นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมตำรวจสอบสวนกลางขอช่วยปราบเว็บ-แอปฯปลอม หลังประชาชน แห่ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ชื่นชมทำงาน มืออาชีพไม่ยอมให้ใครแทรกแซงแบบไม่ถูก กฎหมาย ฮึ่ม!ไม่ยอมเด็ดขาดเอาชื่อ “เศรษฐา-การเมือง” มาอ้าง กระทรวงดีอีขออย่าเชื่อข้อความบิดเบือน ยันแอปฯทางรัฐ มีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด เป็นไปตามมาตรฐานการรักษา ข้อมูลส่วนบุคคลของ PDPC ขณะที่การลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต 2 วัน ทะลุ 21.5 ล้านรายแล้ว ปลัดคลัง แจงหลักการผูกพันงบปี 67 “แจกเงินดิจิทัล” ยันไม่ขัดกฎหมาย คาดจ่ายได้ไม่เกินเดือน ธ.ค.ปีนี้ ผู้พิการทางสายตาวอนขอคำแนะนำแบบเสียงและอักษรเบรลล์ประกอบ เพราะลงทะเบียนลำบากสแกน ใบหน้าไม่ตรงกรอบ

วันที่ 2 ส.ค. เป็นวันที่ 2 ของการเปิดลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยแอปพลิเคชันทางรัฐ โดยวันแรกคือวันที่ 1 ส.ค. ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น. มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ่นพึมของประชาชนถึงระบบการลงทะเบียนที่ขัดข้องติดขัดไม่ลื่นไหล หลังการคิกออฟ โดยบางคนลงทะเบียนสำเร็จ บางคนไม่สำเร็จ บางคนลงทะเบียนได้แค่ขั้นตอนที่ 2 ขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนจากผู้พิการทางสายตาถึงการลงทะเบียนว่า มีบางสิ่งบางอย่างไม่อำนวยความสะดวกต่อการลงทะเบียน

คนลงทะเบียนวันแรก 18.3 ล้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.39 น. วันที่ 2 ส.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีว่า ณ เวลา 06.00 น. วันที่ 2 ส.ค. มีผู้ลงทะเบียนถึง 18.3 ล้านคน วันแรกไม่ถึง 24 ชั่วโมงถือว่าเยอะมาก ตัวเลขดังกล่าวเชื่อว่า สามารถบ่งบอกได้หลายอย่าง เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการใหม่ๆเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความตื่นตัวและเข้า ใจดีขึ้น แอปพลิเคชันมีความเสถียรในจุดๆหนึ่ง แต่แน่นอนว่าเรื่องของการทุจริตหรือความไม่ถูกต้องเราให้ความสำคัญ

...

มั่นใจสุจริตพร้อมตอบทุกคำถาม

เมื่อถามว่า งบฯเพิ่มเติมปี 2567 ผ่านสภาแล้ว แต่มีผู้ไปยื่นร้องศาลปกครอง จะทำให้โครงการสะดุดหรือไม่ นายกฯตอบว่า มั่นใจในความสุจริต และมั่นใจในที่มาที่ไปของโครงการนี้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องตอบทุกข้อสงสัยขององค์กรอิสระทั้งหลาย เมื่อถามว่า ไทม์ไลน์จะสะดุดหรือช้าลงหรือไม่ นายกฯตอบว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไร และขออย่าไปคาดเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หากเกิดขึ้นเราก็ดีลกับมันไป

ตรวจเยี่ยม บช.ก.ชื่นชมมืออาชีพ

ต่อมาเวลา 10.48 น. นายเศรษฐาเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน ตรวจเยี่ยมการทำงาน มี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.ให้การต้อนรับ นายกฯรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ REAL TIME CRIME CENTER (RTCC) ที่ควบคุมอาชญากรรมแบบเรียลไทม์ จากนั้นได้กล่าวมอบนโยบายว่า ขอชื่นชมการทำงานและความซื่อสัตย์สุจริต เป็นมืออาชีพดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ไม่สะทกสะท้านต่อการที่มาขอร้องอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีหน่วยงานหลายหน่วยอาจจะมาเบียดเบียนหรืออาจจะมาขอร้อง แต่ตำรวจสอบสวนกลาง ตนมั่นใจและติดตามมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯเป็นหน่วยงานที่มั่นคงยึดมั่นในหลักการ เรื่องที่รายงานอย่างเรื่องดิจิทัล ทำให้การทำงานด้วยกระดาษน้อยลงไปบริการประชาชนได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นหัวใจหลักทุกหน่วยงานปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ฉะนั้น เรื่องดิจิทัลรัฐบาลนี้สนับสนุนทุกด้าน รวมถึงเรื่อง National CCTV Center System เป็นเรื่องที่ดูอยู่ เป็นเรื่องที่ใหญ่มากพอสมควร ครอบคลุมในหลายมิติ

แอบอ้างชื่อ “เศรษฐา” จัดการถึงที่สุด

นายกฯกล่าวด้วยว่า ส่วนปัญหาอาชญากรรมทั้งหลาย เชื่อว่าพวกท่านรู้อยู่แล้วมีการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้พูดคุยกับ ผบช.ก.ในหลายวาระที่เจอกัน ทราบกันดีมีการส่งคนไปเทรนและศึกษายุทโธปกรณ์ ระบบงานต่างๆ จึงอยากขอให้ดำรงไว้ซึ่งการพัฒนาต่อไป บุคลากรมีคุณภาพอยู่แล้ว เรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปเยอะ อย่าตั้งอยู่บนความประมาท อยากให้กำชับลูกน้อง ยุทโธปกรณ์ต่างๆต้องพร้อม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามยาเสพติดที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล เราเข้มงวดขึ้นเยอะ ฉะนั้นเรื่องความรุนแรงจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้เน้นเรื่องยุทโธปกรณ์เน้นอย่าประมาท เพราะมีการสูญเสียไปบ้างแล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อย่าชะล่าใจ เขาก็จัดเต็มมาเหมือนกัน รัฐบาลยินดีสนับสนุน

นายกฯกล่าวอีกว่า แน่นอนเรื่องที่เราไม่ค่อยอยากจะพูดกัน แต่ต้องพูด แรงกดดันทางการเมืองหรือการจะมาก้าวก่ายก็มีเยอะ “ผมในฐานะที่เป็นนายกฯเรื่องนี้ผมไม่ยอม ขอยืนยันต่อหน้าพี่น้องสื่อมวลชนตรงนี้ ถ้ามีการเอาชื่อของผมไปอ้างหรือชื่อทางการเมืองมาอ้าง ผมไม่ยอม ทุกอย่างว่ากันไปตามหลักกฎหมาย ดำเนินการให้ถึงที่สุด” และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

ฝากปราบเว็บปลอมหลอกลงดิจิทัลวอลเล็ต

นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องนโยบายหลักรัฐบาลต้องขอบคุณหน่วยงานที่สนับสนุนมาโดยตลอด เมื่อวันที่ 1 ส.ค.มีการเปิดให้ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตและเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 2 ส.ค. คนเข้ามาลงทะเบียนเกือบ 20 ล้านคนแล้ว แน่นอนมีเว็บปลอมเว็บเถื่อนอะไรก็มาก ฝากด้วยให้ดูแลช่วยกันกระจายข่าว รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุนทุกๆเรื่อง ขอให้กำลังใจ อย่าให้ใครเข้ามาแทรกแซงตรงนี้ได้ รัฐบาลนี้ไม่ยอมเด็ดขาดและยินดีที่จะเป็นที่พึ่งของพวกท่าน ขอบคุณที่ช่วยดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเป็นกลาง จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ บช.ก. เยี่ยมชมร้านค้าสวัสดิการ ก่อนติดตราสัญลักษณ์สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 7 สิงหาคม 2567 ลงบนบอร์ด เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมบช.ก.ก่อนถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

