“ศุภกร” คณะทำงานนายกฯ แจงข้อดีลงทะเบียนโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ปูทางสู่ e-Government ชี้ ปลอดภัย เสมือนติดต่อหน่วยงานราชการได้ทั้งหมด ช่วยลดค่าเดินทาง-ค่าเสียเวลา

วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 นายศุภกร คงสมจิตต์ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี ด้านการลงทุนระหว่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเลือกใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวจะมีมากกว่าดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งสามารถนำไปสู่ e-Government ได้ ประชาชนสามารถใช้บริการต่างๆ ภายในแอปพลิเคชันได้ ทั้งการจดทะเบียน ย้ายบ้าน ขอมิเตอร์น้ำ หรือมิเตอร์ไฟ ฯลฯ ซึ่งสามารถนำมาทำแบบออนไลน์ได้ทั้งหมด ช่วยลดค่าใช้จ่าย ค่าเสียเวลาที่ประชาชนไปติดต่อกับหน่วยงานราชการ และลดการเตรียมเอกสารต่างๆ

ทั้งนี้ การใช้บริการของประชาชนก็จะทำให้รัฐบาลมีข้อมูล และสามารถออกนโยบายให้ตรงเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งค่ารถโดยสาร ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้แต่ทุนการศึกษา เพราะรัฐบาล ได้มีข้อมูลพร้อมไว้แล้ว รวมถึงยังสามารถตรวจจับผู้ที่ทุจริต หรือผู้ที่ใช้ไม่ตรงวัตถุประสงค์ด้วย เพราะจะมีการเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ผ่าน Blockchain-based log 

ส่วนการยืนยันตัวตนบนแอปพลิเคชันและการรักษาความปลอดภัย นายศุภกร อธิบายว่า การยืนยันตัวตนบนแอปพลิเคชันนี้ จะเป็นการยืนยันตัวตนระดับสูงที่สุดตามกฎหมาย อีกทั้งมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ทำให้การทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชันทางรัฐ เสมือนการไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ และไม่มีแอปพลิเคชันใดในไทยที่มีผู้ยืนยันตัวตนหลัก 40-50 ล้านคน ได้มากขนาดนี้มาก่อน

...

ขณะเดียวกัน นายศุภกร ยังระบุถึงปัญหาที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไม่สามารถผลิตแอปพลิเคชันในลักษณะนี้ได้ ว่า เนื่องจากแอปลิเคชันในอดีต ไม่สามารถเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายได้ทั้งหมด ได้แก่ แอปพลิเคชันไม่ใช่ของรัฐ เช่น “เป๋าตัง” ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่ถือว่าสูงที่สุด เกิดความลักลั่น และมักจะมีประโยชน์แอบแฝง เช่น ขายสลากออนไลน์ ขายประกัน ขายทอง โดยใช้นโยบายของรัฐ แต่ไม่ยั่งยืนสำหรับคนไทย หากจะนำข้อมูลมาประมวลผลต่อ ก็มีข้อต่อรอง เรียกร้องได้ หรือแอปพลิเคชันบางชนิด เช่น หมอพร้อม, ThaiID ก็ไม่ได้รับอำนาจให้ทำธุรกรรมได้มากกว่าของหน่วยงาน แต่แอปพลิเคชันทางรัฐ มีอำนาจตามกฎหมายให้เป็นผู้ทำ e-Government ได้

ในช่วงท้าย นายศุภกร ระบุ โดยมั่นใจว่าการใช้แอปพลิเคชันทางรัฐ ของรัฐบาล จะเป็นการนำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล หรือ Digital Infrastructure เหล่านี้มาพัฒนา ทำให้ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นถนนไปสู่ Digital Valley (ดิจิทัล วัลเลย์) ได้ในอนาคต.