“พล.อ.ประวิตร” นำประชุมพลังประชารัฐ กำชับลูกพรรคทำหน้าที่ในสภาฯ-กมธ.ให้เต็มที่ ด้าน “ธรรมนัส” แจงนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง เตรียมส่งถึงมือเกษตรกร ส่วนปมทับลาน “บิ๊กป๊อด” ยัน ยึดหลักกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย
วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรค โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรววงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรค, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรคและนายทะเบียนพรรค, นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โดยกำชับให้ สส.ของพรรค ทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
...
1. ใช้สิทธิในการอภิปรายหารือ ตั้งกระทู้ถาม เสนอหรืออภิปรายในญัตติต่างๆ ตามความเหมาะสม เพื่อที่จะได้นำปัญหาของประชาชนมาแจ้งต่อฝ่ายบริหารให้แก้ไข หรือร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องที่สำคัญในญัตติต่างๆ
2. ในส่วนของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ควรจะเร่งประชุมหารือกันในเรื่องที่กำลังพิจารณากันอยู่ เพื่อสรุปผลการดำเนินการให้แล้วเสร็จ และส่งให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบรับไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป
3. รวบรวมเรื่องความต้องการและปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่มาหารือกันในคณะกรรมการภาค สรุปปัญหาที่สำคัญๆ เพื่อส่งให้รัฐมนตรี รวมทั้งฝ่ายวิชาการ และฝ่ายนโยบายของพรรค นำไปพิจารณาหาทางดำเนินการแก้ไข หรือกำหนดเป็นนโยบายของพรรคในโอกาสต่อไป
ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รายงานถึงความคืบหน้าโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรค ในการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ในการลดภาระต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้แข่งขันได้ ซึ่งเกษตรกรให้ความสนใจในโครงการนี้ โดยเรื่องนี้มีการหยิบยกมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา เพื่อการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกพรรค มั่นใจว่าระบบการบริหารจัดการจะสามารถส่งถึงมือได้อย่างโปร่งใส ไม่เปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชันได้ ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดให้เอกชนทุกรายสามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ ผ่านกลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)
ทั้งนี้ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงถึง 16 ล้านราย เกษตรกรสามารถเลือกใช้ ปุ๋ย 15 สูตร ทั้งปุ๋ยเคมี ชีวภาพ และอินทรีย์ ซึ่งในแต่ละพื้นที่การเพาะปลูกข้าว ในฤดูกาลผลิต 67/68 จะเร่ิมระยะเวลาเพาะปลูกไม่เหมือนกันในแต่ละภาค และแต่ละจังหวัด ซึ่งการเพาะปลูกจะเร่ิมตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงธันวาคม 2567 ดังนั้น หากเกษตรกรรายใดที่ลงทะเบียนผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถขอรับการสนับสนุนในโครงการได้ทันที โดยที่เกษตรกรต้องมีการไถ หว่าน หรือดำนา ไปแล้ว 15 วัน
“โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็น 1 ใน 2 เรื่องที่พรรคหาเสียงไว้ โดยเรื่องแรก เปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนโยบายปุ๋ย เป็นอีกนโยบายที่พรรคได้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรในการลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ 10% ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10% และที่สำคัญเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว และยกระดับคุณภาพข้าว เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด”
พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวด้วยว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง กับโครงการชดเชยเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท เป็นคนละโครงการกัน ซึ่งโครงการชดเชยเยียวยา 1,000 บาท มีมาสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่เติมให้ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เป็นโครงการช่วยเหลือในเหตุการณ์วิกฤติ ปีที่ผ่านมาราคาข้าวอยู่ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาข้าวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพื่อลดต้นทุนของเกษตรกรชาวนา และเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ของข้าว เป็นโครงการที่มีความยั่งยืน และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นสิ่งที่พูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง
ขณะที่ นายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานต่อที่ประชุมถึงกรณีที่ประชาชนออกมาเรียกร้องกรณีการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนใน อ.ทับลาน จ.นครราชสีมา ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้ให้นโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการเร่งด่วน ดังนี้
1. ให้พิจารณาสิทธิชาวบ้านในการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ที่ทำกิน ต้องไม่มีนายทุนนักการเมืองถือครองเด็ดขาด พิสูจน์สิทธิให้ชัดเจน
2. ให้ความเป็นธรรมชาวบ้านที่อยู่มาดั้งเดิมกว่า 20 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิที่ดินอย่างถูกต้องเป็นธรรม ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน คาดว่ามีประมาณ 50,000 ไร่
3. การจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านทำกิน ต้องไม่ตัดผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ห้ามตัดพื้นที่ต้นน้ำ หรือที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกไปเพราะต้องรักษาผืนป่าไว้ อาจพิจารณาตัดแบ่งเฉพาะที่ประชาชนอาศัยและทำกินอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น.