“รองนายกฯ ภูมิธรรม” รับลูกนายกฯ นำพาณิชย์ทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 3 เดือน ก่อนเงินดิจิทัลวอลเล็ตออก เน้น SME ผู้ประกอบการรายเล็ก เริ่ม Kick off 20 ส.ค.-20 พ.ย.นี้ คาดลดค่าครองชีพประชาชนได้ 7,000 ล้านบาท

วันที่ 2 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอรรถกร ศิริรัตยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.-20 พ.ย. 2567 เสนอนายกฯ ซึ่งรัฐบาลจะร่วมมือกันในการทำ เพราะเห็นถึงความยากลำบากของประชาชน เราคิดว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้าไปนิดหนึ่ง มีช่วงว่าง 3 เดือนที่ยังไม่มีอะไรมาทดแทน โครงการนี้จะทำให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่ดิจิทัลวอลเล็ต ช่วยสร้างรายได้ ลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน โดยเน้นที่ SME ผู้ประกอบการรายเล็ก ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มาช่วย จะเริ่ม Kick off วันที่ 20 ส.ค.นี้ หลังจากเดินทางไป ครม.สัญจร 

โดยเป้าหมายในการลดรายจ่าย เช่น จัดสถานที่ออกร้านให้กับเกษตรกร ผู้ค้ารายย่อยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าแผง หรือลดราคาให้มากที่สุด ได้เจรจากับกระทรวงมหาดไทยใช้ศาลากลางจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ และกระทรวงกลาโหมมีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่งที่สามารถเข้าไปใช้ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขายสินค้าเป็นกรณีพิเศษ และจะมีรถของกลาโหมมาทำรถโมบาย นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะใช้ อสม.ลงพื้นที่ประสานงานท้องที่ และสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้า เราจะส่งเสริมให้ประชาชนขายผ่านรถพุ่มพวงโดยเราจะส่งสินค้า อาทิ หมู ไก่ น้ำตาล น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

...

หลังจากวันที่ 20 ส.ค. นี้ จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชน และสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งท่านนายกฯ สั่งการให้ไม่กระทบร้านค้ารายย่อย เราจะดึงร้านค้ารายย่อยให้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ และเมื่อลดค่าใช้จ่ายเกษตรกรผู้ผลิตก็ต้องไม่ถูกกดราคา ประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นพื้นฐานก่อนที่ดิจิทัลวอลเล็ตออก ให้ประชาชนสามารถเพิ่มการลงทุน ค้าขายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นมติให้ดำเนินการและกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานทั้งหมด