในวันนี้ สิ่งที่ได้รับผลกระทบและสำคัญกว่าการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล และสิทธิกรรมการบริหารพรรค คือ คำวินิจฉัยวันนี้จะเป็นการวางบรรทัดฐานตีความรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่อันตราย สุ่มเสี่ยงกระทบหลักการสำคัญและคุณค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ควรจะเป็นในอนาคต สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ในระยะยาวระบอบประชาธิปไตย จะกลายพันธุ์เป็นระบอบอื่นได้ นี่คือนัยสำคัญ 

ทางด้าน นายพิธา กล่าวว่า มายืนตรงนี้ด้วยความซาบซึ้งใจ เป็นเกียรติที่ได้รับใช้ประชาชน เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกคน แม้วันนี้ต้องอำลาในฐานะนักการเมือง ในฐานะ สส. แต่จะเริ่มต้นทำการเมืองในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง จะไม่ทิ้งประชาชนไปไหน ตราบใดที่ประชาชนยังไม่ทิ้งตน รวมถึงจะทำทุกวิถีทางในฐานะพลเมืองคนไทยคนหนึ่ง ในการทำให้บ้านเมืองดีขึ้น และช่วยพาหนะใหม่ (พรรคใหม่) ตามที่กฎหมายอนุญาต ในการที่จะช่วยจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา

“ถึงพี่น้องประชาชนที่กำลังฟังอยู่ทางบ้าน หรือที่รออยู่ที่พรรค ผมเข้าใจดีว่าท่านอาจจะรู้สึกผิดหวัง อาจจะรู้สึกโกรธแค้น หรือมีน้ำตา ไม่ว่ากันครับ วันนี้ 1 วัน เรามาเศร้า เสียใจ โมโหให้ได้เต็มที่ พรุ่งนี้เราขีดเส้นต่อหน้า แล้วเราจะก้าวข้ามมันไป เราจะเอาความคับแค้นใจ ความโมโห พลังงานที่มันมีอยู่ตอนนี้ เราจะไม่ปล่อยให้มันกัดกินพวกเราครับ เราจะผลักมันแล้วไประเบิดมันในคูหาทุกการเลือกตั้งต่อจากนี้ไป”

พร้อมกันนี้ นายพิธา ยืนยันว่าไม่ท้อ ขณะเดียวกัน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ก็ไม่ได้ไปต่อเช่นกัน จึงต้องมีเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 เกิดขึ้น ซึ่งในฐานะประชาชนจะเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ รวมถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ที่ประชาชนสามารถใช้พลังในการออกเสียงเลือกตั้ง ย้ำว่าจากนี้จนถึงปี 2570 จะไม่ทิ้งทุกคนแน่นอน พร้อมส่งต่อ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นมากล่าวต่อ.