น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองละศีลอด เดือนรอมฎอนไทย ขอวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานพรอันประเสริฐ ประทานความผาสุขแด่พี่น้องชาวไทยมุสลิม ให้มีความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต...
เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 31 ก.ค. 2555 ที่ตึกสันติไมตรี ทำนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1433 โดยมีคณะรัฐมนตรี ส.ส.-ส.ว. ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรมุสลิมแห่งประเทศไทย และบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลาม ในจังหวัดภาคเหนือและภาคใต้ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ทั้งนี้ี นายชาติชาย บัลบาห์ ได้เป็นผู้เชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ก่อนกล่าวต้อนรับแขกผู้ร่วมงานตอนหนึ่งว่า ในนามรัฐบาล รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดี ที่มีโอกาสจัดงานเลี้ยง ละศีลอด เดือนรอมฎอนฮิจเราะห์ศักราช 1433 ในวันนี้ เนื่องจากรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติศาสนกิจของทุกศาสนา เพราะหลักคำสอนของทุกศาสนา กำหนดขึ้นเพื่อให้ศาสนิกปฏิบัติฝึกจิตใจให้เป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับจิตใจ ผู้ประพฤติธรรม ให้สูงส่ง มีขันติ สมาธิปัญญา ไม่เบียดเบียบซึ่งกันแลกัน อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคม และเกิดความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา
ในส่วนของศาสนาอิสลาม รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้ชาวไทยมุสลิม ได้ปฏิบัติตามหลักคำสอนด้วยจิตใจ ที่มีความมุ่งมั่น ต่อพระผู้อภิบาลและดำเนินการตามคำสอนของทั้งศาสดามูฮัมหมัด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเดือนถือศีลอด ซึ่งพี่น้องมุสลิมทั่วโลกได้ถือปฏิบัติประกอบศาสนกิจอย่างพร้อมเพียงกันด้วย ความเข้มแข็งทางด้านร่างกายและจิตใจ แสดงให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้นต่อความหิวกระหาย โดยมุ่งหวังมรรคผลทั้งในโลกปัจจุบันและโลกหน้า จึงขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตในเดือนรอมฎอนอย่างคุ้มค่า ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นศรัทธาต่อองค์พระผู้อภิบาล และมีความซาบซึ้งในหลักคำสอน โดยการปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน ตลอดเดือนอันประเสริฐนี้ เพื่อหวังในความเมตตาจากองค์พระผู้อภิบาล ในการขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และขันติธรรม รัฐบาลจึงขอมีส่วนร่วมโดยการจัดงานเลี้ยงละศีลอดขึ้นในวันนี้
...
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันตรุษฟิตริ วันรื่นเริง ที่จะเวียนมาในเร็ววันนี้ ตนขอวิงวอน องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานพรอันประเสริฐประทานความผาสุขแด่พี่น้องชาวไทยมุสลิม ให้มีความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต และกิจการงาน มีความสุข มีความรัก มีความสามมัคคีและเอื้ออาทรต่อกัน มีความมั่นคงในวิถีอิสลาม และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
จากนั้น นายโซเฮล มะห์มูด เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนเอกอัครราชทูต กล่าวแสดงความยินดี และนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณและขอพร (ดุอา) ก่อนรับประทานอาหารร่วมกัน.