วิถีการเมืองนั้นมีจังหวะและเวลาของมัน หากเข้าช่องผิดก็ยากจะประสบผลสำเร็จได้ คือทำให้ตายยังไงก็ไม่ได้ นี่กระมังที่ "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงย้ำอยู่เสมอว่า “อยู่เป็น รอได้” ทำให้สามารถรักษาเนื้อรักษาตัวรอดทางการเมืองและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

จนพูดได้ว่า “ดาวรุ่งพุ่งแรง” คนหนึ่งของนักการเมืองไทย

“ถ้าเป็นนายกฯก็ต้องเป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวสำรอง”

นี่เป็นคำยืนยันล่าสุด ในท่ามกลางการเมืองที่ไม่แน่นอนโดยเฉพาะกรณีที่นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ยิ่งต้องลุ้นว่าจะถูกถอดถอนหรือไม่

เอาเป็นว่าการเมืองพร้อมที่จะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

ในสถานการณ์อย่างนี้ใครที่คิดหวัง ว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถคิดได้ทั้งนั้น โดยบรรดาที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

“แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

ทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย แต่ถ้าจะได้เป็นก็ต้องมีเสียงสนับสนุนมากที่สุด ด้วยการโหวตในสภาอยู่ที่ว่า ใครจะสำแดงเดชได้เท่านั้น

แน่นอนว่าหาก “เศรษฐา” มีอันต้องไป พรรคเพื่อไทย คงจะส่งคนเข้าประกวดแน่นอน เพราะมั่นใจว่าจะสามารถกุมเสียงข้างมากได้

คือ 314 เสียงแบบรัฐบาลชุดนี้แหละ...

...

แต่ในสถานการณ์เปิดกว้างอย่างนี้ คนที่มีโอกาสและพรรคที่สังกัดย่อมสนับสนุนให้เป็นไปอย่างนั้น

อย่างที่ปรากฏก็คือ “ลุง” แห่งบ้านในป่าแม้เจ้าตัวจะไม่ได้เคยพูดหรือแสดงตัวอย่างชัดเจน แต่ลูกน้องหรือคนใกล้ชิดพยายามที่จะแสดงการให้ปรากฏ อย่างล่าสุดได้เกิดความขัดแย้งเพราะมีเรื่องขึ้นในพรรค

อีกทั้ง “ทักษิณ” ได้เปิดเกมกันท่าแล้ว เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้ลูกสาว ได้ตำแหน่งนี้ไม่ต้องรออีก 4 ปีแล้ว

เพราะเวลาผ่านไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไปด้วย ทางที่ดีคว้าไว้ก่อนดีกว่า

หรือคนอื่นๆก็คงคิดไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าจะเก็บอาการได้หรือไม่ หรือยังไม่มีความพร้อมอยู่แบบนี้ไปก่อนดีกว่า

เพราะถ้าพลาดอาจจะตัดโอกาสไปเลยก็ได้

“อนุทิน” ซึ่งเวลานี้ทุกอย่างเกือบจะครบเครื่องแล้ว โดยเฉพาะได้บารมีกำลังเบ่งบาน หลังจากสามารถได้พลังหนุนจาก 150 สว.ชุดใหม่ที่สังกัดสาย “สีน้ำเงิน” ทำให้มีดุลอำนาจสูงขึ้น

จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” นอกจากเคยเป็น “นายเก่า” แล้วยังอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน จึงพยายามที่จะดึงหรือจับให้อยู่มือ

เพื่อไม่ให้แยกตัวไปเป็นอื่น

แน่นอนว่า “อนุทิน” คงเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร อีกทั้งตัวเองก็ยังไม่พร้อม จึงไม่แสดงตัวให้เห็นร่องรอยแต่อย่างใด

แต่ถ้าถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

นั่นแหละ...พร้อมชนทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม!


"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม