วงกินข้าวกระชับมิตรพรรคร่วมรัฐบาลยังเฮฮาชื่นมื่น
แต่แฝงไว้ด้วยรอยปริร้าว ต่างคนต่างซ่อนมีดไว้ข้างหลัง
ทั้งขิง ทั้งแฉ แอบชกใต้เข็มขัดกันคนละหมัดสองหมัด ไม่รู้ว่า “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเจ้าภาพงานดินเนอร์พรรคร่วม จะเอาหน้า “นายใหญ่” หรือยังไง
สร้างประเด็นดราม่า โชว์ฟอร์มเป็นมือประสานกวาดต้อนพรรคเล็กมาไว้ในการดูแลเพียบ แต่แอบแซะเต็มแรงถึง “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
พรรคภูมิใจไทยก็ดูแลอยู่หลายพรรค เลยไม่อยากน้อยหน้า
“เสี่ยหนู” ถึงกับยิ้มแห้งๆ ตะโกนใส่กลับไปเปรียบเปรยชื่อ “พรรคประชาเพื่อไทย”
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ปั้นหน้ายิ้มใส่กัน แต่เบื้องหลังทำสงครามเย็นกันตลอดเวลา
...
รวบรวมไพร่พล สุมกำลังกันไว้ทุกด้าน หวาดระแวงเกมหักหลังกันทั้งเพื่อไทย และภูมิใจไทยที่แรงขึ้นมาจนกลายเป็นแกนหลักฝั่งอนุรักษ์นิยมไปแล้ว
ผ่านมาแค่ปีเดียวรัฐบาลผสมข้ามขั้วมั่วอุดมการณ์ เกิดอาการระหองระแหง แตกร้าวภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
ตามเงื่อนไขดีลลับฝั่งอนุรักษ์นิยม เมื่อนายทักษิณพ้นโทษกลับบ้าน ต้องอยู่นิ่งๆเลี้ยงหลาน ก่อนจะวางหมากให้เป็นหัวหอกประคองอำนาจรัฐบาลต่อเนื่องไปยังรัฐบาลหน้า
ต่อกรกับพรรคก้าวไกลที่กระแสแรงจนฝั่งอนุรักษ์นิยมวอดวายพ่ายยับในสนามเลือกตั้ง
ยืมมือศัตรูพิฆาตศัตรู แต่ “ทักษิณ” ไม่ยอมเล่นตามเกม ค่อยๆเดินฉีกหนีจากอำนาจเก่าอนุรักษ์นิยม แม้จะอยู่ร่วมชายคารัฐบาลเดียวกัน แต่ DNA ไม่ตรงกัน
รัฐบาลเพื่อไทยผสมพันธุ์ 2 ลุง มั่วขั้วอนุรักษ์นิยม เป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่ยังสดอยู่
กระแสที่ตกต่ำดำดิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ต้องแลกกับการกลับบ้านของ “นายใหญ่” เจ้าตัวเองก็รู้ดี
ถ้ามองเชิงการเมืองเหมือนอย่างที่พรรคก้าวไกลเคยบอกไว้ “นายทักษิณก็ถูกกระทำจากการรัฐประหาร และตัดสินความผิดโดยเครือข่ายที่ยึดอำนาจเขาไป” ก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่นายทักษิณควรได้รับความเป็นธรรมคืน
แต่คนส่วนใหญ่มองเห็นเพียงการตระบัดสัตย์ของพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องพูดถึงขั้วตรงข้ามฝ่ายอนุรักษ์นิยม
เคียดแค้นชิงชังหนักเข้าไปอีก และอีกไม่นาน 22 ส.ค.ก็จะครบกำหนด “ทักษิณ” พ้นโทษแล้ว
ทั้งฝ่ายแค้น พลพรรคคนเกลียดทักษิณ ออกมารุมด่า ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกพิสดาร เป็นไปตามไทม์ไลน์ปกติ ไม่มีตัวช่วย หรือปาฏิหาริย์ทางกฎหมายอย่างที่เคยถูกนินทาตอนกลับมาไทยใหม่ๆ
“ทักษิณ” จะกลับมาลงสนามเต็มตัว หรือมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลก็อาจเป็นดาบสองคม
แต่คงไม่มีทางเลือก กระแสที่ตกต่ำลง “ทักษิณ” ก็มีส่วน จึงอยากแก้ไขด้วยตัวเอง อยู่บ้านเฉยๆไม่ไหวแน่
เหนืออื่นใดถึงเวลานี้ต้องยอมรับว่ารัฐบาลยังสร้างผลงานกระชากใจประชาชนไม่ได้
ผ่านมาเกือบปีแล้วยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นอันให้ประชาชนสัมผัสได้
ต่างจากสมัยรัฐบาลเพื่อไทยฟีเวอร์ ได้เป็นรัฐบาลแล้วกระแสยังพุ่งขึ้นไปอีก สร้างความนิยมต่อเนื่องไปจนเลือกตั้งครั้งใหม่ชนะถล่มทลายสร้างประวัติศาสตร์กวาด สส.ไปกว่าครึ่ง
แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น “ดิจิทัลวอลเล็ต” นโยบายเรือธงยังไม่ได้เริ่ม ปรับไปเปลี่ยนมาจนล่าสุดต้องออกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท และลดวงเงินโครงการเหลือ 450,000 ล้านบาท
และก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อลงมือทำแล้วจะประสบความสำเร็จแค่ไหน
เป็นงานใหญ่งานยากของ “ทักษิณ” และเดิมพันความอยู่รอดของพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง
ท่ามกลางกระแสตกต่ำยังไม่เห็นแนวโน้มกลับมา หลายคนจึงไม่ค่อยเชื่อน้ำยา “ทักษิณ” แล้ว
เวลาอีกไตรมาสหรือจนถึงสิ้นปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ ถ้ายังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
คงไม่ต้องรอให้ถึงเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะสภาพภายในพรรคเพื่อไทยตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมดแล้ว
เคสของ “เสี่ยหนุ่ม” วัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. ที่ลาออกจากเพื่อไทย มันคือนัยที่แฝงความจริง
เพราะเป็นธรรมดาที่เหล่า สส.ก็ต้องประเมินหนทางอยู่รอดของตัวเองตลอดเวลา
มันบ่งบอกว่า ณ ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยยังโคม่าขาลง เหมือนพระอาทิตย์อัสดง
น่าเป็นห่วงว่าถ้าไม่มีจุดเปลี่ยน เพื่อไทย-รัฐบาล คงเผชิญภาวะอลเวงแน่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม