“ศุภกร” คณะทำงานนายกฯ มั่นใจแอปฯ “ทางรัฐ” ปลอดภัย ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ข้อมูลประชาชนถูกเจาะผ่านเว็บไม่ได้ ชี้ รัฐบาลกำลังปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่สั่งสม 10 ปี
วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นายศุภกร คงสมจิตต์ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี ด้านการลงทุนระหว่างประเทศ ย้ำถึงความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งเป็นระบบเว็บไซต์กับแอปพลิเคชัน ทั้ง Web App และ Mobile App ที่แยกออกจากกัน ต่อให้มีการแฮกหน้าเว็บไซต์ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะเข้าถึงข้อมูลหลังบ้าน ซึ่งที่เป็นหัวใจของระบบบริการต่างๆ ได้ เหมือนการสั่งอาหารบนแอปพลิเคชัน หรือการใช้บริการพร้อมเพย์ที่ไม่สามารถดำเนินการบนเว็บไซต์ได้ ดังนั้น แก่นของแอปพลิเคชันทางรัฐ จึงอยู่ที่ Mobile App ไม่มีเว็บแอปฯ ทำให้ไม่สามารถเจาะถึงข้อมูลสำคัญได้
ส่วนความเสี่ยงจากการใช้งาน นายศุภกร แนะนำว่า ต้องมีการจัดการระบบที่ดี เช่น พัฒนาระบบอย่างรัดกุม ไม่แนะนำให้ประชาชนและผู้ดูแลระบบตั้งรหัสผ่านง่ายๆ ทั้งนี้ ความเสี่ยงหลายๆ ตัวบนการพัฒนาระบบเป็นความเสี่ยงที่บริหารจัดการได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าห้ามทำ แต่หากยิ่งเสี่ยง ยิ่งต้องมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐต่างๆ ที่สะดวกสบายมากขึ้นในอนาคตด้วย ดังนั้น แอปพลิเคชันทางรัฐ หัวใจจึงอยู่ที่บริการด้านในที่มีการออกแบบระบบความปลอดภัยเพื่อจัดการความเสี่ยงแล้ว ส่วนเว็บไซต์มีเพียงเพื่อให้สื่อสารกับประชาชนได้เพิ่มเติม
นายศุภกร ยังได้กล่าวถึงบทสัมภาษณ์ของ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังประสบปัญหา ว่า โครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยวันนี้เป็นผลลัพธ์ของการขับเคลื่อนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา วันนี้ประเทศไทยปรับตัวช้า และเคยชินมานานเหมือนกบต้ม แต่หากไม่เริ่มวันนี้ การเปลี่ยนแปลงก็จะถูกผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
...
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ลงมือทำแล้วตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ โดยให้ความสำคัญจากการต่อยอดจุดแข็งของโครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเกี่ยวกับคนไทยจำนวนมากในระยะสั้น ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์ การขนส่ง การเกษตร และอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลมุ่งผลักดันอย่างเต็มที่และต่อยอดให้เร็ว จะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้มาก แม้จะเป็นส่วนประกอบที่เล็กของระบบเศรษฐกิจในเชิงมูลค่า แต่เกี่ยวข้องกับคนไทยเป็นจำนวนมาก การเติบโตต่อต้องหาตลาดที่ประเทศไทยจะเสริมต่อยอดได้ เช่น การพัฒนาสนามบินเพื่อรองกับการท่องเที่ยว และโครงการแลนด์บริจด์ ซึ่งจะกลายเป็นแม่เหล็กทางเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุน การค้า การเคลื่อนที่ของสินค้า คน ความรู้ และเงินทุนเข้ามาในประเทศ สร้างโอกาสเป็นจุดผ่านการขนส่งทุกอย่างของภูมิภาค
ในระยะยาวที่ต้องเริ่มทำวันนี้เพื่อให้เห็นผลในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คือการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัล, AI, Data Center, พลังงานสะอาด, Financial Hub รวมถึงการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem เหล่านี้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง และสามารถพัฒนาศักยภาพของประเทศ และเศรษฐกิจให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ (Knowledge-based economy) ได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล ซึ่งจะสอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของบริการทางรัฐที่ประชาชน ธุรกิจ ราชการ และกฎหมาย เชื่อมต่อกันผ่านแอปฯ ทางรัฐ ซึ่งจะวางรากฐานให้ e-Government ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจดิจิทัลที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม นายศุภกร ยังย้ำด้วยว่า ทั้งหมดนี้จะเห็นว่ารัฐบาลกำลังปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ผ่านการทำงานร่วมกับภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ที่จะเป็นผู้เล่นสำคัญ โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวก.