มหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก “ปารีสเกมส์” จุดคบเพลิงอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นของเจ้าภาพฝรั่งเศส ป้องกันเหตุก่อการร้ายไม่คาดฝัน อันเป็นผลพวงจากเชื้อไฟขัดแย้งทางการเมืองโลกที่ระอุไปทั่วทุกภูมิภาค
ณ จุดไฮไลต์ โฟกัสสายตาสังคมโลกจับจ้องอยู่ที่ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดิมพันสนามการเมืองมหาอำนาจเบอร์หนึ่ง ที่ส่งผลถึงสถานการณ์ความเป็นไปทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วทุกทวีป เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคงโลกจะเป็นไปในทิศทางใด แปรผันโดยตรงกับผู้นำ “พญาอินทรี” คนต่อไปปลายปีนี้
ในจังหวะเร้าดีกรีความระทึกใจแบบที่มีการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก”
ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ฝืนสังขารไม่ไหว ประกาศถอนตัวจากแคนดิเดตผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ส่งไม้ต่อให้ “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดี ควบม้าไล่บี้ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากค่ายรีพับลิกัน
กระแสการเมืองมะกันยังสวิงไปสวิงมา เปลี่ยนแค่ชั่วข้ามวัน
สภาพที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ไม่กล้าฟันธง เซียนพนันไม่กล้าแทงหวย นักลงทุนยิ่งแหยง ไม่เสี่ยงขนเงินถมทะเล อารมณ์เดียวกันเลยกับเกมอำนาจการเมืองไทยที่พลิกไปพลิกมาแบบเดือนต่อเดือน
ดุลอำนาจผันผวนแข่งกับตลาดหุ้นที่เอาแน่นอนไม่ได้
ตามสัญญาณการขยับของ “ศูนย์กลางจักรวาล” ทีมเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในตำนาน กับลูกสาวหัวโปรด “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ขนครอบครัวหลานปู่ หลานตา
ฉลอง “ใบบริสุทธิ์” กันล่วงหน้า ก่อนครบกำหนดพ้นโทษเดือนสิงหาคม
...
ปักหมุดที่ “แรนโชชาญวีร์ รีสอร์ต เขาใหญ่” อาณาจักรหรูของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย
ร้องเล่นเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แวดล้อมไปด้วยบริวาร “นายใหญ่”
และช็อตไฮไลต์ที่เรียกเสียงฮือฮาก็คือ “ก๊วนกอล์ฟ ไทยแลนด์โอเพ่น” ผู้เล่นระดับ “วีวีไอพี” ที่ยืนประกบนายทักษิณ ไล่ตั้งแต่นายอนุทิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองรุ่นใหญ่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี นักธุรกิจชื่อดัง และยังรวมไปถึงนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่ม ปตท.จำกัด (มหาชน)
“หนึ่งภาพแทนล้านคำพูด” ไม่ต้องมีคำอธิบาย
ความหมายที่เข้าใจได้โดยอัตโนมัติ มันคือ “องค์ประกอบ” อำนาจการเมืองและขุมข่ายกลุ่มทุนทางธุรกิจ
กระชับพลัง “ลมใต้ปีก” ของ “ประมุขจันทร์ส่องหล้า”
ในจังหวะเสียกระบวนท่า “นายใหญ่” เสียดุลหุ้นส่วนอำนาจอนุรักษ์นิยม
ท่ามกลางความกังขาความขลังของยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่โดนท้าทายอย่างแรง จากเกม “จัดตั้ง” สมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ ที่ “สว.สายสีน้ำเงิน” ปาดหน้าแซงยึดสัมปทานสภาสูง
อิทธิฤทธิ์ “ครูใหญ่” เบียดขึ้นมาทาบรัศมี “นายใหญ่”
แบบที่โชว์ฤทธิ์เดชกันต่อเนื่อง มนต์เขมร โชว์ปาฏิหาริย์เสก “โชเฟอร์คู่ใจ” ของ “ปู่ชัย ชิดชอบ” บิดาผู้ล่วงลับของนายเนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทยเข้าป้าย ผู้ทรงเกียรติ สว. เบียดอดีตนายกฯอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “น้องเขย” เถ้าแก่ใหญ่ ตกรอบอย่างบอบช้ำ
และด้วยพลังลึกล้ำ อิทธิฤทธิ์ “ครูใหญ่” ยังหามแห่นายมงคล สุระสัจจะ อดีตพ่อเมืองบุรีรัมย์ ขึ้นแท่นประธานวุฒิสภา “โป๊ะแตก” แบบม้วนเดียวจบ
ด้วยแต้ม 159 เสียง หวยล็อกที่ปล่อยออกมาเป๊ะๆ
เงาร่างของ “เนวิน” ทาบทับ สว. คุมด่านสภาสูง ยึดคิวกุมสภาพการเลือกองค์กรอิสระ ทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฯลฯ
ไปยันการตีธงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดักสกัดหรือเร่งกฎหมายสำคัญ
“ครูใหญ่” ผู้มาก่อนกาล โชว์ลูกเขี้ยวเกม “จัดตั้ง” ยึดวุฒิสภาตัดหน้าทีมเพื่อไทย ลากดุลอำนาจกลับมาอยู่กับก๊วนเซราะกราว
ฟื้นมูลค่าหุ้นภูมิใจไทยดีดขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นไทยร่วงระเนระนาด
จากที่หงอ รอโดนทุบ ถึงขั้นจ่อ
โดนยึดโควตากระทรวงมหาดไทย คดีพลิกชั่วข้ามวัน สัญญาณ “ปฏิญญาแรนโชชาญวีร์” ส่งตรงถึงทำเนียบรัฐบาล ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องแทรกคิวด่วน เรียกประชุมวงเล็ก 3 คน ร่วมกับนายอนุทิน และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข
ก่อนทุบโต๊ะเปรี้ยง ให้ออก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เพื่อยุติความขัดแย้ง
กระทืบเบรกหัวทิ่ม กลับหลังหันแบบ 180 องศา จากที่ผู้นำเพิ่งประกาศิตให้นายสมศักดิ์ล็อกกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดทันที อ้างอิงตามทีมแพทย์ส่วนใหญ่ที่จี้ให้กู้วิกฤติ ผลกระทบด้านลบอย่างรุนแรงต่อสังคม โดยเฉพาะเยาวชน ตามสถิติคดีอาชญากรรมจากผู้เสพกัญชาจนเกิดปัญหาป่วยโรคจิตเวช
นายเศรษฐาต้องกลายเป็นไม้หลักปักเลน เซ่นเกมถ่ายดุลอำนาจ
ผู้นำหนีไม่พ้นโดนถากถาง ไร้หลักการในการยึดผลประโยชน์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ แต่เลือกการประคองเกมอำนาจการเมืองมาก่อน
เครดิตทางการเมืองของนายกฯอำนาจซ้อน ยิ่งถูกทอนลงไปอีก
แม้โดยเหลี่ยมการตลาดยี่ห้อทักษิณจะพยายามแก้เกมที่ตกเป็นฝ่ายเสียดุล งัดมุกเก่งกู้กระแสเปลี่ยนข่าวใหม่กลบข่าวเก่า ด้วยการให้กระทรวงการคลังจัดคิวแถลงใหญ่ ล็อกวัน ว. เวลา น. วันที่ 1 ส.ค.ถึง 15 ก.ย.นี้
ประกาศปฏิทินลงทะเบียน รับคิวเทกระจาดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ยกระดับความชัวร์ไปอีกขั้นว่า ไม่เบี้ยวแน่ แต่ก็ยังไม่วายโดนฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “ดร.ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ กัปตันทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กระแซะนิ่มๆ
ชัดเจนแค่วันลงทะเบียน แต่ไม่ชัดเงินจะถึงมือประชาชนเมื่อไหร่
ประกอบกับการตั้งข้อสังเกต คิวสำคัญแต่กลับไม่มีนายเศรษฐาเข้าร่วมเฟรมแถลง เหมือนกั๊กๆไม่อยากร่วมแชร์ในระดับที่ยังไม่ชัวร์
สรุปทีมเพื่อไทยยังทรงตัวไม่ติดจากที่เสียดุลให้ค่ายภูมิใจไทย
เรื่องของเรื่อง มันไม่ใช่การเสียเหลี่ยมให้ทีมเกรียนเซราะกราว แต่ยังเกิดแรงกระฉอกอาการเกรียนภายในค่ายของ “นายใหญ่” จากคิวป่วนของสองพ่อลูกตระกูล “อยู่บำรุง” ที่ลุกลามบานปลาย
กลายเป็นความเสี่ยง ปล่อยเสือลำบากหลุดเข้าป่ารอยต่อ
ตามฉากดราม่าศึก 2 ตระกูล จากเด็กทะเลาะกับเด็ก ลามเป็นคิวบู๊ พ่อตะลุมบอนฟาดปากกันเลือดกบ ทำท่าไม่จบง่ายๆแบบที่นายวัน อยู่บำรุง นำพวงมาลัยไปไหว้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ
สมัครเป็นสมาชิกใหม่ อวย “ลุงป้อม” ใจถึงพึ่งได้
ในอารมณ์เฮี้ยว “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดปฏิบัติการจุดชนวน ตั้งท่าแหย่ไฟเผาบ้าน
ด่าลั่น “ทักษิณ” ขุดความหลังครั้งเก่าประจาน ถึงขั้นหน้ายังไม่อยากมอง
ประกาศเป็นฝ่ายค้านในพรรคแกนนำรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม ท้าทายให้ขับออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อจะได้รักษาสมาชิกภาพสส.ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จากที่ไปมัดจำหม่ำข้าวที่บ้านป่ารอยต่อแล้ว
ยั่วต่อมหมั่นไส้ “อุ๊งอิ๊งค์” ฉุนขาด เตะพ้นไลน์กรุ๊ป สส.เพื่อไทย
แต่ลูกสาวหัวโปรดของ “นายใหญ่” ยังเยือกเย็นและเขี้ยวพอจะชักน้ำเสียงนิ่งๆ ยืนยันไม่มีนโยบายขับ “ตัวตึงบางบอน” ออกจากพรรคเพื่อไทย
ไม่ปิ้งปลาประชดแมวง่ายๆ ล็อกเสือเฒ่าลายครามไม่ให้หนีเข้าป่า
สถานการณ์ “ทักษิณ” ได้ฉลอง “ใบบริสุทธิ์” ด้วยการเผชิญศึกนอกกับ “ครูใหญ่” เซราะกราว เบียดขึ้นมาทาบบารมี ไหนจะต้องจัดการกับศึกใน แรงกระเพื่อมจาก ร.ต.อ.เฉลิม ที่คุมวิถีทำลายล้างยาก
บทท้าทายความลำบากในการประคองดุลรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร
ในสถานการณ์ไหลมาตรงจังหวะพลิกคว่ำพลิกหงายพอดิบพอดี
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญกำหนด บ่ายสามโมง วันที่ 14 สิงหาคมนี้ นัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน จะสิ้นสุดลงหรือไม่ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่เคยต้องโทษโดนศาลฎีกาสั่งขังคุกจากปมถุงขนม 2 ล้านบาท
ต่อเนื่องจากคิวที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟันธงคดียุบพรรคก้าวไกลจากการนำเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในวันที่ 7 สิงหาคม
โดยเฉพาะปมของนายเศรษฐาที่จะส่งผลโดยตรงต่อรัฐบาล ถ้าผลออกมาไม่หลุด นายกฯก็ได้ไปต่อ แต่ถ้าหลุดก็ไปทั้งยวง โละใหม่ทั้ง ครม.
ตามกระแสข้ามช็อตไปโฟกัสโหงวเฮ้ง “เสี่ยหนู”
สื่อมวลชนยื่นไมค์ถามนายอนุทิน หากผลออกมาในทางลบ พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ ในอาการที่เจ้าตัวยังเด้งเชือก ไม่คิดเป็นแทนใคร ภายใต้ไฟต์บังคับที่เอื้อ “กาวตราหนู” รับเหมาคุมโครงสร้างโปรเจกต์อำนาจอนุรักษ์นิยม สถานการณ์ “นายใหญ่” ต้องยอมลดเพดานความฮึกเหิม จูนดุลอำนาจกับ “ครูใหญ่”
ตราบใดที่ยังต้องยึดธงเป้าหมาย ยังไม่ถึงปลายทางในการพาน้องสาวกลับบ้าน อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังหลบคดีอยู่ต่างแดน
แผนช่วยคนในครอบครัวมาก่อนอื่นใด “ทักษิณ” ยอมแลกได้หมด.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม