นายกรัฐมนตรี ยัน พร้อมรับฟังคำติจากทุกฝ่ายปรับปรุงการทำงาน หลังมีเสียงวิจารณ์ 1 ปี ผลงานยังไม่จึ้ง ชี้ รัฐบาลทำทุกอย่างยกระดับรายได้ประชาชนให้สูงขึ้น ควบคู่ชดเชยรายจ่ายทั้งค่าไฟ-ค่าน้ำมัน 

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ต่อมาเวลา 12.15 น. ภายหลังประชุม นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่จะครบรอบ 1 ปีในเดือนสิงหาคม 2567 แม้จะเห็นถึงความตั้งใจแต่ยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมากพอสมควร ในหลายๆ โครงการและทุกกระทรวงก็ทำงานหนัก ทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร การพักหนี้เกษตรกร การดูแลพืชหลักพืชรอง การเพิ่มศักยภาพการศึกษาให้เยาวชน การเพิ่มค่าแรง กฎหมายสมรสเท่าเทียม ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีหลายมิติที่เราพยายามทำอยู่ และจะเร่งดูแลเรื่องการศึกษาให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น

ส่วนคำถามคิดว่าผลงานที่เป็นรูปธรรมจะมีความชัดเจน ทำให้ประชาชนรู้สึกจึ้งกับผลงานได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีถึงกับหัวเราะคำว่าจึ้ง พร้อมกล่าวว่า “จะทำให้จึ้งได้อย่างไร ผมคิดว่าต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะมีหลายโครงการที่จะค่อยๆ ทยอยออกมา อย่างเช่นการลงทุนจากต่างประเทศ การทำ FTA ที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าจะค่อยๆ ทยอยออกมา”

ทั้งนี้ นอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม แต่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงการทำงานรัฐบาลเช่นกัน จะมีการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร นายเศรษฐา ระบุ ส่วนตัวคิดว่าในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน อาจจะอึดอัดใจหรือไม่เข้าใจ หรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอ รัฐบาลนี้ก็ต้องรับฟัง หรือแม้จะเป็นคำติจากพรรคเดียวกันเราก็ต้องรับฟังและพยายาม อะไรที่เป็นคำติที่เหมาะสม สมควรที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องทำ หากเป็นเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว แต่ยังมีการสื่อสารไม่ดี เราก็พร้อมที่จะชี้แจงในเวทีที่เหมาะสม 

...

เมื่อถามต่อไป วันนี้ที่จะเข้าพรรคเพื่อไทย จะถือโอกาสชี้แจงเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ถ้ามีคำถามก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะวันนี้จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย โดยมีการลาราชการไว้แล้วตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ถ้ามีคำถามก็พร้อมที่จะชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ส่วนตัวคิดว่าบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่เป็นซีอีโอเก่า เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เพราะเมื่อก่อนเป็นซีอีโอ ก็จะปิดไซต์งานได้ตลอด แต่พอมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ค่อยปิดไซต์งานได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีการปิดงานได้เยอะมากพอสมควร สมัยก่อนที่เป็นซีอีโอก็มีเปิด-ปิด-โอน และมีการเปิดและปิดงานใหม่ตลอด

นอกจากนี้ กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยตัวเลขค่าครองชีพเมื่อปี 2562 กับรัฐบาลปัจจุบันพบว่าสูงขึ้นมาก และไม่สัมพันธ์กับค่าแรง รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อให้ค่าครองชีพกับค่าแรงสัมพันธ์กัน นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เรื่องนี้ต้องมี 2 มิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เช่น มีการหารือเรื่องปุ๋ยคนละครึ่ง เราต้องการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับภาคการเกษตร ทำให้ผลต่อไร่สูงขึ้นราคาดีขึ้น สามารถเปิดตลาดใหม่ๆ และมีการลงนาม FTA เพื่อยกระดับรายได้ให้สูงขึ้น ส่วนในแง่ของรายจ่าย เราก็มีการชดเชยค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน การพักหนี้เกษตรกร การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นเรื่องหนึ่งที่เราพยายามทำอยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้จะขึ้นเป็น 600 บาทภายใน 4 ปี ขณะนี้ผ่านมา 1 ปีแล้วคิดว่าแนวโน้มจะไปถึงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบในเรื่องนี้ว่า “ก็พยายามอยู่ เมื่อสักครู่ก็ได้คุยกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งรัฐมนตรีแรงงานยืนยันว่า 400 บาททำได้ แต่คงยังไม่ไปถึง 600 บาททันที”