“สมชัย ศรีสุทธิยากร” มอง “ชาญ พวงเพ็ชร์” ชนะเลือกตั้ง อบจ.ปทุมฯ ไม่ส่งผลถึงเลือก สส. เพราะแตกต่างกันเรื่องพื้นที่ ชี้ เพื่อไทยขาดทุน หลังชนะคู่แข่งฉิวเฉียด มอง “ทักษิณ” บารมีลด เหตุห่างการเมืองนาน กลับไทยแบบมีอภิสิทธิ์
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 ณ อาคารบางซื่อ จังชั่น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ว่า การเลือกครั้งที่ผ่านมามีข้อแตกต่างจากการเลือกสภาผู้แทนราษฎร ที่แบ่งเป็นเขตสามารถดูคะแนนนิยมในแต่ละพื้นที่แยกกันได้ แต่การเลือกแบบจังหวัดนี้ ผู้สมัครจะต้องมีการวางเครือข่าย ต้องมีการอาศัยนักการเมืองท้องถิ่น หรืออดีต สจ. ในการหาคะแนนเสียง ซึ่งคะแนนเสียงที่ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะมาครั้งนี้ไม่ได้เรียกว่าชนะไม่ได้มาก จึงไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตหากมีการเลือก สส. จะชนะหรือแพ้ เพราะภาพรวมเป็นทั้งจังหวัดไม่ใช่ระดับเขต
หากถามถึงการใช้ภาพลักษณ์ของพรรคการเมือง หรือบุคคลสำคัญของพรรคลงไปหาเสียง จะเห็นได้ว่า นายชาญ ใช้บุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทย ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ในนามอิสระ จึงประเมินว่าการลงทุนของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ยังขาดทุน เพราะควรจะชนะถล่มทลายมากกว่านี้ แต่ที่ปรากฏคือผลออกมาแค่ฉิวเฉียด
เมื่อถามถามต่อว่า การที่วิเคราะห์เช่นนี้อาจหมายถึงบารมีและอิทธิพลของ นายทักษิณ ชินวัตร อ่อนกำลังลงหรือไม่นั้น นายสมชัย ระบุว่า นายทักษิณ ห่างหายไปจากการเมืองไทยเป็นระยะเวลานาน และเมื่อกลับมาถึงประเทศไทยก็มีกระบวนการที่ นายทักษิณ ใช้จนทำให้สังคมมองว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน และแม้ว่า นายทักษิณ จะพยายามเดินสายลงพื้นที่ และสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง แต่จากที่ตนมองเห็นยังได้ไม่เท่าที่ควร จนทำให้คะแนนนิยมลดน้อยลงไป
...
ส่วนการร้องเรื่องข้อทุจริตเลือกตั้งก็อยู่ที่อีกฝ่ายว่าจะนำเรื่องนี้ยื่นต่อ กกต.หรือไม่ อีกทั้งตนยังเชื่อว่าการเลือกตั้ง อบจ. จะมีมีทั้งใช้เงินและอิทธิพล ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะถึงขั้นให้ใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม หรือไม่.