“มงคล” คว้า 159 เสียง นั่งประธานวุฒิสภา สว.สายสีน้ำเงินเทคะแนนนำม้วนเดียวจบ ไม่มีแตกแถว ประกาศลั่นขอใช้เวลาที่เหลือเพื่อชาติและแผ่นดิน รับใช้ประชาชน แก้ปัญหาคนในชาติ ยกอดีตเด็กวัดเข้าใจถึงความยากจน “เกรียงไกร” ตามมา 150 แต้ม ยึดรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ลั่นเทิดทูนปกป้องสถาบันฯ ให้เชื่อมั่นเคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เพิกเฉยเสียงข้างน้อยที่เห็นต่าง “บุญส่ง” ได้แรงหนุนหลายสายคว้า 167 เสียง นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 “อังคณา” โวยล็อกโหวตไม่พลิกโผ “นันทนา” พ้อพลังจัดตั้งแรงเกินต้าน “อนุทิน” ปัดไม่เกี่ยวกินรวบสภาสูง ร่วมวงถก “นายกฯ- สมศักดิ์” เคลียร์ปมกัญชา ยิ้มออก “เศรษฐา” หย่าศึกออก พ.ร.บ.ควบคุม ปัดก๊วนกอล์ฟแรนโชฯล็อบบี้ “ทักษิณ” “ลุงป้อม” เปิดตัว “วัน” ร่วมชายคา พปชร.
ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว โดยผลการลงคะแนนเป็นไปตามโผที่ถูกมองว่ามีการล็อกโผ สว.สายสีน้ำเงิน ยึดเก้าอี้ประธานและรองประธาน โดยเฉพาะนายมงคล สุระสัจจะ สว. อดีตอธิบดีกรมการปกครอง มีคะแนนนำแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่เริ่มนับคะแนน ได้ขึ้นเป็นประธานวุฒิสภาด้วยคะแนน 159 คะแนน ขณะที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ สว.กลุ่มอิสระได้เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 มีเสียงสนับสนุนไปถึง 167 คะแนน
“มงคล-2 คู่เทียบ” ชิงเก้าอี้ ปธ.วุฒิ
ต่อมาเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ก.ค. มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาอีก 2 คน ที่ประชุมเลือก พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมชั่วคราว เพื่อเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.ต.ท.ยุทธนานำสมาชิก สว.ทุกคนกล่าวปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ จากนั้นเข้าสู่การเลือกประธานวุฒิสภา โดย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว.สายสีน้ำเงิน เสนอชื่อนายมงคล สุระสัจจะ สว. อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เป็นประธานวุฒิสภา ขณะที่นายเศรณี อนิลบล สว.กลุ่มอิสระ เสนอชื่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เป็นประธานวุฒิสภา และนายนรเศรษฐ์ ปรัชยากร สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เสนอชื่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.เป็นประธานวุฒิสภา
...
ลงมติโชว์พลังตั้งแต่โชว์วิสัยทัศน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมีผู้เสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา 3 คน จำเป็นต้องให้ผู้ถูกเสนอชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาแสดงวิสัยทัศน์ ตัวแทน สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่เสนอให้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 7 นาที ขณะที่ตัวแทน สว.สายสีน้ำเงิน เสนอให้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที โดย 2 ฝ่ายไม่มีใครยอมใคร พล.ต.ท.ยุทธนา ต้องให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติชี้ขาด ที่ประชุมลงมติให้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที ด้วยคะแนน 143 ต่อ 54 งดออกเสียง 3
“หมอเปรม” อ้อนเลือก สว.ไม่มีสี
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรกว่า วันประวัติศาสตร์ของรัฐสภา ที่เปลี่ยนการเลือก สว.มาจากกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม แม้จะมีเสียงวิจารณ์การครอบงำจากสีต่างๆ เป็น สว.ไม่ตรงปก ไม่ดีต่อ สว. จึงมุ่งมั่นอาสามาเป็นประธานวุฒิสภา แก้ไขภาพลักษณ์วุฒิสภาให้ทรงเกียรติ ประชาชนคาดหวัง สว. ถ้ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิดจะผิดทั้งหมด ต้องอิสระ เป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำจากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ถ้าเลือก สว.เป็นกลางอิสระ จะได้รับคำชื่นชมจากประชาชน ถ้าเลือกอีกด้านจะถูกตราหน้าเป็นสภาใบสั่ง สภารีโมต หวยล็อก
“นันทนา” ชง 5 ส. ฟื้นศรัทธามหาชน
จากนั้น น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาเป็นสภาห่างเหินจากการรับรู้ของประชาชน ไม่เป็นที่พึ่งประชาชน เป็นภาพลักษณ์บั่นทอนศรัทธามหาชน ต้องฟื้นฟู สว.ให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของ สว. จะยึดหลัก 5 ส. คือ 1.สัมพันธ์ เป็นสภายึดโยงประชาชนทุกกลุ่ม เปิดพื้นที่ให้ประชาชนเดินเข้ามาฟังการประชุมได้ทุกวัน สวนให้ประชาชนมาออกกำลังกาย โถงใหญ่เปิดให้สถาบันการศึกษา องค์กรสาธารณะมาแสดงนวัตกรรม จัดพื้นที่รับร้องทุกข์ให้ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นวุฒิสภาเชิงรุก จัดรายการ สว.ฟังเสียงประชาชน จัดเวทีเสวนาประชาชนทั่วประเทศ 2.สื่อสาร จะถ่ายทอดสดการประชุมสภา การประชุมคณะกรรมาธิการทุกคณะ แถลงการทำงานทุกด้าน ยึดหลัก สว.รู้อะไร ประชาชนรู้อย่างนั้น 3.สร้างสรรค์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ บรรจุวาระที่เป็นประโยชน์ประชาชนเข้าสู่ที่ประชุม
โอ่นำวุฒิสภายุคใหม่เป็นที่ยอมรับ
น.ส.นันทนากล่าวว่า 4.สมดุล สร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในสังคม เปิดกว้างทุกศาสนา เปิดพื้นที่ให้ความหลากหลายทางเพศ เปิดรับทุกเชื้อชาติ ไม่กีดกันแบ่งแยก รับคนทุกวัย สภาคือพื้นที่แห่งความเท่าเทียมกัน เคารพสิทธิมนุษยชน 5.สากล ให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ มีกฎระเบียบข้อบังคับทันสมัย เป็นประชาธิปไตย ตามมาตรฐานสากล ให้ไทยยืนอย่างสง่างามบนเวทีโลก การตัดสินใจของเพื่อนวุฒิสภาจะชี้ชะตาอนาคตวุฒิสภา เลือกได้จะเป็นตำนานสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้วุฒิสภา 5 ปีของวุฒิสภายุคใหม่จะไม่สูญเปล่า จะเป็นสภาแห่งความหวัง ความศรัทธา ขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ในบทบาทประธานวุฒิสภา มาร่วมทำให้วุฒิสภายุคใหม่เป็นสภาประชาชน หนึ่งในเสาหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“มงคล” ขออาสาแทนคุณแผ่นดิน
ด้านนายมงคล สุระสัจจะ สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่า นับตั้งแต่เป็นข้าราชการมหาดไทย ตำแหน่งปลัดอำเภอ ตั้งปณิธานจะอุทิศชีวิตปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดิน รับใช้ประชาชน รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นปณิธานแน่วแน่ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แรงบันดาลใจสมัครรับเลือกประธานวุฒิสภาคือความหวังที่จะใช้เวลาที่เหลือเพื่อชาติและแผ่นดิน รับใช้ประชาชน แก้ปัญหาคนในชาติ นับแต่วันนี้จะตั้งใจทำงานที่วางไว้ การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สว.ต้องการให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้นทุกมิติ สังคมไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เห็นต่างได้ แต่ต้องไม่แตกแยก เริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภา พาสังคมไทยเดินหน้าด้วยสันติวิธี มีรัฐธรรมนูญเหมาะสม สอดคล้องกับประเทศ วิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย ที่อื่นก็เป็น จึงหวังให้ใครช่วยเราไม่ได้ แต่คนไทยต้องช่วยกัน
ชูอดีตเด็กวัดเข้าใจความยากจน
“ชีวิตผมมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นสาย เติบโตในระบบราชการด้วยการทำงานหนัก เต็มความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ประสานงานประชาชนในชนบทตลอดชีวิต เกษียณมาแล้วยังทำไร่ในชนบท เข้าใจปัญหา มีประสบการณ์ยาวนาน มีเพื่อนทุกหมู่เหล่า เข้าใจและทำงานร่วมกับทุกคนได้ เป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญปี 60 ปฏิรูปใหญ่ เป็นสภาของคนทุกหมู่เหล่า แบ่งเป็น 20 กลุ่มอาชีพ เป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาทำหน้าที่” นายมงคลกล่าวและว่า หากได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา จะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ธรรมเนียมปฏิบัติด้านนิติบัญญัติอย่างเต็มสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ ใช้ความรู้ประสบการณ์ประสานงานกับทุกคนให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุด ขอเชิญชวนทุกคนช่วยงานกัน ก้าวเดินพร้อมกัน ให้วุฒิสภาบรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชน เป็นสามัญชนจากกลุ่มอาชีพต่างๆ เพื่อประนอมอำนาจกับวิกฤติสังคมไทย
159 แต้มดันยึด ปธ.วุฒิสภา
กระทั่งเวลา 11.00 น. เข้าสู่ขั้นตอนการเลือกประธานวุฒิสภา โดยลงคะแนนลับให้ สว. 200 คนเข้าแถวเรียงตามตัวอักษรมารับกระดาษจากเจ้าหน้าที่ นำไปเข้าคูหาลงคะแนน ใช้เวลาลงคะแนนและนับคะแนน 1 ชั่วโมง จากนั้นขานบัตรลงคะแนนทีละใบให้ที่ประชุมรับทราบ นายมงคลคะแนนนำโด่งม้วนเดียวจบตลอดการขานคะแนน พล.ต.ท.ยุทธนาประกาศผลว่านายมงคลได้ 159 คะแนน น.ส.นันทนา 19 คะแนน นพ.เปรมศักดิ์ 13 คะแนน บัตรเสีย 5 งดออกเสียง 4 ผลการลงคะแนนนายมงคลเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด และได้คะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม วันนี้มีสมาชิกมาประชุมครบ 200 คน ถือว่านายมงคลได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา
“บิ๊กเกรียง” ลั่นเทิดทูนปกป้องสถาบัน
ต่อมาเวลา 13.00 น. เข้าสู่วาระการประชุมเพื่อเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 สว.เสนอชื่อ 4 ผู้เข้าชิงเก้าอี้รองประธานวุฒิสภา ได้แก่ นายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. เสนอชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ นายสหพันธ์ รุ่งโรจนพณิชย์ เสนอชื่อนายนพดล อินนา น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สว. เสนอชื่อนายปฏิมา จีระแพทย์ และ น.ส.มณีรัตน์ เขมะวงศ์ สว.เสนอชื่อนายแล ดิลกวิทยรัตน์ โดย พล.อ.เกรียงไกร แสดงวิสัยทัศน์ว่ายึดมั่นและมีความจงรักภักดี จะธำรงไว้ซึ่งการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูน ปกป้องสถาบันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ขอให้ความเชื่อมั่นกับ สว.จะทำงานการเมืองและองค์กรอิสระที่เที่ยงธรรม เป็นกลาง เป็นที่พึ่งประชาชน ให้วุฒิสภาเป็นหลักต่อบ้านเมือง ขอให้มั่นใจเกียรติ สว.ที่จะรับฟังความคิดเห็น สว.อย่างเท่าเทียมกัน เคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เพิกเฉยเสียงน้อยที่เห็นต่าง ยืนยันจะทำงานทุกอย่างให้ สว.เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน
ขอเรียก สว.ชุดภูมิปัญญาไทย
นายนพดล อินนา สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เอนเอียงตามกระแสสังคม หรือแรงกดดันทางการเมือง อยากเห็นวุฒิสภาทำงานเชิงรุก เดินหน้าเข้าหาประชาชน อยากเห็น กมธ.สัญจรไปจังหวัดต่างๆ อยากเพิ่มเติมสื่อบางแพลตฟอร์มให้ทันสมัย เข้าถึงเยาวชนและประชาชน
นายปฏิมา จีระแพทย์ สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่า อยากเชิญชวน สว.ทุกคนให้มาเป็นสีเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือสีแดง ขาว น้ำเงิน รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีผู้ใหญ่ที่เคารพ บอกว่าสว.ชุดที่ 13 เป็น สว.ชุดภูมิปัญญาไทย ได้รับการเลือกจากผู้สมัครมาเลือกเรา ไม่มีกติกาที่ใดมาก่อนในโลกนี้ ถ้าประชาชนจะเรียกว่า สมาชิกวุฒิสภาชุดที่ 13 ชุด ภูมิปัญญาไทย อยากให้หยุดทะเลาะเบาะแว้ง วันนี้ประเทศไทยอยู่ในขั้นโคม่า ประชาชนรอคอยการเมืองที่ตกผลึก หากการเมืองไม่นิ่งจะชักชวนนักลงทุนชาวต่างชาติคงไม่มา
“แล” เน้นสร้างโอกาสความเท่าเทียม
นายแล ดิลกวิทยรัตน์ สว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า วุฒิสภา เป็นสถาบันหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ย่อมต้องเน้นเสรีภาพของความหลากหลาย ความเท่าเทียม พร้อมความเป็นสากล วุฒิสภาต้องรักษาหลักการ ทั้งความเป็นผู้นำ และการปฏิบัติของสมาชิก อยากเห็นผู้นำรัฐสภารักษาองค์ประกอบความหลาก หลายไม่ว่าเพศกำเนิด เพศสภาพ สูงวัยหรืออ่อนวัย ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนาหรือชาติพันธุ์ เพื่อธำรงความเป็นสากลของระบอบประชาธิปไตยไว้ อยากเห็นทุกเสียงไม่ว่ามาจากกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็กและไร้กลุ่ม ได้รับโอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงออก คนตัวเล็กที่ไร้เสียง แรงงาน ชาวไร่ชาวนา ชาวประมง ผู้ด้อยโอกาส สำคัญไม่น้อยกว่าปัญหาอื่น
บัตรเขย่งลามวุฒิสภาสั่งนับใหม่
กระทั่งเวลา 13.45 น. สมาชิกเข้าคูหาลงคะแนนลับ แล้วเริ่มขานบัตรลงคะแนนทีละใบ หลังขานมาถึงใบที่ 200 ใบสุดท้าย พ.ต.อ.กอบ อัจนากิต สว. กรรมการขานคะแนนประกาศว่าเป็นบัตรเสีย ทำให้สรุปคะแนน พล.อ.เกรียงไกร ได้คะแนน 150 คะแนน นายแล 16 คะแนน นายนพดล 27 คะแนน และนายปฏิมา 5 คะแนน และบัตรเสีย 2 ใบ แต่พ.ต.อ.กอบขานคะแนนต่อในใบที่ 201 ว่างดออกเสียง ทำให้เกิดปัญหามีบัตรลงคะแนนเกินมา 1 ใบ จนที่ประชุมสับสน ถกเถียงกันจะให้นับใหม่หรือไม่ เสียเวลาไปพักใหญ่ น.ส.นันทนาเสนอว่าบัตรที่มีปัญหาไม่ได้ส่งผลต่อผู้ได้รับเลือกใดๆ ถ้าไปขานใหม่เสียเวลาอีกเป็นชั่วโมง ขอให้เจ้าหน้าที่ไปรีเพลย์เทปย้อนหลังดูว่ามีการขานคะแนนผิดพลาดจากตรงไหน แต่ประธานชี้แจงว่าแม้ผลคะแนนจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่หลักฐานมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ตรงจะเสียหายต่อสภา ถ้าจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่ให้ถูกต้อง 100% ก็ต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อให้ผ่านๆไป ขอให้นับคะแนนใหม่ มี สว.หลายคนเห็นด้วย เช่น นายสิทธิกร ธงยศ สว.กล่าวว่า ถ้ากระบวนการผิดต้องย้อนกลับมาใหม่ ถ้าไม่นับใหม่จะผิดข้อบังคับการประชุม จะมีการตีความไปต่างๆนานา ขอให้อดใจสักนิด
“เกรียงไกร” ลอยลำนั่งรอง ปธ.คนที่ 1
จากนั้นที่ประชุมสั่งให้นับคะแนนใหม่อีกกว่า 30 นาที กระทั่งเวลา 16.10 น. ผลการนับคะแนนใหม่เสร็จสิ้น พล.อ.เกรียงไกรได้ 150 คะแนน นายนพดล 27 คะแนน นายปฏิมา 5 คะแนน นายแล 15 คะแนน งดออกเสียง 1 และบัตรเสีย 2 ใบ พบว่าคะแนนของนายแลลดลง 1 คะแนนจาก 16 คะแนนเหลือ 15 คะแนน จากนั้น พล.อ.ยุทธนาแจ้งผลการลงคะแนน พล.อ.เกรียงไกรได้รับคะแนนสูงสุด และได้คะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม ถือว่าได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1
“บุญส่ง” เน้นความสำคัญ กมธ.
ต่อมาเวลา 16.20 น. เข้าสู่วาระการเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 มีการเสนอชื่อ 4 คน โดยนายมงคล สุระสัจจะ สว.เสนอชื่อนายบุญส่ง น้อยโสภณ น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สว.เสนอชื่อนายปฏิมา จิระแพทย์ ชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 อีกครั้ง น.ส.ตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์ สว.เสนอชื่อนายพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต และนายสุนทร พฤกษพัฒน์ สว.เสนอชื่อนางอังคณา นิละไพจิตร โดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า ประวัติเป็นผู้พิพากษา 36 ปี เป็น กกต. เคยเป็นที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เชื่อว่ามีความรู้ด้านกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆเข้าใจได้ดี สิ่งสำคัญที่สุดของ สว.คือกรรมาธิการของวุฒิสภา ขอให้ตั้งคนดีมีความรู้ ความสามารถกับคณะที่อยู่ ทำให้กมธ.ทำงานมีประสิทธิภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สว.ต้องมีทั้งวิชาการ ทวิภาคีและพหุภาคี ให้วุฒิสภาได้รับความน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ หวังว่า 5 ปี สว.จะทำงานลุล่วงตามวัตถุประสงค์
ชวน สว.ละลายพฤติกรรม
นายปฏิมา จีระแพทย์ สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอให้ สว.นึกถึงประชาชน อยากสนับสนุนการทำงานระหว่าง กมธ.เช่น การศึกษาควรเพิ่มหลักสูตรการทำนา การเกษตรให้เด็กรุ่นใหม่รู้จัก ขอให้ร่วมส่งเสริมบรรยากาศทำงานแบบเปิดกว้าง เปิดใจ แสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือทำงานเต็มที่
นายพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต สว.แสดงวิสัยทัศน์ ว่า ขอส่งเสริมความสามัคคีการมีส่วนร่วมของ สว.ทุกกิจกรรม สร้างความโปร่งใสในการทำงาน สว.ชุดนี้มีหลากหลาย ทุกคนพร้อมทำงาน แต่สิ่งที่ควรระวังคือถูกมองเป็น สว.จัดตั้ง อาจมีปัญหาความสามัคคีเนื่องจากความหลากหลาย แต่ทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมได้
ขณะที่นางอังคณา นีละไพจิตร สว.แสดงวิสัยทัศน์ว่า จะสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยสร้างความร่วมมือการทำงานกับ สว.ทุกคนให้ทำงานอิสระ เป็นกลาง เป็นธรรม ไม่ลำเอียง เป็นตัวกลางเมื่อเกิดความขัดแย้งในสังคม ยืนยันสร้างความโปร่งใสทำหน้าที่ยึดโยงกับประชาชนจะเสนอร่างกฎหมายประชาชน เคารพเสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็น เน้นย้ำบทบาท สว.หญิงไทยในเวทีโลก
“บุญส่ง” นอนมารอง ปธ.คนที่ 2
ต่อมาเวลา 17.45 น. สว.เข้าคูหาลงคะแนนลับเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 โดย พล.อ.ยุทธนาแจ้งว่า มีสมาชิกมาลงคะแนนรับบัตร 199 คน หลังขานคะแนนจบนายบุญส่งได้ 167 คะแนน นายปฏิมาได้ 4 คะแนน นายพงษ์ศักดิ์ได้ 8 คะแนน นางอังคณาได้ 18 คะแนน งดออกเสียง 2 คะแนน ถือว่านายบุญส่งเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2
จากนั้น พล.ต.ท.ยุทธนาแจ้งสรุปผลลงคะแนนว่านายมงคล สุระสัจจะ ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และนายบุญส่ง น้อยโสภณ เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 หลังจากนี้จะส่งชื่อทั้งหมดไปยังนายกฯนำความขึ้นทูลเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป
“อังคณา” โวยล็อกตามโผสายสีน้ำเงิน
ช่วงเย็น นางอังคณา นีละไพจิตร สว.ให้สัมภาษณ์ว่า ผลที่ออกมาเป็นไปตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ ต้องติดตามดูต่อไป โดยเฉพาะการเลือกประธาน กมธ.การเสนอชื่อประธาน กมธ.จะมีโผอีกหรือไม่ หลังการเลือกเสร็จสิ้นได้มีโอกาสพูดคุยกับประธาน สว. ท่านบอกว่าอย่างไรก็ทำงานด้วยกัน ได้บอกไปว่าการประสานงาน ความร่วมมือ การเสนอกฎหมาย อยากเห็นท่านประธานใจกว้าง ไม่ว่าจะเสนอกฎหมายของคนกลุ่มเล็กๆต้องดูกันต่อไป ที่ปฏิเสธกันว่าไม่มี สว.สายสีน้ำเงิน แต่ผลคะแนนออกมาเห็นเลยว่าไม่ต่ำกว่า 150 ไม่ผิดโผ พอมองออกถึงการโหวตของ สว.ในอนาคตจะเป็นปึกแผ่นแบบนี้ เพียงแต่เรื่องสำคัญอยากให้ปล่อยฟรีโหวตบ้าง หากเป็นแบบนี้ตลอดไม่ไหว จะทำให้เห็นว่าสภานี้ไม่เป็นอิสระ ส่วนตัวเป็นเสียงข้างน้อยอยู่แล้ว
“นันทนา” พ้อจัดตั้งแรงเกินต้าน
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.ที่แพ้โหวตเลือกประธาน สว.โพสต์เฟซบุ๊กใจความว่า ผลการลงมติเลือกประธานวุฒิสภา เกิด Deja vu เช่นเดียวกับการเลือก สว.รอบสุดท้าย คะแนนมาเป็นกลุ่มเป็นก้อน เกินต้านทาน อันดับหนึ่งได้ถึง 159 คะแนน!! ปฏิบัติการ “สว.เล็กเปลี่ยนสภา ” ไม่สำเร็จ นันทนาได้เพียง 19 คะแนน แต่ลองศึกษาวิสัยทัศน์ฉบับเต็มแล้วลองถามใจดูว่าถ้าท่านเป็น สว. จะเลือกใครเป็นประธาน?
“กรพด” ยันไม่เคยเข้าคุกตั้งท่าฟ้องกลับ
ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สว.ให้สัมภาษณ์ถึงมีรายงานข่าวกรณี กกต.จะสั่งให้คัดคำพิพากษากรณีเคยถูกฝากขังที่เรือนจำระยอง คดีขัดขวางทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เมื่อปี 61 จริงหรือไม่ว่า ยินดีให้ตรวจสอบ หากผิดว่าไปตามผิด แต่ขอพื้นที่สื่อด้วยว่าก่อนพิพากษาใครควรดูก่อน คำสั่งของผู้พิพากษาเป็นตัวชี้วัด ตอนนี้ตั้งทีมทนายสืบสวนว่าคนใดส่งข่าวหรือปล่อยข่าวสร้างความเสียหาย ต้องดำเนินการ ไม่ต้องห่วงเตรียมเอกสารชี้แจงไว้แล้ว ทราบอยู่แล้วว่าต้องโดนแบบนี้ บรรพบุรุษต้องโดนขุดมาตลอด ถ้าจะเล่นการเมืองต้องทำใจ ต้องดูผลของคำพิพากษาก่อนว่าพิพากษาหรือยัง เป็นประเด็นละเอียดอ่อน ต้องใช้มาตรฐานศาลฎีกา จะวินิจฉัยอย่างไร ขอย้ำว่าคดีของตนศาลยังไม่ได้พิพากษา เพียงอยู่ในชั้นอัยการส่งตัวฟ้อง อยู่ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัวไม่เคยเข้าคุก
กกต.การันตีไม่เข้าลักษณะต้องห้าม
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าว ชี้แจงว่าโดยหลักการได้ตรวจสอบผู้สมัครตั้งแต่ระดับอำเภอถึงระดับประเทศของผู้สมัครรับเลือกเป็น สว.แต่ละระดับทุกคน รวมถึงว่าที่ พ.ต.กรพด เบื้องต้นมีประวัติถูกคุมขังในเรือนจำกลางระยอง ที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม เนื่องจากต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล ได้สอบถามผู้บัญชาการเรือนจำกลางระยอง มีหนังสือแจ้งการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ว่าที่ พ.ต.กรพด ถูกคุมขังตามหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.61 และได้รับการปล่อยตัวในวันเดียวกัน ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษาให้ปรับ 5,000 บาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.62 การถูกคุมขังตามหมายขังและคำพิพากษาของศาล ไม่ถือเป็นลักษณะต้องห้าม
“อนุทิน” ชิ่งไม่เกี่ยวกินรวบสภาสูง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประธานวุฒิสภาคนใหม่ว่า ใครชนะต้องแสดงความยินดีหมดไม่มีปัญหา ถือเป็นสมาชิกรัฐสภา ทำงานให้บ้านเมือง เหมือนพวกตนที่เป็น สส. ต้องทำงานร่วมกัน ต้องแสดงความยินดีกับทุกท่าน หากรู้จักก็ยินดีด้วยตัวเอง แต่หากไม่รู้จักเราแสดงความยินดีผ่านสื่อฯ เมื่อถามว่า พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 นายอนุทินกล่าวว่า ไปถามที่สภาฯ ที่นี่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลไม่ว่าใครเป็นดีใจด้วยทั้งหมด อะไรถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามครรลองเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เมื่อถามว่าที่โซเชียลแซวว่า สว.สายสีน้ำเงินกินรวบ อยากชี้แจงอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไรจะชี้แจง ไม่เกี่ยวกัน
นายกฯเชิญคุยเคลียร์ปมกัญชา
เมื่อเวลา 09.35 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หารือนอกรอบกับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนพากันเดินไปประชุม ครม.ที่ตึกบัญชาการ 1 จากนั้นนายเศรษฐาได้เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข มาหารือเพื่อยุติความขัดแย้งเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข เตรียมประกาศนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ก่อนเป็นประธานประชุม ครม.
