รัฐบาลเดินหน้าแจกเงินหมื่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” เต็มสูบ คนมีสมาร์ทโฟนโหลดแอปฯ “ทางรัฐ” กดลงทะเบียนได้เลยภายในเดือนครึ่ง ดีเดย์หลังเที่ยงคืน 1 นาที 1 ส.ค. หมดเขต 15 ก.ย. คนไม่มีสมาร์ทโฟน ป่วยติดเตียง-คนพิการ หรือกลุ่มเปราะบาง ให้ลงทะเบียนผ่าน จนท. 16 ก.ย.-15 ต.ค. ขณะที่ร้านค้าเปิดลงทะเบียน 1 ต.ค. แต่ยังต้องรอฤกษ์คิกออฟวันใช้เงินภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. อีกกระทอก นายกฯยืนยันพร้อมก้าวไปกับคนไทย 50 ล้านคน “พิชัย” มั่นใจก่อพายุ 4 ลูกใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างได้แน่ “ไหม” ออกโรงท้วงทันที ทุกหน่วยงานยันตรงกันกระตุ้น ศก.ได้แค่ 1% แหล่งเงินยังลูกผีลูกคน ทุกอย่างไม่นิ่งไม่แน่ไม่นอน ทสท.สับกู้มาแจกสร้างภาระได้ไม่คุ้มเสีย เกทับสู้เติมทุนให้คนตัวเล็กไม่ได้

ในที่สุดรัฐบาลแถลงรายละเอียดโครงการเรือธง โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตที่คนไทยตั้งตารอเสียที แต่ยังต้องไปรอลุ้นคิกออฟวันที่จะได้ใช้เงินหมื่นภายในระหว่างเดือน พ.ย.-ธ.ค.ช่วงใกล้ฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนปีใหม่

นายกฯ ตีปี๊บ 50 ล้านคนก้าวไปพร้อมกัน

เมื่อเวลา 08.02 น.วันที่ 24 ก.ค.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า วันนี้แล้วพี่น้องคนไทยทุกคน รัฐบาลพร้อมสำหรับก้าวแรกของโครงการ Digital Wallet โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบรายละเอียด และความชัดเจนตั้งแต่การลงทะเบียน การยืนยันตัวตน และการตรวจรับสิทธิ ประชาชนทุกคนท่านมีส่วนช่วยมากๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราพร้อมแล้ว วันนี้ก้าวแรก เราจะก้าวไปพร้อมๆกันกับอีก 50 ล้านคน

...

“พิชัย” ยัน ศก.ตกต่ำต้องแจกเงินหมื่น

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยนายพิชัยกล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไปเมื่อ 10 เดือนก่อน ด้วยเหตุความจำเป็นเพราะประเทศไทยเผชิญปัญหาเศรษฐกิจโตต่ำมานาน หากย้อนดูในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา นอกจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำแล้ว ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูงมาก ขณะนี้หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คิดเป็นหนี้ครัวเรือนถึงประมาณ 16-17 ล้านล้านบาท ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้นมาจากประชาชนรายได้ต่ำกว่ารายจ่าย ต้องแก้ปัญหาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ต้องทำทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และใช้เวลาแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างควบคู่กันไป

รับกระสุนเหลือไม่เยอะต้องกระตุ้น

นายพิชัยกล่าวต่อว่า สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.4% รัฐบาลพยายามผลักดันให้เติบโต 3% โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นเรื่องความเชื่อมั่น แต่จะมีผลต่อจีดีพีปี 2568 แต่ก็ยังน้อย เพราะเศรษฐกิจมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาแก้ปัญหา โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาค่าครองชีพได้ จะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูก ตั้งแต่ระดับประชาชนไปถึงร้านค้าขนาดเล็กกระจายไปร้านค้าขนาดใหญ่ ตลอดจนสร้างโอกาสการลงทุนด้วย เกิดการกระจายตัวไปสู่หน่วยเศรษฐกิจ 878 อำเภอทั่วประเทศ เมื่อ 2 เสาหลัก คือภาคประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจเกิดปัญหา ทุกรัฐบาลต้องสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือดูแล ดังนั้น ยอดหนี้จะสูงขึ้นมาตามลำดับ ปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ราว 64% กำลังเดินเข้าสู่เพดานที่ตั้งไว้ไม่เกิน 70% หรือไม่เกิน 14 ล้านล้านบาทจากจีดีพี 19 ล้านล้านบาท แต่วันนี้อยู่ที่ราว 12 ล้านล้านบาท ใกล้แล้วจึงเหลือกระสุนอีกไม่เยอะ

1 ส.ค.เปิดลงทะเบียนในแอป “ทางรัฐ”

นายจุลพันธ์กล่าวว่า การลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มมีสมาร์ทโฟน ให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.2567 และกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ หรือกลุ่มเปราะบาง ลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่รัฐ 16 ก.ย.-15 ต.ค.2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือวิธีการลงทะเบียนและวิธีการใช้จ่ายเงิน จะแถลงอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ 1.ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนับวันตั้งแต่วันลงทะเบียน 2.สัญชาติไทย 3.มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน ณ วันที่ 15 ก.ย. 4.ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท ในปีภาษี 2566 5.ไม่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท หมายความเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น ไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มี.ค.2567 6.ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ 7.ไม่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่นๆของรัฐ และ 8.ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขมาตรการ/โครงการอื่นๆของรัฐ

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ร้านค้าตีทะเบียนร่วมรายการ 1 ต.ค.

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า สำหรับร้านค้าในเบื้องต้นกำหนดลงทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 จะแถลงข่าวเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทาง และวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการและเงื่อนไขอื่นๆในครั้งถัดไป โดยคาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ 2 ล้านราย ปัจจุบันมีร้านค้าที่เป็นนิติบุคคล 910,000 ราย ร้านค้าธงฟ้า 198,000 ราย ร้านค้าโชห่วย 400,000 ราย ร้านค้าเกษตรและวิสาหกิจชุมชน 93,000 ราย ร้านค้าส่ง-ค้าปลีก 50,000 ราย และร้านค้าปลีกที่กระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าอีก 500,000 ราย เชื่อว่าจะมีร้านค้าอีกจำนวนมากจะเข้าร่วมโครงการโดยโครงการนี้เริ่มใช้จ่ายได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆจึงมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2567 ไม่มากนัก แต่จะมีผลทางจิตวิทยาเกิดขึ้นในปี 2568 ที่เม็ดเงิน 450,000 ล้านบาท ที่เติมลงไปในระบบเศรษฐกิจจะมีผลต่อจีดีพีในปี 2568 ราว 1.2-1.8%

แจงสินค้าห้ามซื้อ-จ่ายค่าบริการไม่ได้

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ซื้อสินค้าได้ในพื้นที่ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตอำเภอเดียวกันเท่านั้น และต้องซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) ระบบจะตรวจสอบทั้งหมด ส่วนการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้านั้น สามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ไม่มีเงื่อนไขต้องซื้อขายแบบพบหน้าและซื้อขายกันได้แม้จะอยู่ต่างพื้นที่ โดยสินค้าทุกประเภทเข้าร่วมโครงการได้ ยกเว้นสินค้าที่ไม่ร่วมในรายการ (Negative List) ได้แก่ สลาก กินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร รวมถึงบริการต่างๆด้วย แต่กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ในอนาคต หลังเริ่มไประยะหนึ่งแล้ว

เตรียมโหลดแอป “ทางรัฐ” ให้พร้อม

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ผู้ที่ไม่เคยใช้แอปทางรัฐ ก่อนอื่นต้องโหลดแอปทางรัฐ เพื่อกดรับสิทธิจากนั้นให้กดยอมรับเงื่อนไข พร้อมกรอกเลขบัตรประชาชน ชื่อ ที่อยู่ ถัดมาต้องมีการถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย โดยระบบจะส่งข้อมูลบัตร และรูปหน้าไปตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรใช้เวลา 1-2 วัน หากข้อมูลถูกต้องระบบจะส่งข้อมูลให้สร้างชื่อการใช้ รหัสผ่าน และพินโค้ดถือว่าลงทะเบียนเรียบร้อย สำหรับคนที่มีแอปทางรัฐและยืนยันตัวตนไปแล้ว จะลงทะเบียนง่ายและเร็วกว่า แค่เปิดแอปฯกดปุ่มรับสิทธิ กดอนุญาตให้เช็กข้อมูลบุคคล และกดยอมรับเงื่อนไขโครงการก็เสร็จเรียบร้อย โดยเมื่อลงทะเบียนแล้วระบบจะนำข้อมูลทุกคนไปประมวลผล ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรกับกรมการปกครอง ตรวจเงินฝากกับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และตรวจรายได้กับกรมสรรพากรทุกคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ จะทราบผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.เป็นต้นไป หากถูกปฏิเสธจะทราบทันทีว่าเพราะอะไร และหากต้องการรับสิทธิสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้น ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอปทางรัฐ และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ลุ้น พ.ย.-ธ.ค.นายกฯ คิกออฟวันใช้เงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือการกำหนดวันคิกออฟ คือวันเริ่มใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กดปุ่มแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลชุดนี้ ในเบื้องต้นประมาณการว่าจะเป็นต้นเดือน พ.ย.-ธ.ค.2567 นี้ เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ จะมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และประชาชนที่มาทำงานในเมือง เดินทางกลับภูมิลำเนาตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา สามารถนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจชุมชน โดยเงินดิจิทัลสามารถใช้จ่ายได้ภายใน 6 เดือนนับจากวันใช้จ่ายวันแรก

ก.คลังชี้กันงบเหลื่อมปีใช้ได้ตาม ก.ม.

ที่รัฐสภา นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 แถลงผลการประชุม กมธ.ฯว่า ที่ประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ได้เชิญ 9 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นการกันเงินไว้เบิกเงินเหลื่อมปี หลังจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีกำหนดการเปิดลงทะเบียนจ่ายเงินอยู่คนละปีงบประมาณ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่า การกันเงินไว้เบิกเงินเหลื่อมปีต้องเป็นไปตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เงื่อนไขโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคือ เมื่อมีผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการจะตรวจสอบสิทธิบุคคลมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขหรือไม่ จะมีระบบตอบกลับไปยังผู้ขอเข้าร่วมโครงการ ถือเป็นการเสนอและสนองทำให้เกิดนิติสัมพันธ์ขึ้นมีผลทำให้สามารถดำเนินการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ ส่วนการกำหนดรายการยกเว้นสินค้าในโครงการฯมี 18 รายการ รวมธุรกิจบริการอีก 1 รายการ เป็น 19 รายการ กระทรวงพาณิชย์สามารถเสนอแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้ายกเว้นเพิ่มเติมได้

ศิริกัญญา ตันสกุล
ศิริกัญญา ตันสกุล

“ไหม” ติงกระตุ้น ศก.ได้แค่ 1%

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 2567 ให้สัมภาษณ์ว่า การแถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเรื่องใหม่ที่เราได้รับมีน้อยมากมีเพียงแค่เรื่องวันในการลงทะเบียน นอกจากนั้น ยังไม่มีความชัดเจนใดๆเลย เรื่องผลกระทบภายหลังจากเกิดพายุหมุนดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว เศรษฐกิจจะโตแค่ไหน นายเผ่าภูมิออกมาบอกว่า ไม่สามารถประมาณการออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่จากที่ตนเข้าไปสังเกตการณ์ในห้องคณะ กมธ.งบฯ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกระทรวงการคลัง ได้ส่งผลที่จะเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาแล้ว ข้อมูลทั้งหมดออกมาตรงกันว่า ไม่สามารถกระตุ้นได้ถึง 1% ของจีดีพี อาจจะเป็นเพราะมีการปรับลดตัวเป้าหมาย หรือแหล่งที่มาของเงินกู้

หยันทุกอย่างไม่นิ่งไม่แน่ไม่นอน

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ส่วนประเด็นความไม่ชัดเจนของแหล่งที่มาของเงินนั้นมีการถามย้ำว่า การบริหารงบคืออะไรกันแน่ ทั้งที่มีการบริหารงบ ปี 67 และปี 68 ด้วย แต่นายจุลพันธ์ไม่ได้ให้ความชัดเจน สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อคือสรุปแล้วจะใช้เงินข้ามปีได้หรือไม่ หากไม่ได้งบเพิ่มเติมปี 2567 ที่ต้องอนุมัติกันในสภาฯวาระ 2-3 คงต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ หากใช้ไม่ทันมีสิทธิ์ที่จะใช้ไม่ได้ข้ามปี และต้องใช้วิธีการอื่นทำโครงการ ซึ่งมี 2 ทางคือ แจกเลยเป็นเงินสดภายใน 30ก.ย.นี้ โดยที่ระบบยังไม่เสร็จ หรือแจกพร้อมกันหมด อาจจะต้องพับเงินก้อนนี้ไป เพราะใช้ไม่ได้แล้ว ต้องหาเงินก้อนอื่น ทางปลัดกระทรวงการคลังออกมาบอกว่า อาจจะกลับไปใช้มาตรา 28 ก็เป็นได้เท่ากับว่าทุกอย่างยังคงลื่นไหล ไม่นิ่ง ไม่แน่ ไม่นอน

ท้วงปัญหาระบบจ่ายเงินซับซ้อน

น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวถึงระบบลงทะเบียนว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัญหาคือ ระบบจ่ายเงิน ที่มีความซับซ้อนมาก เพราะต้องสร้างกระเป๋าเงินอีกหนึ่งอัน เพื่ออยู่ในแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ แล้วจึงให้เรามาใช้ เราได้ขอดูทีโออาร์ไปแต่ปรากฏว่าทีโออาร์ไม่สามารถให้ได้ เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างแบบคัดเลือก ส่วนหนังสือเชิญชวนยังร่างไม่เสร็จ แล้วเงินที่จ่ายไปจะปรากฏอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลจริงไม่ตกหล่นหายระหว่างทางใช่หรือไม่ ขอตั้งข้อสังเกตว่าระยะเวลากว่าเดือนครึ่งในการลงทะเบียนของผู้ที่มีสมาร์ทโฟนอาจจะเป็นเพราะอยากให้คนลงทะเบียนแบบออฟไลน์น้อยที่สุด แต่ยังไม่มีรายละเอียดการลงทะเบียนแบบที่ไม่มีสมาร์ทโฟน คิดว่าคงไม่มีผลต่อการกระตุ้นให้เกิดการใช้สมาร์ทโฟน

ทสท.เตือนกู้มาแจกได้ไม่คุ้มเสีย

นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) หัวหน้าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรค ทสท. กล่าวถึงการนำเงินงบประมาณ 450,000 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า จะก่อให้เกิดภาระทางการคลังมหาศาลในระยะยาว สร้างหนี้สาธารณะคงค้างในอนาคตของชาติพุ่งเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง หรือเกินกว่า 70% ของจีดีพี ขณะนี้ใกล้เพดาน 70% แบบฉิวเฉียดแล้ว หลายหน่วยงาน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยเตือนว่านโยบายนี้เสี่ยงทำให้งบฯไม่เพียงพอในภาวะฉุกเฉิน การเพิ่มวงเงินกู้งบฯปี 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ การจัดสรรวงเงินจากงบฯปี 2567 ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นลดลงจนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาท โดยต้องกู้มาแจกแม้ว่าจะลดวงเงินเหลือ 450,000 ล้านบาท เพราะใกล้ชนเพดานเงินกู้ แต่เงินนี้สูงถึง 450,000 ล้านบาท หรือเท่ากับ 2.5% ของจีดีพี รัฐบาลบอกว่าจะสามารถเพิ่มจีดีพีได้ 1.2-1.8% จะโตเพียงช่วงสั้นๆ เพราะแจกเงินที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ได้ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สุดท้ายอาจได้ไม่คุ้มเสีย สร้างภาระหนี้ให้กับคนไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน

สอนมวยเติมทุนให้คนตัวเล็ก

นายนพดลกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนปัญหาที่แท้จริง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก SMEs จำนวนมาก เป็นหนี้ท่วมหัวและกำลังจะเข้าสู่ภาวะหนี้เสีย และล้มละลายในที่สุด วิกฤติครั้งนี้ไม่ใช่แค่วิกฤติเศรษฐกิจ แต่เป็นวิกฤติชีวิตของคนจำนวนมาก ปัญหาชีวิตเกิดกับคนรากหญ้า คนทำมาหากินระดับล่าง ผู้ประกอบการ SMEs รายเล็กรายย่อย เศรษฐีหรือบริษัทใหญ่ๆไม่มีปัญหา ไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญมาแก้ปัญหาให้คนตัวเล็กเหล่านั้นทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ เข้ามาแก้ปัญหาปรับโครงสร้างหนี้ต่อชีวิตให้ทำมาหากินต่อไปได้ เอาเงินมาแก้หนี้-เติมทุน ปรับโครงสร้างหนี้ และมอบเครดิตให้ประชาชน ปรับเปลี่ยนกระบวนการสินเชื่อให้ผ่อนคลายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ช่วยคนจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างภาพ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่