เลือก สว.ยังวุ่นไม่เลิก “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ร้องล้มกระดาน บี้ กกต.สั่งให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ และจัดการเลือกใหม่พร้อมขู่แจ้งความกราวรูดผู้สมัคร สว. ทีม “บุรีรัมย์โมเดล” “สมชาย” ชงญัตติตั้ง กมธ. ศึกษาปัญหาเลือก สว. อ้างถอดบทเรียนเกิดอะไรขึ้นบ้าง วุฒิสภาจัดสถานที่เตรียมรับรายงานตัว 200 สว. “เศรษฐา” ลุยภูเก็ตรอบที่ 5 ดูแก้น้ำท่วม-จราจร สั่งเร่งทำฟลัดเวย์กันดินสไลด์ มอบ ทส.เจ้าภาพปัญหาการจัดเลือก สว.ยังคงมีผู้ร้องเรียนความไม่โปร่งใส ไม่สุจริตเที่ยงธรรมต่อเนื่อง ล่าสุดนายภัทรพงศ์ ศุภักษา หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้สั่งให้การเลือก สว.ครั้งนี้เป็นโมฆะ พร้อมขู่แจ้งความดำเนินคดีผู้สมัคร สว. ของ จ.บุรีรัมย์ ฐานแจ้งข้อความในเอกสารราชการใบ สว. อันเป็นเท็จ
บี้ กกต.เปิดหีบนับคะแนนใหม่
...
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ก.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมาย ยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามคำร้องคัดค้านการประกาศรับรองผู้ได้รับเลือกเป็น สว. 200 คน และสำรอง 100 คน และขอให้ กกต.เปิดหีบนับคะแนนใหม่อีกรอบ พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า ที่เรียกร้องให้นับคะแนนใหม่ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เลื่อนลอย มีหลักฐานพบโพยมีการลงคะแนนเป็นชุด และได้ถ่ายภาพบัตรเลือก สว.ไว้เป็นหลักฐาน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 25 และ 30 ระบุว่าเลขาธิการ กกต. ในฐานะผู้อำนวยการการเลือก สว.ระดับประเทศ ต้องดำเนินการเลือกให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เมื่อผู้สมัครพบเหตุไม่ปกติได้แจ้งต่อ กกต. หากยังเพิกเฉยหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำการใดเป็นการขัดขวางไม่เป็นไปตามกฎหมาย อาจขัดต่อมาตรา32
ไม่เห็นด้วยสั่งโมฆะเน้นฟันรายคน
พล.ต.ท.คำรบกล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับที่ กกต. ชะลอการประกาศรับรองผลการเลือก สว. ออกไปก่อน หากตรวจสอบพบว่าที่ สว.ทั้ง 200 คน มีคนใดทุจริตก็ไม่ต้องประกาศรับรอง และให้นำบัญชีสำรองในกลุ่มนั้นๆขึ้นมา หากบัญชีสำรองยังไม่พอก็ขอให้จัดการเลือก สว.ใหม่ในกลุ่มนั้นๆ จากปัญหาต่างๆในการเลือก สว. ไม่ควรให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ และช่วงบ่ายวันนี้ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งจากคำร้องเรื่องทุจริตการเลือก สว. ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องการทุจริต แต่เป็นเรื่องของอนาคตประเทศ หากต้องการให้ประเทศมีผู้ที่นำพาประเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้อง สว.เป็นกุญแจดอกสำคัญเพื่อนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้
“ทนายอั๋น” ร้องโมฆะล้มกระดาน
ต่อมานายภัทรพงศ์ ศุภักษา หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้มีคำสั่งให้การเลือก สว.ครั้งนี้เป็นโมฆะ และจัดการเลือก สว.ใหม่ นายภัทรพงศ์กล่าวว่า กระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้มีการทุจริตคอร์รัปชัน เมื่อช่วงเช้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา กรณีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. อ้างคำพิพากษาศาล 185/2567 ระบุว่าใครมีอาชีพอะไรก็แล้วแต่สามารถสมัครกลุ่มใดก็ได้ ในจำนวน 20 กลุ่ม หากไม่เป็นตามที่นายแสวงระบุ งานนี้สนุกแน่นอน การเลือก สว.ครั้งนี้มีสารพัดปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ที่เข้าข่ายการทุจริต ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 มีหลายเหตุผลที่ทำให้การเลือกครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม ทั้งกรณีเรื่องบ้านใหญ่ การฮั้วกัน การลงคะแนนของผู้สมัครที่ไม่ลงให้ตัวเอง หรือเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร สว. วันนี้จึงอยากให้ทบทวนการเลือก สว. โดยประกาศให้เป็นโมฆะ และเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว อย่าให้ สว. 250 คนยิ้มหวาน
แจ้งความกราวรูดทีมบุรีรัมย์โมเดล
นายภัทรพงศ์กล่าวต่อว่า กระบวนการเลือกสว. ที่ จ.บุรีรัมย์ มีเหตุการณ์พิรุธหลายคน เช่น คนขับรถให้ตระกูลดังได้เป็น สว. หรืออาชีพมัคนายกได้มาเป็น สว. รวมถึงคนอื่นที่มีประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาที่ไม่สอดรับกับความเหมาะสม ทำให้กลายเป็นบุรีรัมย์โมเดล มี สว.มากที่สุดถึง 14 คน ทั้งนี้ จะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่เป็นผู้สมัคร สว. ของ จ.บุรีรัมย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ว่ามีการจดแจ้งข้อความในเอกสารราชการใบ สว. ในข้อความที่เป็นเท็จ ไม่ตรงกับความเป็นจริง
“อดุลย์” แนะเอกซเรย์ก่อนปล่อยผี
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวว่า การเลือก สว.ครั้งนี้ มีทั้งฮั้ว บล็อกโหวต ได้ สว.ไม่ตรงปก มี 9 จังหวัดที่ไม่มี สว. ส่อขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ที่ให้ดำเนิน การเลือก สว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แสดงว่าทุกจังหวัดต้องมี สว. ดังนั้นก่อนรับรองขอเตือนสติ กกต.ต้องตรวจสอบทั้งหมดให้เกิดความโปร่งใส หาก กกต.เมินเฉย ไม่ยับยั้งแก้ไข ปล่อยผ่านประกาศไปก่อนสอยทีหลัง ถือว่า กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุมี สว.สายสีน้ำเงินกว่า 130 คน ขอให้ผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคสีน้ำเงินที่มีประชาชนเชียร์ให้เป็นนายกฯคนต่อไป ดำเนินการทุกอย่างให้โปร่งใส อย่าขึ้นเป็นนายกฯโดยมีมลทินมัวหมอง เพราะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านเอง
วุฒินัดถกตั้ง กมธ.ศึกษาเลือก สว.
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อหารือถึงการนัดประชุมวุฒิสภาในวันที่ 8 ก.ค. ที่มีวาระประชุมเพื่อ พิจารณาญัตติของนายสมชาย แสวงการ สว.เสนอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาถึงการเลือกกันเองของ สว.ชุดใหม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 เนื่องจาก กกต. ยังไม่มีกำหนดการประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่ และยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง 2567 ถือว่า สว.ชุดปัจจุบันยังต้องปฏิบัติหน้าที่
ถอดบทเรียนปัญหาเลือก สว.ปี 67
นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า การเสนอญัตติดังกล่าวเพื่อถอดบทเรียนการเลือก สว. เหมือนการเลือก สว.ปี 2562 ที่มีการศึกษาและถอดบทเรียนการเลือกเพื่อใช้เป็นข้อศึกษาในโอกาสต่อไป ทั้งในประเด็นการเลือกกันเอง การจัดเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม เตรียมเชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเขียนรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกมาร่วมศึกษา เพื่อศึกษาว่าเกิดอะไรกับการเลือก สว. ปี 2567 ที่มี ปัญหามาก ขณะที่การเลือกกันเองของ สว.ปี 2562 ไม่มีการร้องและไม่มีปัญหา สิ่งสำคัญคือระเบียบ กกต.อาจมีปัญหา โดยเฉพาะการรับรองคุณสมบัติผู้สมัครปี 2567 มีข้อแตกต่างจากปี 2562 ที่กำหนดให้องค์กรหรือหน่วยงานลงนามรับรอง แทนการให้ประชาชนรับรองกันเอง ผลการศึกษาจะมีข้อเสนอที่เป็นแนวทางแก้ไขประเด็นที่ไม่ถูกต้องในอนาคต รวมถึงประเด็นการฮั้วหรือจัดตั้งด้วย
วุฒิสภาเตรียมสถานที่รายงานตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมการรับรายงานตัวของ สว.ว่า หลัง กกต.คาดการณ์จะประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คนได้ในสัปดาห์หน้า ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับการรายงานตัวของ 200 สว.ชุดใหม่แล้ว ที่ห้องริมน้ำ ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา พร้อมรับรายงานตัวหลัง กกต.ประกาศรับรองผลการเลือก สว. โดยจะเปิดรับรายงานตัวประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่า สว.จะเข้ารายงานตัวจนครบ จากนั้นนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้ สว. 200 คนกล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ และนัดพิจารณาวาระเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา โดยผู้ที่คาดว่าจะเป็นแคนดิเดตในตำแหน่งประธานวุฒิสภาคือ นายมงคล สุระสัจจะ ว่าที่ สว. กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง อดีตอธิบดีกรมการปกครอง
นายกฯพร้อมสภาเพิ่มวันประชุม
ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 10.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านขอให้เพิ่มวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันกฎหมายสำคัญได้เร็วและมากขึ้นว่า ขึ้นอยู่กับฝ่ายนิติบัญญัติ เราพร้อมปฏิบัติอยู่แล้ว และเห็นด้วยที่ต้องพยายามช่วยกันผลักดันกฎหมายให้ออกมาเร็วๆ และเห็นว่าการเพิ่มวันเป็นอีกวิธีการหนึ่ง เราพร้อมปฏิบัติตามที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะตกลงกันมา เมื่อถามว่าเรื่องการตอบกระทู้ในสภา จะกำชับรัฐมนตรีอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของนายกฯอาจติดภารกิจไม่สามารถไปได้ นายกฯตอบว่า เราให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการไปตอบด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปตอบ ต้องมีการคุยกัน
ลุยภูเก็ตกำชับแก้น้ำท่วม-จราจร
ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่ จ.ภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดและปัญหาดินสไลด์ จากเหตุการณ์น้ำท่วมหลังฝนตกหนักเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการลงพื้นที่ภูเก็ตรอบที่ 5 หลังเข้ารับตำแหน่ง มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ร่วมคณะ จุดแรกเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในการขุดอุโมงค์ทางลอด บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร อ.ถลาง ที่มีปัญหาการจราจรติดขัดหนัก พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติมถึงการทำบายพาส หรือเส้นทางระบายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ชาวบ้านที่ได้ฟังถึงกับร้องไห้ดีใจ ที่นายกฯ มารับฟังปัญหาและช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน
สั่งเร่งทำฟลัดเวย์กันดินสไลด์
จากนั้น นายเศรษฐาเดินทางต่อมายังบ้านหัวควนใต้ อ.กระทู้ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา เพื่อติดตามเหตุดินสไลด์จากฝนตกหนักติดต่อกันเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เป็นเหตุให้ดินสไลด์อย่างน้อย 18 จุด ในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ โดยนายกฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแก้ปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะการทำฟลัดเวย์หรือทางระบายน้ำ พร้อมขอแผนที่จุดเสี่ยงดินสไลด์ในพื้นที่ เพื่อไปหารือนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางแนวทางป้องกัน โดยระยะสั้นต้องเร่งหาแนวทางป้องกันบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ได้มากที่สุด ขณะที่ชาวบ้านได้เล่าถึงเหตุการณ์ดินสไลด์ พร้อมระบุอยู่มา 60 ปีเพิ่งเคยมีดินสไลด์ขอบคุณนายกฯ ที่ลงพื้นที่มาดูปัญหาด้วยตนเอง
มอบ ทส.เจ้าภาพบริหารจัดการ
นายเศรษฐากล่าวว่า จากการลงมาดูสถานที่จริงมีหลายมาตรการที่ต้องทำ โดยระยะสั้นช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ฝนมีปริมาณมาก การทำฟลัดเวย์ การขยายร่องน้ำ ไม่ให้น้ำล้นออกมา ส่วนระยะกลาง ระยะยาว ต้องตั้งศูนย์เตือนภัย แต่ชาวบ้านบอกว่าน้ำมาเร็ว การเตือนภัยอาจช่วยได้บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดต้องมาดูแผนที่ทั้งหมดว่ามีกี่จุดเสี่ยงเกิดดินถล่ม เพราะเท่าที่ดูจากแผนที่อย่างน้อย 7-8 จุด ที่เราต้องดูแลทั้งการทำฝาย ฟลัดเวย์ เขื่อน หรือขั้นบันได เพื่อชะลอการไหลของน้ำ ส่วนบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดดินสไลด์ เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไขจะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นเจ้าภาพบริหารจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด
ดูการระบายน้ำหน้าไปรษณีย์กมลา
เมื่อถามว่าจะนำแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 54 จังหวัดเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อเร่งผลักดันให้เสร็จโดยเร็วหรือไม่ นายกฯตอบว่า เชื่อว่าข้าราชการทุกคนเข้าใจถึงความเร่งด่วนอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้รอบคอบและควบคุมได้ทั้งหมด เมื่อถามว่าพื้นที่ลุ่มต่ำมีบ้านเรือนของประชาชนปลูกสร้างขวางทางน้ำ จะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า ต้องยึดตามกฎหมายแผนการก่อสร้างต้องเชื่อมต่อกับทาง ผวจ. อย่างไรก็ตาม ในแผนการสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหา ต้องดูทั้งหมด ทั้งเรื่องฟลัดเวย์ การขยายทางเดินน้ำใหม่ จากนั้นนายกฯ เดินทางมาดูติดตามการระบายน้ำที่คลองระบายน้ำบริเวณหน้าไปรษณีย์กมลา จุดนี้มีประชาชนที่ทราบข่าวว่านายกฯลงพื้นที่ พากันมาตะโกนเชียร์และขอถ่ายรูปด้วยความดีใจ
กมธ.ชำแหละงบแล้ว 54 หน่วยงาน
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 แถลงว่า กมธ.พิจารณาไปแล้ว 54 หน่วยงาน 9 กองทุน ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนกระทรวงกลาโหมขอเลื่อนการพิจารณาไปสัปดาห์หน้า ส่วนการตั้งอนุกรรมาธิการ 9 คณะจะตั้งได้ในสัปดาห์หน้า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าทีมโฆษก กมธ.จะแถลงความคืบหน้าสัปดาห์ละ 2 วัน ในวันอังคารและวันพฤหัสบดี
รบ.เตือนลิงก์เงินดิจิทัลดูดเงิน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างส่งรูปนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมข้อความเช็กสิทธิเงื่อนไขเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ทาง SMS อย่ากดลิงก์เข้าไปดูเด็ดขาด เพราะระบบจะถูกล็อกมิจฉาชีพจะดูดเงินในบัญชีธนาคาร ทำให้สูญเสียเงินทั้งบัญชี จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ดมีการแพร่ระบาดทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อกดลิงก์เข้าไปดู ปรากฏว่าเงินในบัญชีถูกดูดจนหมดบัญชี โดยนายกฯรับทราบ และแสดงความห่วงใยประชาชน ขออย่าหลงเชื่อ หากรัฐบาลเปิดให้ประชาชน และร้านค้าลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะประกาศแจ้งผ่านหน่วยงานภาครัฐ ให้ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันของรัฐ และช่องทางที่กำหนด
“วราวุธ” ย้ำจุดยืนไม่นิรโทษ 112
อีกเรื่อง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์กรณี กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะพิจารณาครอบคลุมคดีมาตรา 112 ว่า พรรค ชทพ.ยืนในจุดยืนเดิมตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล 3 เรื่องที่ไม่ควรนำมาพิจารณาใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้แก่ มาตรา 112 คดีอาญาร้ายแรง และคดีทุจริต โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 เป็นหัวใจสำคัญในการร่างกฎหมายฉบับนี้ เมื่อถามว่าจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ หากพรรคแกนนำรัฐบาลเห็นด้วยให้นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 นายวราวุธตอบว่า ให้ถึงเวลานั้นค่อยมาพิจารณาอีกที แต่จุดยืนเราไม่เปลี่ยนแปลง อย่าเพิ่งตั้งสถานการณ์เผื่อ เพราะไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดจะไปในทิศทางเดียวกัน
แจ้งดีเอสไอสอบ สธ.ฮั้วประมูล
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบการประมูลในโครงการจัดซื้อระบบคลาวด์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกดีเอสไอรับเรื่อง นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอให้ดีเอสไอสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้บริหาร และพนักงานบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ฮั้วประมูลในโครงการจัดซื้อระบบคลาวด์ของ สธ. งบเกือบ 1,000 ล้านบาท ที่ สธ.ให้ NT เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการจัดหาในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง เลือกใช้วิธีการเชิญชวนเฉพาะแทนวิธี e-Bidding เชิญบริษัทเข้ามาเสนอราคาเพียง 7 บริษัท โดย 7 บริษัทมีชื่อคนๆเดียวเป็นกรรมการอยู่ 3 บริษัท และชื่อคนๆเดียวเป็นผู้ถือหุ้น 2 บริษัท และมี 5 บริษัทถอนตัวเหลือเพียง 2 บริษัท บริษัทที่ชนะประมูลเสนอราคา 991,136,720 บาท ส่วนบริษัทที่แพ้เสนอ 992,805,920 บาท ต่างกันเพียง 0.16% เข้าข่ายพฤติการณ์น่าสงสัย หากเชื่อมโยงไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ จะไปร้องกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
“อิ๊งค์” จับมือญี่ปุ่นดันซอฟต์พาวเวอร์
ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ นายโอตากะกล่าวแสดงความชื่นชมที่งาน THACCA Splash ประสบความสำเร็จมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า น.ส.แพทองธาร จะไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับพรรคต่อพรรค พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านซอฟต์พาวเวอร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ขณะที่ น.ส.แพทองธารกล่าวแสดงความยินดีที่นายโอตากะได้กลับมาประจำที่ประเทศไทยอีกครั้ง และขอบคุณสถานทูตญี่ปุ่นที่เข้าร่วมแสดงนิทรรศการ THACCA Splash หวังเป็นอย่างยิ่งจะได้มีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่น เพื่อขยายผลประชา สัมพันธ์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ไทยในญี่ปุ่นต่อไป
ทร.โต้ข่าวจีนขายเรือดำน้ำให้อินโด
พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในเพจเฟซบุ๊ก กัปตันนีโม ระบุว่า “จีนถอดใจเสนอขายเรือดำน้ำ S26T ที่กำลังสร้างสำหรับไทยให้กับอินโดนีเซีย” อ้างอีกว่าผู้แทนบริษัท CSSC ของจีน เดินทางไปอินโดนีเซียเพื่อเสนอขายเรือดำน้ำ S26T ให้อินโดนีเซีย ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงบริษัท CSSC ออกมายืนยันว่าจีนไม่มีความคิดจะขายเรือดำน้ำที่กำลังสร้างสำหรับไทยให้กับประเทศใดๆ ที่ผ่านมาจีนร่วมกับไทยผลักดันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นฉันท์มิตร ตรงไปตรงมาจนโครงการนี้ก้าวหน้าไปมากกว่าร้อยละ 60 และเกือบสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทางจีนไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับโครงการนี้ สำหรับความก้าวหน้าปัจจุบัน กระทรวงกลาโหมได้เสนอเรื่องการแก้ไขข้อตกลงฯให้กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนเสนอเข้า ครม.ต่อไป ดังนั้นโครงการยังคงเป็นไปตามกระบวนการและมีทิศทางที่ดี ขอยืนยันว่าทุกโครงการที่กองทัพเรือดำเนินการ เป็นไปด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่