มีผู้จ้องทุจริตหลายโครงการรัฐ

พล.ต.ท.จิรภพให้สัมภาษณ์หลังนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับว่า ในอดีตโครงการต่างๆของรัฐบาลมีหลายโครงการ เเต่ละโครงการมีผู้ไม่หวังดีหาช่องทางการทุจริต เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน นายกฯจึงเห็นว่าควรจะป้องกันตั้งแต่ต้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งให้ตนเป็นหนึ่งในคณะทำงานและต้องมีนายตำรวจระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากำกับดูแล ไม่ทราบว่าเป็น พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือไม่ ไม่ใช่เป็นการเจาะจงเลือกใช้เพียง บช.ก. แต่ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ รวมถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศจะต้องบูรณาการร่วมกัน เนื่องจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องใหม่ บช.ก.ต้องศึกษาในรายละเอียดว่ามีช่องโหว่ช่องว่างตรงไหนที่จะทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์หรือไม่

อนุทิน ชาญวีรกูล
อนุทิน ชาญวีรกูล

“อนุทิน” โยนดีอี “ทางรัฐ” กับ “ThaiID”

อีกด้านที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุว่าแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไม่เชื่อมกับแอป “ThaiID” ของกระทรวงมหาดไทย ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบกับการยืนยันตัวตนว่าประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) อยู่ แต่ในส่วนของระบบ “ThaiID” ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่ มีความพร้อมอยู่แล้ว เหลือแค่การเชื่อมระบบที่เราดำเนินการอยู่ แต่รายละเอียดอยากให้ถามดีอี

ดีอีขออย่าเชื่อข้อความบิดเบือน

วันเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความบิดเบือนเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไร้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ข้อความดังกล่าว หากมีการเผยแพร่ออกไปสู่วงกว้างจะเป็นผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการใช้งานดิจิทัลของประชาชน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโครงการสำคัญของรัฐบาล

ยันแอปฯมีระบบป้องกันข้อมูลรั่ว

รมว.ดิจิทัลฯกล่าวอีกว่า ดีอีและสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (สกมช.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กำหนดกรอบแนวทางการสนับสนุนความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” และแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ พัฒนาระบบ ตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC พร้อมกับการตรวจสอบการออกแบบการพัฒนาและการทดสอบ เพื่อรับมือสถานการณ์ที่มีการเจาะระบบและจัดให้มีการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารที่มีการเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ที่เข้าข่ายหลอกลวงสร้างความเข้าใจผิดหรือหลงเชื่อแก่ประชาชน เช่น การสร้างเว็บไซต์ปลอม การหลอกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม การสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอม และยังกำหนดการจัดทำแผนดำรงความต่อเนื่องของการดำเนินงานของระบบ แผนฟื้นฟูเพื่อคืนสภาพการพร้อมให้บริการ เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล ดีอีได้จัดตั้งทีมตรวจสอบและเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ ยืนยันว่าการลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคลผ่านแอปฯทางรัฐ มีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของ PDPC

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ถึงเย็นยอดลงทะเบียน 21.5 ล้านราย

ช่วงเย็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เผยว่า จนถึงเวลา 18.00 น.วันที่ 2 ส.ค. มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 21.5 ล้านราย และสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง เชื่อว่าหลังจากนี้ยอดผู้ลงทะเบียนจะชะลอตัว เพราะรัฐเปิดให้ลงทะเบียนจนถึงวันที่ 15 ก.ย. เรื่องความปลอดภัยของแอปทางรัฐ ยืนยันว่า มีระบบยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัยสูงสุด แอปทางรัฐยังมีบริการของราชการอีกมากกว่า 200 บริการและมีความปลอดภัยแน่นอน

ปลัด ก.คลังคาดเริ่มจ่ายเงินได้ ธ.ค.67

ขณะที่นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า การใช้งบประมาณปี 67 เพื่อ “ดิจิทัลวอลเล็ต” คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้ช่วงเดือน ธ.ค.ปีนี้ ยืนยันว่าสามารถทำได้ไม่ขัดต่อกฎหมายงบประมาณ วิธีดำเนินการจะเป็นรูปแบบการผูกพันงบปี 67 เพื่อไปใช้ในปีงบ 68 เป็นการผูกพันโครงการ จากประชาชนที่เข้ามาลงทะเบียน และได้รับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องรอดูจำนวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์โครงการในวันที่ 22 ก.ย. เพื่อดำเนินการผูกพันโครงการ ทั้งนี้ งบประมาณปี 67 ที่รัฐบาลจะนำมาใช้ในดิจิทัลวอลเล็ต วงเงินรวม 165,000 ล้านบาท แบ่งเป็น มาจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และงบจากการบริหารจัดการ 43,000 ล้านบาท ฉะนั้น การผูกพันโครงการจึงต้องรอดูจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์รับสิทธิ์ 16.5 ล้านคนก่อน ส่วนจำนวนประชาชนที่ผ่านเกณฑ์รับสิทธิ์นอกเหนือจากจำนวนดังกล่าว ก็จะใช้งบประมาณในปีงบ 68

เผยผู้พิการสายตาลงทะเบียนลำบาก

ที่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศการลงทะเบียนเข้ารับสิทธิ์โครงการเติมเงิน 10,000 บาท เมื่อวันที่ 2 ส.ค. พบว่ากลุ่มผู้พิการทางสายตา เริ่มพากันมาลงทะเบียนเข้ารับสิทธิ์ โดยเฉพาะที่มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอด ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ต้องคอยแนะนำและพาผู้พิการทางสายตาดำเนินการขั้นตอนต่างๆตามที่รัฐบาลกำหนดและพบว่ามีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นหลายอย่าง

น.ส.อัญธิฌา สอนแวว พนักงานตรวจและประเมินมาตรฐานสื่อการเรียนการสอน ที่เป็นผู้พิการทางสายตา กล่าวว่า การลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตมีอุปสรรคหลายอย่าง โดยเฉพาะการสแกนใบหน้า ผู้พิการทางสายตาจะมองไม่เห็นว่ากรอบในโทรศัพท์ที่ต้องสแกนตรงกับใบหน้าของตัวเองหรือไม่ ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่คอยบอก จึงจะสามารถลงทะเบียนได้ จึงควรเพิ่มคำแนะนำแบบเสียงหรือแบบอักษรเบรลล์หรือตามความพิการของแต่ละกลุ่มไปด้วย อุปสรรคอีกประการที่ผู้พิการทางสายตากังวลและสร้างความยุ่งยาก คือ ต้องกลับไปใช้เงินตามภูมิลำเนาของตัวเองและต้องใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวให้หมดเพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมาหลายครั้ง ขณะนี้ก็ใช้ชีวิตลำบากอยู่แล้ว หากรัฐบาลจ่ายเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีจะง่ายและเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการมากขึ้น หากมีเฟสสองหรือมีการปรับแก้เงื่อนไขหรือขั้นตอน อยากให้คำนึงถึงผู้พิการด้วย

อยากให้ซื้ออุปกรณ์คนตาบอดได้

ขณะที่ น.ส.ธนวันต์ วรินทร์ปกรณ์ พนักงานบริหารสื่อการเรียนการสอน โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดขอนแก่น กล่าวว่า ผู้พิการทางสายตาส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน ลงทะเบียนผ่านระบบเสียงแล้วทำตามขั้นตอนตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด จะมีทั้งเจ้าหน้าที่และนักเรียนของโรงเรียนได้รับสิทธิ์เกือบทุกคน ทุกคนล้วนดีใจและวางแผนการใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพ ส่วนเงินเดือนของผู้พิการที่ได้รับอยู่แล้ว จะนำไปซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ไม้เท้า หรืออุปกรณ์เฉพาะของคนตาบอดที่ไม่มีขายในร้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วไป อุปกรณ์คนตาบอดมีราคาสูงไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป จึงอยากให้ร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการนี้สามารถรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตนี้ด้วย จะดีใจมาก

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่