ที่โกลาหลชุลมุนวุ่นวายเห็นมีแต่นักการเมืองและพวกที่สอบตกจากการเลือก 200 สว. ที่ผ่านพ้นไปแล้ว รอเพียง กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการเท่านั้น ก็จะได้สมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่จำนวน 200 คน แทนที่ชุดเก่า 250 คน ที่หมดวาระไปแล้ว โดยจะอยู่ในตำแหน่ง 5 ปีไม่ต่างกัน
ปัญหาที่พูดกันมากก็คือชุดใหม่กับชุดเก่านั้นมีภาพลักษณ์ต่างกันแค่ไหนอย่างไร
ว่ากันตามความเป็นจริง
“ชุดเก่า” นั้น คสช.แต่งตั้ง 100% ภารกิจนอกเหนือจากกฎหมายกำหนดแล้วยังมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องดูแลปกป้อง คสช.เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นคนแต่งตั้งให้ซ้ายหัน-ขวาหันได้
“ชุดใหม่” นั้นมาจาก 20 กลุ่มอาชีพที่เลือกกันเองตามแนวคิดที่มุ่งหวังว่าจะไม่ถูกครอบงำจากนักการเมือง
แต่ผลที่ออกมาไม่ต่างกันเท่าใดนัก เพียงแต่มีความหลากหลายมากขึ้นไม่ใช่เนื้อเดียวกันทั้งหมด
ที่ชัดเจนจากรายชื่อที่ออกมานั้น
จากที่ คสช.ครอบงำก็กลายเป็นพรรคการเมืองเข้ามาแทนที่
เพราะจำนวน 200 คนนั้นจากการตรวจสอบที่มาที่ไปแล้วพบว่ามาจากสายสีน้ำเงินมากที่สุด ไล่ลงไปก็เป็นสีแดง สีส้ม สีเขียว และอิสระ
นี่ว่ากันอย่างคร่าวๆนะ...
ที่ว่าสายสีน้ำเงินอันหมายถึงพรรค “ภูมิใจไทย” ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธว่าพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใดทุกอย่างมาจากระบบ
เพราะคงไม่ต้องการให้ถูกข้อครหาครอบงำ
แต่ในความเป็นจริงแล้วยิ่งกว่ากิ้งก่าได้ทองเสียอีก เพราะมันหมายถึงความมีอำนาจทางการเมืองสูงขึ้น
ทำให้ “ดุล” การเมืองเปลี่ยนไปทันที!
อย่างน้อยเรื่อง “กัญชาเสรี” ที่ภูมิใจไทยเริ่มสานมาตั้งแต่แรกน่าจะเดินต่อไปไม่ต้องวกกลับที่เก่าไปเป็น “ยาเสพติด” อีกเพราะมีมือ สว.ให้การค้ำจุน
...
ในทางการเมืองเมื่อมีบารมีจากสภาสูงอันไม่ต่างไปจากรัฐบาล คสช. จึงถูกมองว่า “ลุง” ยังมีมรดกตกทอดต่อไป
ประเด็นที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาดก็คือ อำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆอย่างที่พูดๆกันว่า “บิ๊กป้อม” นั้น คุมองค์กรอิสระจึงมีบารมีสูงเพราะนักการเมืองขอพึ่งพาได้
เช่นเดียวจากนี้ไป “ภูมิใจไทย” ก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างกันนัก
นี่ถือเป็น “ดุล” ทางอำนาจใหม่เอี่ยม
นี่คือสิ่งที่จะทำให้ “อนุทิน” มีอำนาจและบารมีสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ที่สำคัญจะทำให้เขาขึ้นมาสู่ผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมอย่าง เต็มตัว เพราะยกย่องเชิดชูสถาบันแล้ว ยังมีอำนาจต่อรองที่สูงขึ้น
เหนือกว่า “เพื่อไทย” ด้วยซ้ำไป
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไปนับจากนี้ก็น่าจะ 3 ปี การเมืองที่เคยมองว่าจะสู้กันแค่ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” เท่านั้น
“ภูมิใจไทย” จะเป็นอีกพรรคหนึ่งภายใต้สีเสื้อน้ำเงิน
จะเป็นคู่แข่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด!
“สายล่อฟ้า”