ก็ต้องดีใจกับ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน และ รองนายกฯ–รมว.คมนาคม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีผู้บริหารของ บริษัท New World Development Group (NWD) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนเกาะฮ่องกง ขอเข้าพบเพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าพวกเขาสนใจการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ที่นายกฯเศรษฐานำออกไปโรดโชว์ในหลายประเทศ
คนที่นำคณะของ NWD มาพบนายกฯเศรษฐา และรองนายกฯสุริยะ เมื่อสัปดาห์ก่อน ชื่อ Mr.Adrian Cheng เป็น CEO ของ NWD ประจำฮ่องกง ซึ่งแสดงความสนใจเรื่องการลงทุนในประเทศไทยในหลายมิติ
โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งทางด้านอสังหาริมทรัพย์จากโครงการแลนด์บริดจ์ ตลอดจนถึงโครงสร้างพื้นฐานเรื่องตลาดเงิน ตลาดทุน เช่น ดิจิทัล ไฟแนนซ์
Mr.Cheng บอกว่า เขามองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในหลายด้าน ทั้งเรื่องของการที่รัฐบาลไทยสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านงานเทศกาลทางศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนถึงเรื่องการพัฒนาเชิงการแพทย์ และงานวิจัยทางเทคโนโลยีขั้นสูง (Biotech) ที่จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล เช่น การรักษาโรคมะเร็ง
ก่อนหน้าที่ Mr.Cheng จะนำคณะของเขาเข้ามาก็ดูเหมือนจะมีกลุ่มนักธุรกิจ และมหาเศรษฐีจากฮ่องกงจำนวนหนึ่งเชื้อเชิญผู้นำรัฐบาลไทย เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันมากขึ้น เพื่อทำความคุ้นเคยกัน ในเรื่องของเตรียมการจะสร้างศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคเอเชียร่วมกันอีกแห่งในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวจากกลุ่มนักธุรกิจไทยและฮ่องกงว่า ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาซึ่งมีความแนบแน่นกับสมาคมธุรกิจการค้าต่างๆในประเทศไทยอยู่แล้ว ก็ประสงค์จะย้ายสำนักงานเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่ไกลจากฮ่องกงและประเทศจีน
...
คณะนักธุรกิจจากฮ่องกงเป็นกลุ่มแรกที่เปิดเผยตัวว่าอยากจะสานสัมพันธ์ทางการค้า และการลงทุนกับประเทศไทย เพราะดูเหมือนเสน่ห์ของเกาะฮ่องกงจะค่อยๆลดลงตามลำดับ ในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งหันไปให้ความสนใจกับเซี่ยงไฮ้แทน
กลุ่มที่มีชื่อแสดงความสนใจในโครงการแลนด์บริดจ์จริงๆจังๆ อีกรายก็คือกลุ่ม บริษัท ดูไบ พอร์ต นักธุรกิจกลุ่มนี้น่าจะกำลังออกแบบโครงการอภิมหาโปรเจกต์นี้อยู่ว่า จะทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือจากฝั่งอ่าวไทย-ทะเลจีนใต้ข้ามไปยังอันดามันเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้สะดวกรวดเร็วอย่างไร?
ยิ่งในช่วงที่ความเสี่ยงของการเดินเรือขนส่งจากสงคราม และการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป และไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด
อีกกลุ่มหนึ่งที่แสดงความสนใจเรื่องเดียวกันก็คือกลุ่มของรัฐบาลปักกิ่ง จากประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตาดูไม่แพ้ดูไบ พอร์ต
กลับมาที่งานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยผ่านเทศกาลระดับโลก ทั้งทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมประเทศไทยอีกที ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เน้นงานอีเวนต์ด้านการท่องเที่ยวให้มาก เพราะประเทศไทยมีศิลปะวัฒนธรรมที่งดงาม จนหลายประเทศต่างก็อยากเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วย
ก็ต้องชมรัฐบาลอีกเช่นกันที่สามารถระดมความคิด และความร่วมมือในหมู่องค์กรด้านการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และสมบูรณ์แบบจนประสบความสำเร็จมาหลายงานแล้ว ยิ่งได้ความช่ำชองด้านการจัดงานของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) ที่มี ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ออกมาลุยทุกงานเอง ก็ยิ่งเป็นที่น่าอิจฉาของต่างชาติ.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม