"วิโรจน์" ลั่น 7 ส.ค. แค่วันปกติ ตอนนี้วางแผนงานยาวไปถึง ก.ย.แล้ว มั่นใจไม่มีงูเห่า หากโดนยุบพรรคก้าวไกล มองเสียงรัฐบาลพอแล้ว เชื่อเพื่อน สส.ได้บทเรียนจาก อนาคตใหม่ ส่วนฝากเลี้ยงเป็นหนอน ประชาชนดูออก

วันที่ 5 ส.ค. 2567 ณ อาคารรณนภากาศ กองทัพอากาศ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ว่า เป็นวันที่ปกติ และคิดงานไปจนถึงวันที่ 8-9 สิงหาคม ยาวไปจนถึงเดือนกันยายนแล้ว เชื่อว่าภายใต้นิติรัฐ นิติธรรม และที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงเรื่องข้อกฎหมาย รวมทั้งเอกสารที่ กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเท็จ คลาดเคลื่อนกับข้อเท็จจริงที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจง หรือความกรุณาของ ศ.สุรพล นิติไกรพจน์ ที่มาเป็นพยานในคดีให้ ซึ่งถือว่าเป็นนักนิติศาสตร์ที่นักนิติศาสตร์ในเมืองไทยให้การยอมรับ และไม่มีใครออกมาโต้แย้งแม้แต่คนเดียว มีแต่ข่าวที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจคือ ศ.สุรพล กำลังจะถูกปลดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กกต. ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเท็จ แต่ก็รู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญในจริยธรรมที่ปกปักรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นนักนิติศาสตร์และนักกฎหมาย

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคอาจจะไม่มีงูเห่า แต่อาจจะมีลักษณะของการฝากเลี้ยง นายวิโรจน์ ระบุว่า เลือกแบบนี้สุดท้ายก็จะดูออกว่าฝากเลี้ยงไว้ เหมือนที่ตัวเองแซวว่าเป็นหนอน ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นงูคงไม่มี เพราะดินฟ้าอากาศทางการเมืองไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น เพราะรัฐบาลก็ได้เสียงข้างมากไปแล้ว และก็ได้เห็นบทเรียนของงูเห่าชุดหนึ่งไปแล้ว นอกจากจะไม่ได้รับการเลือกตั้งกลับมาแล้วยังถือว่าเป็นความด่างพร้อยของวงศ์ตระกูล บางคนยังไปไหนมาไหนไม่ได้ ลูกหลานต้องเปลี่ยนนามสกุลด้วยซ้ำไป และความเชื่อของนักการเมืองรุ่นเก่าที่บอกว่า การเมืองแบบใหม่ทำไม่ได้หากไม่มีเงินมาแจก มีแต่งานมาแลก สุดท้ายต้องใช้ทรัพยากรอยู่ดี พรรคก้าวไกลก็พิสูจน์มาแล้วว่ามันเป็นไปได้ และแนวโน้มเหมือนจะดีขึ้น จึงคิดว่างูเห่าไม่มี ส่วนฝากเลี้ยงเชื่อว่าประชาชนดูออกจากการโหวต และท่าทีทางการเมือง

...

นายวิโรจน์ ยังระบุถึงเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล ด้วยว่า ทุกคนพูดถึงกันแต่เรื่องงาน และที่เชื่อมั่นว่าจะไม่มีงูเห่า ปกติแล้วตัวเองเคยผ่านการยุบพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว สถานการณ์จะอยู่ในภาวะที่เงียบกริบ จะรู้ข่าวจากภายนอก แต่ครั้งนี้รู้ข่าวจากภายในผ่านการพูดแซวกันว่า คนนั้นได้รับสาย ก็สะท้อนให้เห็นว่าหากมีการพูดแซวกันก็หมายความว่าไม่ได้ไปแน่นอน สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่พูดแซวกันมากกว่า และคนที่มาทาบทามก็ลักษณะเหมือนกับโยนหินถามทางก็แค่นั้นเอง

เมื่อถามถึงรายชื่อที่มีการหลุดออกมาว่าเตรียมจะย้ายไปพรรคอื่น นายวิโรจน์ ตอบว่า แล้วแต่จะรังสรรค์ปั้นแต่ง ตัวเองเชื่อว่าผู้ที่ปล่อยเรื่องนี้ออกมาพยายามทำให้ สส.พรรคก้าวไกลแตกคอ แตกแยกกัน เพราะบางครั้งเห็น สส.พรรคก้าวไกลไปคุยกับพรรคอื่น ทุกคนภายนอกก็จะเอามาปล่อยข่าวโพสต์นั่นโพสต์นี่ เป้าหมายก็คือการสร้างความไม่ไว้วางใจ เพราะฉะนั้นก็ได้ประชุมแล้วพูดคุยกันว่าขออย่าไปสนใจเขาเหล่านั้น หากมัวแต่มามองซ้ายมองขวาไม่ไว้ใจกัน ทำงานใหญ่ไม่ได้ เพราะคนที่ไปสุดท้ายก็ไป ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ดีกว่า.