“เศรษฐา” หารือทางโทรศัพท์กับ “นายกรัฐมนตรีลาว” ยืนยันความร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน ขอให้ ป.ป.ส. ของไทยเป็นหลักในการจัดประชุม ด้านนายกฯ ลาว เชื่อมั่นศักยภาพรัฐบาลไทย พร้อมสนับสนุน

วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หารือทางโทรศัพท์กับ นายสอนไซ สีพันดอน (H.E. Sonexay Siphandone) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน โดยเมื่อเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีหวังว่าจะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีลาวที่ประเทศไทยในเร็ววันนี้ เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และนำความสุขมาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศได้มากขึ้น ในเรื่องปัญหายาเสพติดนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาล สปป.ลาว ที่ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ทางด้านนายกรัฐมนตรีลาว ชื่นชมนายกรัฐมนตรีไทยที่มีบทบาทแข็งขันในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค เชื่อมั่นในศักยภาพการทำงานของรัฐบาลไทย และพร้อมจะสนับสนุนทุกกลไกเพื่อประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค

...

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง 4 ด้าน ที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้แก่ 1. การประสานงานด้านการข่าว อาจตั้งเป้าหมายร่วมกันให้มีการร่วมลาดตระเวนบ่อยครั้งยิ่งขึ้นในพื้นที่เสี่ยง 2. การเสริมสร้างขีดความสามารถ ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านการสืบสวนและการขยายผลการจับกุม 3. การแก้ไขปัญหาในระยะยาว ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและความเป็นอยู่ให้ประชาชนห่างไกลยาเสพติด โดยรัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่โครงการพัฒนาทางเลือกของ UNODC เพื่อปลูกกาแฟแทนการปลูกฝิ่นในแขวงหัวพัน และ 4. ความร่วมมือระดับพื้นที่ โดยขอให้หน่วยงานสองฝ่ายทำงานร่วมกัน อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพื้นที่ ทั้งระหว่างจังหวัดและ แขวงที่มีชายแดนติดกัน รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงและกองกำลังของสองฝ่ายในพื้นที่ชายแดน ซึ่งนายกรัฐมนตรีลาวพร้อมให้ความร่วมมืออย่างดีกับฝ่ายไทย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ขอให้ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันโดยใช้กลไกในพื้นที่โดยพร้อมให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของไทยเป็นหลักในการจัดการประชุมหน่วยงานในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองฝ่าย เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไป.