ครม. อนุมัติงบประมาณ 275 ล้านบาท ดำเนินงานโครงการ MUAYTHAI SOFT POWER ปี 2567 นายกฯ ย้ำ ต้องให้ความสำคัญ ยกระดับจากศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ สู่ศิลปะการต่อสู้ระดับโลก

เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย โครงการมวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ประจำปี 2567 จำนวน 275 ล้านบาท เพื่อยกระดับมวยไทยจากศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติไปเป็นระดับโลก เช่น การจัดหลักสูตรมวยไทย การอบรมผู้ตัดสิน และผู้ฝึกสอน การตั้งศูนย์ตรวจสอบมาตรฐานครูฝึกมวยไทย การตรวจรองรับค่ายมวยในต่างประเทศ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะมวยไทยเป็นที่รู้จักของชาวโลก และยังมีคำว่าไทยอยู่ด้วย จะบิดว่ามาจากประเทศไหนหรือจากที่ไหนคงไม่มีใครเถียงได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีกีฬาที่คล้ายมวยไทย เราต้องระมัดระวัง ดังนั้น การที่เราเป็นเจ้าของมวยไทยแบบพูดได้เต็มปาก ตนจึงเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปว่า ฟุตบอลมีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กำกับ เรื่องมวยไทยก็ต้องมีองค์กรหรือฟีฟ่าของมวยไทยขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมวยไทย เราเป็นผู้ริเริ่มและยกระดับไปสู่สากล

...

ต่อมา นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ครม. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 275.65 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการ MUAYTHAI SOFT POWER ปี 2567 แบ่งเป็น 6 โครงการ ประกอบด้วย

1. การพัฒนาองค์ความรู้มวยไทย จำนวน 4,925,400 บาท

2. การเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของบุคคลในวงการกีฬามวย จำนวน 46,602,400 บาท

3. การจัดการแข่งขันมวยไทยเพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวและกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 143,716,800 บาท

4. การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทยทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 23,641,800 บาท

5. การรับรองมาตรฐานมวยไทยสู่การสร้างรายได้กับประเทศ จำนวน 51,042,600 บาท

6. การกำกับ ติดตาม ประเมินและรายงานผล จำนวน 5,717,800 บาท

นายคารม กล่าวต่อไปว่า แผนโครงการ MUAYTHAI SOFT POWER มีเป้าหมายในการยกระดับมวยไทยจากศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ สู่การเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับโลก สามารถให้นักมวยไทย ครูมวยไทย เทรนเนอร์มวยไทย รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจมวยไทย ได้มีโอกาสแข่งขันและถ่ายทอดวิชาความรู้เพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมสู่ระดับนานาชาติ เพื่อสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มด้วยมาตรฐานระดับโลกสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ 2,234 ล้านบาท และสร้างการรับรู้กิจกรรมมวยไทยในต่างประเทศ 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาประเทศไทยและนำรายได้เข้าประเทศ.