ยันนายกฯจัดให้ไม่ต้องถึง “นายใหญ่”
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไปออกรอบตีกอล์ฟกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่สนามแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรี คลับว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องกัญชากับนายทักษิณเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เรื่องของท่าน มาพักผ่อน กัญชาเป็นเรื่องของคณะกรรมการยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลด้วยซ้ำ เมื่อถามว่าได้ร้องขอให้นายทักษิณช่วยเคลียร์ปัญหาให้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่ต้องเคลียร์ของแค่นี้ ตนเคลียร์เองไม่ได้หรือ นายกฯบอกให้เงียบๆเดี๋ยวท่านจัดการเอง เรื่องกัญชาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนเอากัญชาออกจากยาเสพติดมติ ป.ป.ส.เป็นเอกฉันท์ แต่ถ้าเอากลับต้องมีข้อมูลมาหักล้าง ได้คุยกับอธิการบดี ม.เชียงใหม่ (มช.) บอกว่ามหาวิทยาลัยร่วมลงทุนกับต่างชาติกว่า 900 ล้านบาท ถ้ากลับเป็นยาเสพติดจะฟ้องรัฐบาลและ ป.ป.ส.พร้อมหรือไม่ แต่ตนไม่พร้อมและยังกระทบความมั่นใจ ใครจะกล้ามาลงทุน เพราะกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา
ยิ้ม “สมศักดิ์” ยอมออก ก.ม.ควบคุม
ต่อมาเวลา 11.50 น. หลังประชุม ครม.นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การหารือกับนายกฯและนายสมศักดิ์ ขออย่าใช้คำว่าเคลียร์ใจเพราะไม่ได้มีปัญหาอะไร เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผล เรื่องนี้ให้นายกฯแถลงดีกว่า แต่นายกฯระบุว่าควรมี พ.ร.บ.เข้ามาควบคุม ต้องกราบขอบคุณนายกฯที่กรุณาพิจารณาและตัดสินใจว่า ควรออกเป็น พ.ร.บ. ต้องไปปรึกษาหารือกันทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯอยู่ด้วย จะร่าง พ.ร.บ.อย่างไรคงเป็นเรื่องของพรรค แต่พรรค ภท.มีร่าง พ.ร.บ.คาอยู่ที่สภาอยู่แล้ว ถ้าพรรคอื่นเห็นด้วยเสนอประกบมา เมื่อถามว่าการผลักดัน พ.ร.บ.จะไม่พลาดเหมือนรัฐบาลที่แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “นี่เป็นบัญชาของนายกรัฐมนตรี” เมื่อถามว่า ประเด็นนี้เกี่ยวกับจากการไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้ไม่เคยพูดคุยกับนายทักษิณเลย
“สมศักดิ์” หัวเราะร่วนนักข่าวรู้ดีกว่า
ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวกรณีนายกฯให้ออก พ.ร.บ. ควบคุมกัญชา เท่ากับว่าการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดต้องชะลอไว้ก่อน แล้วไปออก พ.ร.บ.แทนใช่หรือไม่ โดยนายสมศักดิ์ตอบว่า เป็นไปตามกลไกที่วางไว้ ทั้งแนวทางของ ป.ป.ส.และทั้งสภาฯ เป็นไปตามแนวทางนั้นอยู่ เป็นเรื่องที่มีทั้ง 2 อย่าง เมื่อถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่านายอนุทินไปเจรจากับนายทักษิณที่เขาใหญ่ นายสมศักดิ์หัวเราะพร้อมตอบว่า “คุณรู้ดีกว่าผมอีก”
แจงก๊วนกอล์ฟเขาใหญ่ไร้การเมือง
อีกเรื่อง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ใกล้จะพ้นการพักโทษในเดือน ส.ค.ไปออกรอบตีกอล์ฟที่แรนโช ชาญวีร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า นายทักษิณไปพักผ่อนกับครอบครัวและไม่ได้มาพักที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ โรงแรมของครอบครัวตน แต่พักที่โครงการของครอบครัวของนายทักษิณ แต่แวะมาทานอาหารเย็นกับตนและพรรคพวกที่แรนโชฯ ในวงสนทนาไม่ได้พูดเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ที่ภาพนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมก๊วนกอล์ฟด้วย รู้จักกันมาไม่ต่ำกว่า 25 ปี นายสารัชถ์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปี 2526 เป็นรุ่นพี่ 1 ปี เรียนเก่ง วิศวะจุฬา เจอกันที่สปอร์ตคลับ ตีเทนนิส แทงสนุ้ก ตีกอล์ฟกันตั้งแต่เด็ก เมื่อถามว่าภาพที่ออกมามีนัยการเมืองเตรียมรองรับสถานการณ์อะไรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า นายทักษิณไม่ได้ตีมากว่า 5 ปีแล้ว จึงไปขอลูกสาวให้กันเวลาไว้ให้ จะคิดเงินเท่าไหร่ว่ามา ให้คุณลุงได้ออกวงสวิง ท่านตี 9 หลุมก็กลับ ท่านมาพักผ่อน ต่างคนต่างตี พนันก็ไม่ได้
บอก “นายทักษิณ” แต้มเยอะสุด
เมื่อถามว่า นายทักษิณ เป็นผู้ประสานเพื่อจะออกรอบใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คุยกัน เป็นพรรคพวกทั้งนั้น เมื่อนายทักษิณมาเขาใหญ่หลายคนบอกจะมาด้วย เมื่อจะตีกอล์ฟ ตนมีสถานที่ที่ให้ได้เล่นแล้วสบายใจได้ ท่านยังบอกเลยว่าไม้กอล์ฟที่ใช้หลวงพ่อคูณเป็นคนให้มาและเสกว่าขอให้มึงตีแล้วได้แต้มเยอะๆ ยืนยันในก๊วนกอล์ฟไม่มีเรื่องการเมือง 10 โมงกว่าตีเสร็จตนเดินทางไปจับยาเสพติดที่ จ.แม่ฮ่องสอนต่อ เมื่อถามว่าการออกรอบดังกล่าวใครเป็นผู้ชนะ นายอนุทินตอบว่า “ถ้าแต้มเยอะสุดก็นายกฯทักษิณ ต้องถามว่าคนชนะจะใช้แต้มเยอะหรือแต้มน้อย” และยืนยัน ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง ถ้าลับๆล่อๆไม่มีวันได้เห็นภาพ พร้อมถามนักข่าวกลับว่าใครเป็นคนโพสต์ภาพคนแรก แสดงว่า ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าดูเหมือนนายอนุทินดวงกำลังขึ้นพุ่งแรง ดูเหมือนนายทักษิณจะต้องมาง้อ เพราะพรรค ภท.มีกำลังเยอะขึ้น นายอนุทินตอบว่า มัชฌิมา ปฏิปทาเดินสายกลาง จริงใจตั้งใจ อย่าไปทำอะไรให้ผิดทำนองคลองธรรม ไม่ต้องคิดมากกังวลอะไร ไม่ต้องโกหกพูดความจริงตรงไปตรงมา
“นายกฯนิด” ควักกระเป๋าซื้อรถใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้ใช้รถประจำตำแหน่ง เป็นรถตู้ All NEW Lexus LM 350h Executive 4-Seater สีเงิน Sonic Titanium ทะเบียน สร 30 กรุงเทพมาหานคร เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า รถของนายกฯได้มีรถตู้ Lexus รุ่นและสีเดียวกัน จอดเทียบในที่จอดรถเดียวกัน แต่เป็นทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร ข้างกัน โดยตกแต่งจาก 4 ที่นั่งปรับให้เหลือเพียง 2 ที่นั่ง เพื่อความคล่องตัว และเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจของนายกฯ ทั้งนี้ รถคันดังกล่าวนายกฯใช้เงินส่วนตัวซื้อมาใช้สลับกับรถประจำตำแหน่ง เพื่อลงพื้นที่ต่างจังหวัด โดยรถคันใหม่จะใช้ใน กทม.เป็นหลัก
“วิษณุ” ชี้ ก.ม.ตำรวจแก้จุดเดียวไม่ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอแนวคิดการผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจ ไม่ให้นายกฯเป็นประธาน ก.ตร.เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้การเมืองเข้าไปล้วงลูกการโยกย้ายแต่งตั้งโดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่า ถ้าจะแก้ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องแก้ ยิ่งการแก้เพื่อป้องกันการแทรกแซงมีอีกหลายจุด ไม่ใช่แก้เฉพาะตำแหน่งประธาน ก.ตร.ที่เดียว มีหลายประเด็นเกือบ 10 ประเด็น จะเป็นประเด็นใดตนจำไม่ได้ มันเยอะมากใช้เวลาเป็นวันที่จะพูด และคนเราถ้าจะแทรกแซงมันก็แทรกได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเอาใครมาเป็น
กห.ตั้งแท่นแก้สัญญาซื้อเรือดำน้ำ
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงการแก้สัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ไม่ได้เจอ แต่มีหนังสือตอบกลับมาทางกองทัพเรือก่อนหน้านี้แล้วว่าสามารถทำได้ การแก้ไขสัญญาต้องขอมติจากที่ประชุม ครม. ส่วนเครื่องยนต์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะประมวลความเห็นทั้งหมด ส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี แต่จะแจ้งด้วยวาจาให้นายกฯได้ทราบก่อนภายในสัปดาห์นี้
“ลุงป้อม” เปิดตัว “วัน” ซบ พปชร.
เมื่อเวลา 14.15 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร. แถลงเปิดตัวนายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรค พท. รวมถึงนายพยม พรหมเพชร อดีต สส.สงขลา พรรค พปชร.ที่ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย อดีตสส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ ที่ไปอยู่กับพรรค ภท. นายอำพล ขำวิลัย นายซอบรี หมัดหมัน นายชารีฟุดดีน สารีมิง และนายสุเนตตา แซ่โก๊ะ เข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. โดย พล.อ.ประวิตรได้สวมเสื้อพรรคให้ทั้ง 6 คน ก่อนชูมือถ่ายรูปร่วมกัน หลังแถลงพล.อ.ประวิตรตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรค พปชร.จะเป็นพรรคสาขาพรรค พท.หรือไม่ว่า “ไม่มี” จากนั้นนายวันแถลงว่า หลังลาออกจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี มีเพื่อนๆหลายคนติดต่อชวนเข้าพรรคเต็มไปหมด แต่สักพักเงียบหายไปไม่ทราบโดนใครแตะเบรกมา จนกระทั่งไปลาออกจากสมาชิกพรรคพท. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ถามว่า มาอยู่กับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ได้ถามทันทีว่าลุงป้อมจะรับเหรอ หลังจากนั้นโทร.เรียก ให้เข้าไปพูดคุย ประโยคแรกคือยินดีต้อนรับ ซาบซึ้งและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนหนีร้อนมาพึ่งเย็น ลุงป้อมใจใหญ่ ใจกว้าง ใจถึง พึ่งได้จริงๆ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่