มาแรงแซงซ้าย เทรนด์ของถนนประชาธิปไตยโลก
ล่าสุดผลการเลือกตั้งทั่วไปรอบชี้ขาดของประเทศฝรั่งเศส พันธมิตรพรรคฝ่ายซ้ายแท็กทีมเข้าป้าย ปาดหน้าฝ่ายขวา ประหลาดใจไปตามๆกัน
สัญญาณปั่นป่วน ฝ่ายคุมเกมอำนาจตั้งหลักกันแทบไม่ทัน
ต่อเนื่องกันเลยกับปรากฏการณ์เลือกตั้งใหญ่ของประเทศอังกฤษที่ “พรรคอนุรักษ์นิยม” โดน “พรรคแรงงาน” แซงซ้ายเข้าวิน
กวาดชัยชนะแบบถล่มทลาย “แลนด์สไลด์” ม้วนเดียวจบ
ฝ่ายขวาปราชัยยับเยิน พลิกกระดานอำนาจเมืองผู้ดีในรอบ 14 ปี ส่ง “เคียร์ สตาร์เมอร์” ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ป้ายแดง
อังกฤษ ฝรั่งเศส ประชาธิปไตย “เลนซ้าย” แซง “เลนขวา”
กระแสขั้ว “อนุรักษ์นิยม” ความนิยมเสื่อมถอยในยุโรปตะวันตก จังหวะการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองในหมู่มหาอำนาจโลก
วกกลับมาที่การเมืองไทย ในสายตาของฝรั่งต่างชาติที่แชร์กันกระจายในโลกโซเชียลฯ เป็นภาพฝูงลิงกำลังตะเกียกตะกาย และต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงครอบครองรถยนต์ “แต่พวกมันไม่รู้วิธีขับรถ”
เปรียบเทียบการเมืองไทยในปัจจุบันอย่างเจ็บแสบ
ตามสถานการณ์ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม โดนทีมเด็กก้าวไกลขี่กระแสคนรุ่นใหม่ “แซงซ้าย” ปาดหน้าเข้าป้ายในสนามเลือกตั้งใหญ่ เบียดขวาตกขอบ “ตกถนน” กระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง
แต่ยังอาศัย “เลนพิสดาร” เจาะทางลัดเอาชนะฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
แย่งเป็นฝ่ายครองเกมอำนาจรัฐบาลขั้วอนุรักษ์นิยมไว้ได้
ภายใต้กติกาพิลึกพิลั่น เกมการเลือกตั้งผสมลากตั้งเพี้ยนๆ แบบที่ได้ “สว.โป๊ะแตก” 200 แคนดิเดตสมาชิกสภาสูง ที่มาซับซ้อนสุดในโลก
...
“ชุดประวัติศาสตร์” ไม่รู้จะบันทึกไว้ให้จดจำหรือเขินอาย
ในสภาพ “จัดตั้ง” มาเบียด “ลากตั้ง” อารมณ์เก่าไม่ไป ใหม่ยังมาไม่ได้ ระดับเบอร์ใหญ่อย่างนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แอ่นอกยืนยันการเรียกประชุม สว.ชุดเดิมยังดำเนินการต่อไป
ตราบใดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศรับรอง สว.ใหม่
เมินเสียงโห่ไล่ อาการรุกทวงพื้นที่ของตัวจี๊ดว่าที่ สว.ใหม่ รวมถึงทีมงานพรรคเพื่อไทยที่ระบายอารมณ์หมั่นไส้ “สว.สายลุงบ้านป่าฯ” ที่กำลังปฏิบัติการ “สอย” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ลากไปแขวนต่องแต่งอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ได้ทีลุยหักหอกข้างแคร่ กวาดเสี้ยนหนามไปเลยทีเดียว
“ทีมเถ้าแก่ใหญ่” โดดร่วมขบวนโห่ไล่ สว.ลากตั้ง มรดกขุมอำนาจทหารเฒ่า คสช. หวังลดดีกรีความเสียวให้ผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย
แต่ที่ซุ่มโป่ง “หุบปาก” เงียบก็คือทีม “สายสีน้ำเงิน” ที่จ่อยึดสัมปทาน สว.ใหม่ เส้นทาง “บุรีรัมย์-เกียกกาย” ภายใต้อิทธิฤทธิ์ “ครูใหญ่” เสกมนต์เขมร เล่นกลพาขบวนไทบ้าน เอาชนะค่ายกล “ซือแป๋มีชัย”
เกณฑ์กันมาหมดหมู่บ้าน ทั้งแม่ค้ากล้วยทอด แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว มัคนายก โฆษกเสียงตามสายชุมชน โชเฟอร์ขับรถสิบล้อ สารถีขับรถคู่ใจ “ปู่ชัย ชิดชอบ” อดีตประธานสภาผู้ล่วงลับ บิดานายเนวิน ชิดชอบ ขาใหญ่ค่ายภูมิใจไทย
หามแห่ “สว.จัดตั้ง” เสียบแทน “สว.ลากตั้ง” จากอำนาจเผด็จการแบบทหารเฒ่ามาถึงเหลี่ยมเก๋าเผด็จการรัฐสภาของนักเลือกตั้งอาชีพ ประชาชนคนไทยต้องเจอกับไฟต์บังคับ “หนีเสือปะจระเข้”
นักเลือกตั้งอาชีพหมกมุ่นอยู่กับปฏิบัติการล็อกขั้วอำนาจ
ชุลมุนอยู่กับการแชร์ผลประโยชน์กันในปีกของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เบียดแย่งกันเป็นหัวขบวนปะทะฝ่ายเสรีนิยม เลนขวา เลนซ้าย กติกาเพี้ยนไปหมด
ต่างฝ่ายต่างเน้นเกมการเมือง ฉุดให้การบริหารโหลดต่ำเตี้ย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ติดแหง็กอยู่ก้นเหว นับวันลากไม่ขึ้น ยืนยันด้วยตัวเลขธนาคารโลก “เวิลด์แบงก์” ปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
จีดีพีเหลือแค่ 2.4 ในปี 2567 และร้อยละ 2.8 ในปี 2568
ตามสภาพแบบที่เห็นกันตำตา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา บ้าน คอนโด ค้างสต๊อกอื้อซ่า ต้องเสี่ยงเปิดให้ต่างชาติถือครองสิทธิกันยาว 90 ปี รถยนต์ไฟฟ้า “ดัมพ์ราคา” กันกระเจิดกระเจิงทำตลาดยานยนต์ปั่นป่วนหนัก
เหมือนลิงแย่งกันครอบครองรถ แต่อนิจจาขับไม่เป็น
มุกตลกร้ายฝรั่ง แต่ประชาชนคนไทยขำไม่ออกเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม