“อนุทิน” ลงพื้นที่นครพนม กำชับนโยบายปราบปรามยาเสพติด ย้ำ เจ้าหน้าที่ต้องเด็ดขาด ลั่น ไม่อยากเห็นอนาคตของประเทศเป็นทาสยาเสพติด พร้อมดึงสติเด็กส่งยา คุ้มหรือไม่เอาทั้งชีวิตแลกเงินไม่เกิน 2 หมื่น

วันที่ 4 สิงหาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมามอบนโยบายแก่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับในประเด็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล ณ อาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม

นายอนุทิน ระบุในตอนหนึ่งว่า การบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน ที่ผ่านมาถือว่าเรามีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอในด้านการจับกุม ขอให้ท่านดำเนินการในแนวทางที่เหมาะสมและเข้มข้นต่อไปให้ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอย่างประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ระหว่างฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมถึงฝ่ายทหาร การทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เราต้องให้ความสำคัญกับการรณรงค์ และใช้พลังของชุมชนในการร่วมมือเพื่อขจัดปัญหายาเสพติด ที่สำคัญคือ ความโปร่งใส ปลอดทุจริต และตรงไปตรงมาในกระบวนการทำงาน เพื่อปราบปรามทั้งยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้อง

...

ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้คัดเลือกให้จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดนำร่องในการดำเนินการป้องกันและปรามยาเสพติด ตามมาตรา 5 วงเล็บ 10 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วย เชื่อว่าเราจะทำได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตนและรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต้องเน้นย้ำกันเป็นพิเศษ เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันดูแลส่อดส่อง ต้องไม่ให้มียาเสพติดเข้ามาในชุมชน ต้องให้ความรู้กับชาวบ้านถึงอันตรายของยาเสพติดต่อสุขภาพและความผิดตามกฎหมาย ไปจนถึงต้องไล่จับผู้กระทำความผิด

“ผมเป็นห่วงลูกหลานไทย เชื่อว่าทุกท่านก็เช่นกัน เราไม่อยากเห็นอนาคตของประเทศไปเป็นทาสยาเสพติด ยาเสพติดมันเข้ามาต้องมีคนขนส่ง จับได้ทีก็รับสารภาพว่า ได้เงินมาหลักพันถึง 20,000 บาท โดนจับทีไม่ต้องคิดกลับไปหาลูกเมีย ถามว่าเงินที่ได้มามันคุ้มกับอนาคตที่เสียไปหรือไม่ บางคนร้องไห้คิดถึงครอบครัว แต่เราต้องดำเนินตามกฎหมาย ใครก็ตามที่ยังทำอยู่ วันหนึ่งต้องโดนจับ จะสำนึกได้ว่าเงินที่ได้มามันไม่คุ้มเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากกำชับเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด นายอนุทิน ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยขอความร่วมมือทั้งจากฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ.