“พิธา” ถล่ม กกต.สร้างสองมาตรฐาน ยึดมาตรา 92 ขึ้นทางด่วนชงยุบก้าวไกล แต่คดีพรรคอื่นอยากดองอ้างมาตรา 93 เตะถ่วง เฉ่งกระบวนการตั้งเรื่องไม่ชอบด้วย กฎหมาย ทำผิดขั้นตอน ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญให้มีการถ่วงดุล ปิดโอกาสผู้ถูกร้องชี้แจงแก้ต่าง เทียบคดียุบ ปชป.ปี 53 นายทะเบียนพรรคไม่ได้ทำความเห็นส่ง กกต. ศาลรัฐธรรมนูญยังตีตกคำร้อง เชื่อมั่น 44 สส.เข้าชื่อเสนอแก้มาตรา 112 มีเจตนาดีรอดพ้นดาบ ป.ป.ช.ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง นายกฯบอกระบบเลือก สว.ถูกเซตมาแล้วต้องยอมรับ ยัน “สมชาย” พ่ายตกรอบไม่โยงคะแนนนิยม พท. ออนทัวร์สุรินทร์ส่งท้ายทริปลุยอีสานใต้การันตีไร้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ดันเนื้อสุรินทร์วากิวขึ้นชั้นสินค้าจีไอ “นิด้าโพล” เผยคนไทยยังเทใจเชียร์ “ทิม” นั่งนายกฯ “ค่ายสีส้ม” ครองแชมป์ขวัญใจมหาชนทิ้งขาดพรรคเพื่อไทย

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ครั้งถัดไปในวันที่ 3 ก.ค. พรรค ก.ก. ปรากฏว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้แถลงความคืบหน้าการต่อสู้คดียุบพรรคต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 เน้นย้ำกระบวนการชงเรื่องยุบพรรคของ กกต. มีการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้ามขั้นตอนและปิดโอกาสการชี้แจงของผู้ถูกร้อง

“พิธา” ซัด 2 มาตรฐานใช้ทางด่วนยุบ ก.ก.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงถึงความคืบหน้าในการต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล เป็นคำแถลงต่อเนื่องจากครั้งก่อนหน้า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายพิธากล่าวเน้นที่ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง รวมทั้งทบทวน 9 ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลว่า เราแบ่งเป็นสัดส่วนคือ เขตอำนาจ กระบวนการ ข้อเท็จจริงและสัดส่วนโทษ กระบวนการในชั้นของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กำลังทำให้การยุบพรรคมี 2 มาตรฐาน บางพรรคใช้มาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองและบางพรรคใช้มาตรา 93 ถ้าเราดูอย่างเห็นได้ชัดมาตรา 92 และ 93 ไม่สามารถใช้แยกกันได้ บางพรรคที่ กกต.อยากจะส่งขึ้นทางด่วนใช้มาตรา 92 ไม่ต้องใช้มาตรา 93 ถ้าปล่อยให้ใช้แยกกัน หมายความว่าพรรคก้าวไกลขึ้นทางด่วน ส่วนพรรคอื่นไปทางธรรมดา เรายังยืนยันว่าไม่สามารถตีความมาตรา 92 และ 93 อย่างที่ กกต.ตีความได้ เราไม่สามารถให้การยุบพรรคมี 2 ช่องทาง ให้ กกต.ใช้โดยอำเภอใจ

...

เจตนารมณ์ รธน.ต้องถ่วงดุลให้แก้ต่าง

นายพิธากล่าวต่อว่า ถ้าดูในแง่ข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ ต้องมีการถ่วงดุล ต้องเปิดโอกาสให้พรรคที่โดนร้องต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานทางกฎหมายเช่นกัน ระเบียบ กกต.ที่ออกมาเมื่อปี 2566 ทำให้การบังคับใช้ไม่เหมือนกันกับกรณีพรรคไทยรักษาชาติและพรรคอนาคตใหม่ การทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย อีกประเด็นเป็นเรื่องของคำวินิจฉัย 3/2567 เป็นคดีสั่งห้ามไม่ให้หาเสียง ไม่ผูกพันกับคดีนี้ เป็นคนละข้อหา และความหนักของโทษยังแตกต่างกันทั้งนี้ไทม์ไลน์คดียุบพรรคก้าวไกล ล่าสุดวันที่ 19 มิ.ย.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พรรคก้าวไกลทำบันทึกถ้อยคำภายใน 7 วันเพื่อตอบ 2 คำถามสำคัญโดยนัดพิจารณาครั้งถัดไปคือวันที่ 3 ก.ค.67 และนัดคู่กรณีมาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค.67

เฉ่ง กกต.ข้ามขั้นตอน ปิดโอกาสชี้แจง

“2 คำถามที่พรรคก้าวไกลได้รับมาคือ 1.พรรคได้โต้แย้งต่อ กกต.ในประเด็นที่พรรคไม่มีโอกาสชี้แจงในชั้นพิจารณาของ กกต.หรือไม่ 2.การกระทำตามข้อเท็จจริงตามคดี 3/2567 อาจเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ คำตอบ คือ ในเมื่อพรรคไม่มีโอกาสรับทราบข้อกล่าวหาและโต้แย้งในชั้น กกต.จะเป็นไปได้อย่างไรที่พรรคจะเรียกร้อง กกต.ให้ทำตามกระบวนการ ทั้งไม่มีกฎหมายใดกำหนดหน้าที่ให้พรรคต้องโต้แย้งในกรณีที่ กกต.ไม่ทำตามกระบวนการ เมื่อเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ 15/2553 ศาลรัฐธรรมนูญเคยยกคำร้องเพราะ กกต.ไม่ทำตามกระบวนการมาแล้ว ด้วยเหตุว่านายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้ทำความเห็นส่งไปยัง กกต. ซึ่งเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคที่น้อยกว่ากระบวนการยุบพรรคก้าวไกลวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ศาลยกคำร้อง ความผิดเพียงเล็กน้อยศาลยังยกคำร้อง ดังนั้น ในกรณีพรรคเราที่ กกต.ข้ามขั้นตอน ปิดโอกาสชี้แจง เป็นความผิดพลาด มากกว่า ยิ่งต้องควรยกคำร้อง”นายพิธากล่าว

อัดอยากยุบใช้ ม.92 เตะถ่วงใช้ ม.93

นายพิธากล่าวต่อว่า ส่วนคำถามที่ 2 พรรคก้าวไกลตอบไปว่า พรรคไม่สามารถตอบต่อศาลใน ชั้นนี้ได้ เพราะข้อกล่าวหาคำว่า “การกระทำเป็นการล้มล้างและอาจเป็นปฏิปักษ์” เป็นคนละข้อกล่าวหากับคดี 3/2567 ที่กล่าวหาว่า “ใช้เสรีภาพเพื่อล้มล้างฯ” เพียงอย่างเดียว เรายืนยันว่าการกระทำของพรรคไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ได้ แต่ในเมื่อเป็นคนละข้อหาและเป็นประเด็นใหม่ ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ในชั้นกกต.ให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน แต่ในเมื่อ กกต.ปิดประตูใส่พรรค ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ไม่มีช่องทางในการท้วงติง และเมื่อเป็นประเด็นใหม่และขอบเขตใหม่ต้องเริ่มต้นด้วยกระบวนการใหม่เท่านั้น ถ้าเกิดทำสองมาตรฐานแบบนี้ได้ ถ้า กกต.อยากยุบพรรคไหนเป็นพิเศษก็ส่งขึ้นทางด่วนใช้ มาตรา 92 อย่างเดียว พรรคไหนไม่อยากยุบเร็ว อยากประวิงเวลาให้ก็ส่งไปทางธรรมดา ใช้มาตรา 93 ช่วย กกต.เลือกใช้แบบนี้ไม่ได้ ทำให้เกิดสองมาตรฐาน รวมถึงไม่สามารถบอกว่าคดีนั้นจบ ก็เอาคดีนี้มาผูกเพิ่ม ใช้หลักฐานอันเชื่อได้ว่า เป็นเรื่องดุลพินิจล้วนๆ ในเรื่องที่โทษรุนแรงเช่นนี้ ไม่สามารถใช้ดุลพินิจโดยไม่มีการถ่วงดุลได้

จวกคำร้องไม่ชอบด้วย ก.ม.ทำผิดขั้นตอน

เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำตามข้อกล่าวหา จะฟ้องร้องกลับกกต.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ยังคงไกลมากที่จะคิดเรื่องนี้ อยากขอย้ำและยืนยันว่าคำร้องของ กกต.นี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีส่วนร่วม ไม่มีการถ่วงดุลและทำผิดขั้นตอนของ กกต.เอง ไม่ควรตีความแบบกกต.ที่แยกใช้มาตรา 92 กับมาตรา 93 ยืนยันไม่ได้กล่าวหา กกต. แต่ถ้า กกต.อยากจะยุบพรรคไหนเป็นพิเศษจะส่งขึ้นทางด่วนใช้มาตรา 92 อย่างเดียว ถ้าพรรคไหนอยากจะประวิงเวลาให้ ส่งไปทางธรรมดาใช้มาตรา 93 เข้ามาช่วย กกต.จะเลือกใช้แบบนี้ไม่ได้

ยกคดียุบ ปชป.ปี 53 ศาล รธน.ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ก.ก.ประเมินฉากทัศน์หลังจากนี้อย่างไร นายพิธากล่าวว่า ฉากทัศน์หนึ่งวันนี้เรานำเสนอโดยเทียบเคียงคดี 15/2553 ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฉากทัศน์ที่ศาลได้ยกคำร้องในคดีนั้น เพราะนายทะเบียนพรรคไม่ได้เสนอความเห็นก่อน ถือว่าทำข้ามขั้นตอน มีการยกคำร้องนั้นและไม่ได้พิจารณาเรื่องอื่นอีก หรืออีกฉากทัศน์คือเดินหน้าต่อ แล้วให้มีการไต่สวน แต่คิดว่าถ้าเทียบคดีของพรรค ปชป.เมื่อปี 53 ยิ่งต้องยกคำร้อง เพราะในคดีนั้นของ กกต. ถ้าดูข้อกฎหมาย เป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ผู้เสียหายเสียโอกาสชี้แจงในกระบวนการสำคัญที่ กกต.ร่างขึ้นมาเอง นี่พูดถึงเรื่องกระบวนการ ไม่ใช่ในแง่ผลลัพธ์ เมื่อถามอีกว่า มองว่าเป็นการรับลูกของศาล ฟอกขาวให้ กกต.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่อาจก้าวล่วงถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ หรือไม่สามารถก้าวล่วงไปในมุมของ กกต.ได้ ทราบเพียงว่าศาลถามอะไรไปที่ กกต. และทราบคำตอบด้วย แต่ตั้งใจแถลงข่าวตรงไปตรงมาและยึดข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายของฝั่งตน ไม่ก้าวล่วงถึงผู้ร้อง เราเน้นฝั่งเราที่ถูกกระทบหรือถูกกระทำ ไม่ก้าวล่วงในขอบเขตคนอื่น

เชื่อมั่น 44 สส.ชงแก้ ม.112 เจตนาดี

“เมื่อเทียบกับคดีที่ร้อง ป.ป.ช.เรื่องจริยธรรม 44 สส. พรรค ก.ก.ที่เข้าชื่อแก้มาตรา 112 เชื่อมั่นพอๆกัน ยังเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ว่าเจตนาของพวกเรา ที่เจตนาดีกับระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดที่ผ่านมาที่มีคำอธิบายได้ เราประกันตัวเพราะเป็นสิทธิที่เป็นหลักการสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ไว้ก่อน การที่เรามีผู้ต้องหามาตรา 112 เป็นสมาชิกพรรคหรือเป็น สส.พรรค ต้องให้โอกาสเขาพิสูจน์ เพราะคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด” นายพิธากล่าว

นายกฯชี้ “สมชาย” พ่ายไม่โยงเรตติ้ง พท.

เมื่อเวลา 11.15 น. ที่โรงเรียนรัตนบุรี จ.สุรินทร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือก สว.ที่มองกันว่ามีช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญว่า กติกาถูกเซตมาแล้ว ทุกคนลงเล่น มีคนผิดหวังและสมหวังบ้าง เราอยากให้กติกานี้เป็นกติกาที่เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ ผลออกมาอย่างไรในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งน้อมรับ ส่วนใครไม่เห็นด้วยและจะไปปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ต้องไปแก้ที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และเข้าไปในสภาฯเพื่อจะแก้ไขต่างๆ เมื่อถามว่าการพ่ายแพ้ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯถูกเชื่อมโยงไปถึงคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐากล่าวว่า ความเชื่อมโยงมีแค่ความเป็นเครือญาติ แต่ความเชื่อมโยง ระหว่างพรรคกับตัวบุคคลผู้สมัครไม่เชื่อมโยงกัน เมื่อถามว่ามั่นใจในคะแนนนิยมของพรรค พท.ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจอะไรทั้งสิ้น เพราะตื่นเช้ามาทำงานทุกวัน และผลโพลเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจหรือไม่มั่นใจ วันนี้ผลโพลยังไม่ดีพอ เป็นสิ่งที่เตือนสติให้ทำงานหนักขึ้น ต้องพยายามหามาให้ได้ว่าประชาชนยังต้องการอะไรอีกและพยายามพัฒนาต่อไป เพราะปัญหามันเยอะเหลือเกิน”

“วันชัย” แซะ สว.ใหม่สั่งได้ไม่ต่างกัน

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว.โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “จาก สว.แต่งตั้งสู่ สว.จัดตั้ง” ระบุว่า เห็นพูดกันมากว่า สว.แต่งตั้งกับ สว.จัดตั้งต่างกันที่ สว.แต่งตั้ง ต้องหาคนที่แต่งเนื้อแต่งตัวดูดีมีสกุล ประเภทอดีตข้าราชการ อธิบดี ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ แม่ทัพ ครูอาจารย์เอามาแต่งตั้ง ส่วน สว.จัดตั้งก็จัด ก็ต้อนเข้ามาสารพัด ไม่ว่าแม่ค้ากล้วยทอด คนขับรถ พิธีกรงานแต่ง โฆษกงานวัด อสม. ฯลฯ จัดกันเข้ามาแล้วเอามาเป็น สว.จากการจัดตั้ง สิ่งที่เหมือนกันน่าจะมีอยู่อย่างหนึ่งคือ สั่งได้ ขอได้ เชื่อมั่นว่าทั้ง สว.แต่งตั้งและ สว.จัดตั้งคงเสียบบัตรเป็น กดปุ่มเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียงได้เท่านั้นจะอะไรนักหนา ประเภทมีความรู้ความสามารถแต่ไม่ทำ หรือเก่งแต่ไม่กล้าไม่มีประโยชน์ จะโทษใคร กฎกติกาเปิดช่องให้แต่งตั้ง จัดตั้งได้ จับได้ไล่ทันก็ว่ากันไป จับไม่ได้ไล่ไม่ทันมาเป็น สว.เลิกขายกล้วยแขก ขับรถ เป็นพิธีกรงานวัด มารับเงินเดือนภาษีประชาชน แล้วใครจะไปดีกว่าใคร

“นิกร” ให้โชว์ผลงานครบปีค่อยว่ากัน

นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โพสต์เฟซบุ๊กถึงรายชื่อ สว.ชุดใหม่ว่า แม้ครั้งนี้จะมีปัญหาอยู่บ้างในระบบขั้นตอน เมื่อเราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดแล้วค่อยแก้ไขในโอกาสต่อไป ไม่เห็นด้วยกับการไปด้อยค่าวุฒิสมาชิกชุดนี้ อยากให้ กกต.ไปตรวจสอบตามหน้าที่และอำนาจไม่ใช่ตามที่เราอยากให้เป็นไป เราควรจะให้เวลากับ สว.ชุดนี้กันสักระยะหนึ่ง โดยไม่ดูถูกความเป็นเพื่อนร่วมชาติผู้เสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่กันไม่ดีกว่าหรือไม่ ครบปีแล้วค่อยมาว่ากล่าวกันยังทัน

สว.ทิ้งทวนยื่นสอบราชทัณฑ์ช่วย “ทักษิณ”

นายสมชาย แสวงการ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. กมธ.ได้ลงนามส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีเอื้อประโยชน์ดูแลผู้ต้องขังในระบบราชทัณฑ์แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ป.ป.ช. ลงเลขรับไว้ในระบบแล้ว เพื่อหาตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาสถานพยาบาลนอกเรือนจำ แม้ กมธ.ติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร กรมราชทัณฑ์ไม่ให้ข้อมูล จึงมีพฤติกรรมต้องสงสัยไม่ดำเนินการตามระบบที่ถูกต้อง ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ผู้เกี่ยวข้องที่ไม่ให้รายละเอียดกรณีนายทักษิณพักรักษาตัวนอกเรือนจำ ส่วนการระบุว่าเป็นเรื่องสิทธิผู้ป่วยที่ได้รับความคุ้มครอง กมธ.ไม่มีเจตนาที่จะนำไปเปิดเผย การไม่ส่งมอบรายละเอียดที่ กมธ.ถือว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติมิชอบ จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ การส่งหนังสือดังกล่าวการทำหน้าที่ฐานะ สว.จนวันสุดท้าย ไม่ใช่การลุแก่อำนาจ

นายกฯตามขุดลอกคลอง จ.สุรินทร์

สำหรับภารกิจวันที่สามของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการภาคอีสาน หลังพักค้างคืนที่ จ.ศรีสะเกษนั้น เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 มิ.ย. นายกฯเดินทางต่อมายัง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และนายพรเทพ พูนศรีธนากูล สส.สุรินทร์ เขต 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมลงพื้นที่ โดยนายกฯ ยังคงใช้รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ปฏิบัติภารกิจ รับฟังบรรยายสรุปโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ที่บ้านสร้างบก ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จากนายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน ระยะเวลาก่อสร้าง 180 วัน งบประมาณ 15 ล้านบาท

ชาวบ้านมอบเสื่อให้

ขณะที่บรรยากาศระหว่างเดินดูพื้นที่โครงการ นายกฯได้เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับที่ขอจับมือ พร้อมบอกว่า “โอ๊ย มือนิ่มจังเลยนายกฯ” และยังมีชาวบ้านเข้ามาขอโอบกอด โดยนายกฯ ร่วมเซลฟี่ด้วยอย่างเป็นกันเอง รวมถึงนำผ้าขาวม้ามาผูกให้ที่เอว มอบพวงมาลัย และนำเสื่อมามอบให้ด้วย ชาวบ้านขอให้นายกฯมีสุขภาพที่แข็งแรง รักนายกฯเศรษฐา ดีใจที่นายกฯ มาใกล้ชิดประชาชน นายกฯมาวันนี้อากาศเย็นสบาย ดีใจจังเลย เป็นขวัญใจประชาชนชาวรัตนบุรี และมีคุณยายถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้เจอนายกฯ บอกที่ผ่านมาไม่เคยมีนายกฯคนใดลงมาในพื้นที่

ชิมข้าวหอมมะลิ-เนื้อสุรินทร์วากิว

ต่อมาเวลา 10.10 น. นายกฯไปที่โรงเรียนรัตนบุรี อ.รัตนบุรี ร่วมประชุมแผนพัฒนา จ.สุรินทร์ มีนายมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ เขต 5 พรรค พท. นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.สุรินทร์ เขต 2 พรรค พท. และนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.สุรินทร์ เขต 8 พรรคภูมิไทย (ภท.) ต้อนรับ โดยประชาชนนำผ้าขาวม้ามามอบให้ นายกฯร่วมเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง และพูดคุยทหารผ่านศึกถึงชีวิตความเป็นอยู่หลังรับใช้ชาติ ตัวแทนทหารผ่านศึกสอบถามเรื่องเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกเดือนละ 3 พันบาท นายกฯ รับจะไปประสานและติดตามให้

จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมแม่พันธุ์โคเนื้อของกัปตันฟาร์มวากิว เครือข่ายโคเนื้อสุรินทร์วากิว พร้อมสอบถามการเลี้ยง การพัฒนาคุณภาพเนื้อ ให้เทียบเท่ากับต่างประเทศ มีราคาสูงสร้างรายได้ให้เกษตรกร ก่อนเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุรินทร์วากิว ลองชิมเนื้อวากิวย่างชื่นชมว่าอร่อยเนื้อดี สอบถามราคาว่าผลิตภัณฑ์แปรรูปแช่แข็ง และเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรต่างๆ ลองชิมข้าวหอมมะลิอินทรีย์ของกลุ่มนาแปลงใหญ่ข้าว สหกรณ์โคเนื้อสุรินทร์วากิวยางสว่าง ต.ยางสว่าง อ.รัตนบุรี และให้ความสนใจคุณประโยชน์ข้าวกล้องผกาอำปึลหรือปกาอำปึล ข้าวเจ้าพื้นถิ่นเมืองสุรินทร์หรือข้าวดอกมะขาม เป็นข้าวค่าน้ำตาลต่ำเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ปัจจุบันราคาขาย 100 บาท/กก. และซื้อผ้าไหมสุรินทร์ไปเป็นที่ระลึก

เร่งพัฒนาด่านศุลกากรช่องจอม

ต่อมานายกฯ ประชุมพัฒนา จ.สุรินทร์ จังหวัดเสนอการพัฒนาเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ การพัฒนาด่านพรมแดนช่องจอม การศึกษาความเป็นไปได้จัดตั้งสนามบินสุรินทร์ และการพัฒนาและยกระดับสินค้าปศุสัตว์มูลค่าสูง แนวทางเลี้ยงโคสายพันธุ์สุรินทร์ วากิว ขอให้รัฐบาลดูแลแก้ไขราคาเนื้อตกต่ำ หาตลาดในต่างประเทศรองรับ ทำโรงฆ่าสัตว์ถูกต้องตามหลักสากล และการหาแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ รับฟังแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติด โดยนายกฯกล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำ ชาว จ.สุรินทร์ พึ่งพาน้ำทำเกษตรกรรม เป็นจังหวัดทางน้ำผ่าน น้ำท่วมจึงไม่ค่อยมี จะมีแต่น้ำแล้งการขุดลอกบ่อน้ำสำคัญ โครงการขุดลอก อ่างเก็บน้ำห้วยแก้วได้อนุมัติงบฯ ไปแล้ว โครงการอื่นจะให้กรมชลประทานร่วมกับ สทนช.ดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว รองรับน้ำฝนที่จะมาถึง การก่อสร้างสนามบินสุรินทร์ ขอให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณา ศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาสร้างสนามบิน

ดันเนื้อสุรินทร์กิวเป็นสินค้า GI

นายกฯกล่าวว่า แนวทางเลี้ยงโคสายพันธุ์สุรินทร์ วากิวนั้น เนื้อวากิวตัวหนึ่งกำไรถึง 4-5 หมื่นบาท ระยะยาวหากพัฒนาสายพันธุ์ดีขึ้นได้จะทำให้ราคาสูงขึ้น รวมถึงการพัฒนาการตัดแต่งปรุงเนื้อเพื่อให้ขายแล้วได้กำไรมาถึงประชาชนได้สูงขึ้น ต้องหาทางสนับสนุนให้มีโรงเชือดมากขึ้นรองรับ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดันให้เนื้อสุรินทร์กิวได้รับการรับรองให้เป็นสินค้า GI ประจำ จ.สุรินทร์ ส่วนการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในโรงเรียน ขอให้ความรู้และปลูกฝังผลร้ายของยาเสพติด ฝาก ผวจ.สุรินทร์ และศึกษาธิการจังหวัด บรรจุเข้าไปในทุกกิจกรรมโรงเรียน เช่น การเล่นกีฬาทุกภาคส่วนทั้งประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ต้องหามาตรการทำให้ชุมชนเราเข้มแข็ง รัฐบาลพร้อม สนับสนุนการดำเนินงานของ จ.สุรินทร์เต็มที่

จากนั้นนายกฯเดินทางไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อเดินทางขึ้นเครื่องบินไปยังท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม.เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Love Pride Parade 2024 ที่สนามกีฬาแห่งชาติ (ศุภชลาศัย) เวลา 15.30 น.และวันเดียวกัน หลังงานเสร็จสิ้น นายกฯเดินทางมายัง จ.นครราชสีมา เพื่อพักค้างคืน ก่อนลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครราชสีมาและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค.

สรุปทริปอีสานมั่นใจน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์สรุปภาพรวมการลงพื้นที่ภาคอีสาน ตั้งแต่วันที่ 28-30 มิ.ย.ว่า ปัญหาหลักที่รับฟังมาคือน้ำท่วมน้ำแล้ง ราคาสินค้าเกษตร ปัญหายาเสพติด การพัฒนาพื้นที่ถนนและสนามบิน ต้องเร่งแก้ไขให้หมดไป ได้สั่งการหน่วยงานบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาทุกปัญหา จ.อุบลราชธานี ไปดูกระบวนการ ทำเทียนพรรษา สวยงาม มีคนมาดูงานแห่เทียน ปีละหลายหมื่นคน ควรส่งเสริมให้เป็นเฟสติวัลหรืออีเวนต์ประจำปีของจังหวัด ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ วันที่ 20-21 ก.ค. จะมีงานใหญ่จะพยายามเคลียร์ตารางงานมาร่วมงานด้วย จ.ร้อยเอ็ด ภายในสิ้นไตรมาส 3 หรือสิ้นเดือน ก.ย.ทำให้ จ.ร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด ส่วนสถานการณ์น้ำภาคอีสานปีนี้ มั่นใจไม่มีปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง จ.ศรีสะเกษ ปีนี้ให้ดัชนีวัดความสำเร็จ (KPI) กระทรวงพาณิชย์ต้องทำหอมแดงให้ได้ 20 บาท/กก.จากเดิม กก.ละ 15 บาท และให้กระทรวงเกษตรฯหาตลาด ทำให้ราคาทุเรียนภูเขาไฟดีขึ้น ส่วน จ.สุรินทร์ ปลูกข้าวได้เป็นอันดับต้นของประเทศ ข้าวเกษตรอินทรีย์ล้วนอาจมีราคา 100 บาท/กก. ตันละ 1 แสนบาท ต้องมีวิธีการแปรรูปข้าว โคเนื้อสุรินทร์วากิว ต้องพัฒนาให้ดี หาตลาดให้ดีมีมาตรฐานคงเส้นคงวา โรงเชือดและโรงตัดแต่งเนื้อต้องมีเพียงพอ ขณะที่โครงการปุ๋ยคนละครึ่งเกษตรกร ต้องเอาไปปรับปรุงนิดหน่อย ให้สำนักเลขาธิการนายกฯ รวบรวมข้อเสนอแนะ และปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นไปอีก

รับปัญหายังมีเร่งปรับยุทธศาสตร์

นายเศรษฐากล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพล ยังได้รับความนิยมเป็นรองนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค กก.จะปรับยุทธศาสตร์อย่างไรหรือไม่ ว่ายุทธศาสตร์เราปรับตลอดเวลา จะมีโพลหรือไม่มีโพลก็ตาม การลงพื้นที่แต่ละครั้งไม่สมบูรณ์แบบจริงๆ มีหลายปัญหาที่ยังไม่ถูกนำมาพูดถึง แต่ทุกครั้งเมื่อกลับไปจะพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างดีขึ้น เราคงมีการปรับตัว โพลเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ผลสะท้อน ต้องยอมรับว่าเรายังไม่ได้ทำอะไร ที่อยากทำ นโยบายหลักยังไม่ได้คลอดออกไป งบฯ เพิ่งใช้ได้ไม่ถึง 2 เดือน แต่ไม่อยากอ้างงบฯตลอดเวลา เรื่องความมุ่งมั่นต้องขอบคุณ แต่ท้ายสุดแล้วคือผลงานมากกว่า ที่เราต้องยอมรับ ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน แต่ทุกคำถามทุกโพลที่ออกมาเราน้อมรับ

อ้อนผ่านงบฯวาระ 3 แจกเงินหมื่น

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่นายกฯประกาศว่าไตรมาส 4 เงินดิจิทัลได้แน่ แต่ขณะนี้งบฯยังถูกแขวนอยู่ในชั้นกรรมาธิการจะสะดุดอะไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าเป็นนโยบายหลักที่ประชาชนสนใจ สส.ต้องซักถามให้ละเอียด หากจะใช้คำว่าแขวนอยู่ก็ตามที รัฐบาลต้องนำไปพิจารณาว่าเราทำอะไรไม่สมบูรณ์หรือเปล่า และต้องกลับไปตอบคำถามเขาให้ได้ เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมแผนไว้แล้วใช่หรือไม่หากในวาระ 3 สะดุด สมาชิกส่งตีความ ให้เกิดความชัดเจน นายเศรษฐากล่าวว่า “ความตั้งใจเราอยากให้ผ่านวาระ 3 ครับ” ส่วนกรณีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯให้เร่งพิจารณาจัดซื้อเครื่องบิน
F-16 Block 70 ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ยังไม่มีความชัดเจน มีส่งจดหมายเข้ามาถาม ที่เรามีอยู่ใช้โคด Block 35 แต่อันใหม่ที่ใช้อยู่ Block 70 สอบถามนักวิชาการทหารอากาศยังมีรายละเอียดอีกมาก ทั้งเรื่องต่างตอบแทนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ สอดคล้องกับแผนพัฒนากองทัพ 10 ปีด้วยว่า F-16 จะมาใช้ตรงไหนอย่างไร

ย้ำ รบ.เป็นปึกแผ่นควง ภท.ลุยพื้นที่

เมื่อถามว่า วันนี้รัฐบาลยังเป็นปึกแผ่นใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. การลงพื้นที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ก็มา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐก็มา ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร และก่อนหน้านี้เห็น สส.จากพรรค ภท.มานั่งอยู่ด้วย ไม่เห็นว่ามีปัญหาเลย และการลงพื้นที่ไม่ได้เลือกแจกงบฯไปที่จังหวัด อำเภอหรือเขตที่มี สส.พรรค พท.คำนึงถึงประชาชนเป็นหลักมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเสียงของพี่น้องประชาชน

ขอบคุณ “ลิซ่า” คำนึงถึงบ้านเกิด

นายกฯยังกล่าวถึง MV เพลง ROCKSTAR ของ “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BLACK PINK” ที่มาถ่ายทำที่ถนนเยาวราช กทม.เป็นที่นิยมสูงสุด ทำให้นักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวเยาวราช รัฐบาลจะต่อยอดอย่างไรว่า เมื่อคืนวันที่ 29 มิ.ย.ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของลิซ่า ต้องขอขอบคุณที่คำนึงถึงประเทศบ้านเกิดเมืองนอน เยาวราชมีศักยภาพสูงมาก คนจีนเข้ามาเที่ยวจำนวนมาก แต่ยังมีถนนทรงวาดหรือที่อื่นๆใกล้เคียงวัดภูเขาทองที่มีศักยภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีมาก เหนือสิ่งอื่นใดคิดว่า ความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขสำคัญ การที่ลิซ่ามาโปรโมตเพลงได้ยอดวิวคนดูไปหลายสิบล้านวิว เชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาแน่นอน มาแล้วต้องไม่ผิดหวัง ตอนนี้ตัวเลขผู้เดินทางเข้ามาในไทยน่าพอใจ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกระทรวงการท่องเที่ยวฯไปเปิดตลาดใหม่ๆ สำหรับประเทศที่ชื่อลงท้ายด้วยสถาน ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อย่างอินเดียฟรีวีซ่าให้คนไทยแล้วมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.จะไปเยือนอินเดียวันที่ 15-16 ส.ค. หารือเรื่องการบินจะเชิญสายการบินอินเดียมาลงที่ไทยมากขึ้น ปัญหาใหญ่ท่องเที่ยววันนี้คือจำนวนไฟลท์บินที่เข้ามาไม่เพียงพอ

“พิธา” แซะซอฟต์พาวเวอร์ยัดเยียดไม่ได้

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวถึง MV ของ “ลิซ่า” ที่โด่งดังจนทำเยาวราชแตกว่าได้ฟังแล้วทุกอย่างเป็นระดับโลกทั้งหมด คำร้องภาษาอังกฤษและคำแร็ป เทคนิคการถ่ายทำ เป็นผลงานระดับโลก ในฐานะคนไทยภูมิใจ ขณะเดียวกันมี Local Content จำนวนมาก และแม้เป็นผลงานระดับโลก แต่การประสานงาน การเต้นหรือคนที่อยู่ในภาพประกอบของ Music Video เป็นคนไทยทั้งนั้น ต้องขอชื่นชมไปยังลิซ่าและบริษัทด้วยที่ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ทีี่ผ่านมาไม่มีบุคคลใดทำได้เท่านี้ น่าจะทำให้เกิดการรับรู้ ส่วนรัฐบาลจะนำโมเดลของลิซ่ามาผลักดันเป็น Soft Power ได้หรือไม่ การที่ Power จะเป็น Power ที่ Soft ได้มันยัดเยียดหรือประดิดประดอยไม่ได้

หนุน กทม.-รัฐบาลรับลูกต่อยอด

นายพิธากล่าวอีกว่า เมื่อลิซ่าทำคุณูปการให้ประเทศไทยขนาดนี้แล้วต้องไปเตรียมเรื่องการท่องเที่ยวให้ดี รัฐบาลจะรับลูกอย่างไร ทำให้สาธารณูปโภคหรือการท่องเที่ยวเข้มแข็ง และทำให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายออก ไม่ใช่กระจุกตัว การวางเส้นทาง ถ้าคุณจะมา Rock Star Tour ต้องมาเริ่มต้นที่เยาวราช เสร็จแล้วจะเอาสตอรีอะไรต่อ ให้เขาสามารถไปที่อื่น ที่เขาจะไม่ไปตั้งแต่ตอนแรก ทำให้เขาอยู่ได้นานขึ้น ไม่ใช่อยู่แค่ 3-4 วันแล้วกลับ รวมถึงมีสินค้าท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับ ไม่เช่นนั้นเวลากินเบียร์ก็กินเบียร์ฝรั่ง มีแต่เชนต่างประเทศ โดยที่ห่วงโซ่มูลค่าไม่ตกถึงคนไทย เชื่อว่า กทม. รัฐบาลคงรับลูกทำอยู่

โพลชี้ “ทิม” เต็งหนึ่งคนเชียร์นั่งนายกฯ

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ระหว่างวันที่ 14-18 มิ.ย.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 2,000 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในวันนี้ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 45.50 ระบุนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. ร้อยละ 20.55 ระบุยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 12.85 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อันดับ 4 ร้อยละ 6.85 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 5 ร้อยละ 4.85 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. อันดับ 6 ร้อยละ 3.40 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.05 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. และร้อยละ 3.40 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

ค่ายสีส้มครองใจ ปชช.ทิ้งห่าง พท.

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 49.20 ระบุ พรรคก้าวไกล รองลงมา ร้อยละ 16.85 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 15 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ 7.55 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 3.75 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 2.20 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 1.75 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 1.55 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.05 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคไทยภักดี และร้อยละ 1.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่