พลันที่ประตูห้องประชุมใหญ่ อิมแพ็คฟอรัม อาคาร 4 เมืองทองธานี สถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ ในเช้าวันที่ 26 มิถุนายน ปิดลง ผู้สมัคร 3,000 ชีวิต ก็เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเช่นเดียวกับคนข้างนอก ไม่ว่าจะเป็น ...สื่อมวลชน หรือผู้สังเกตการณ์
ด้วยเห็นแต่เพียงภาพหน้าจอจากกล้องวงจรปิดที่ กกต.ถ่ายทอด โดยไม่มีเสียงบรรยายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่การเลือก “ระบบปิด” ดำเนินไปภายในห้องนั้น
เปิดบันทึกไม่ลับฉบับ “กลุ่มสตรีงานดี (เกินต้าน)” หนึ่งในผู้สมัครที่อยากจะบอกเล่าสิ่งที่เห็นและได้ยินมาจากที่เลือกตั้งกลุ่ม 14 (สตรี) เพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ได้เห็นในเชิงลึกและทำความเข้าใจผลเลือก สว.
บรรยากาศภายในห้องประชุมใหญ่กว้างขวาง โอ่โถง ละลานตาเต็มไปด้วยผู้สมัคร
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSwDIxFygcY9stQ2X1HZCoNCjFvxo.jpg)
พื้นที่แต่ละกลุ่มจัดให้บูธลงคะแนนอยู่ด้านในสุด ถัดมาสองด้านซ้าย-ขวาเป็นโต๊ะลงชื่อก่อนรับบัตรลงคะแนน ส่วนที่เหลือเป็นแถวเก้าอี้ 100 กว่าตัว ตามจำนวนของผู้สมัคร สว.แต่ละกลุ่ม
...
ด้านหลังเก้าอี้ทุกตัวแปะตัวเลข เพื่อให้ผู้สมัครนั่งให้ตรงกับเบอร์ของตน
ในห้องนั้นเวลาประมาณ 8.30 น. ผู้สมัคร สว.กลุ่มสตรีจากทั่วประเทศ นั่งประจำที่อยู่เกินครึ่งหนึ่งแล้ว หลายคนยังคงเดินไปแนะนำตัวกับผู้สมัครอื่น เราทำตามบ้าง...เข้าไปทักทายกับผู้สมัคร 3-4 คนที่เคยแอดไลน์คุยกัน แนะนำตัวให้เห็นหน้าตาตัวเป็นๆ...พอกลับมานั่งประจำที่ เลยชวนคนที่นั่งติดกันคุยฆ่าเวลา
คุณสุภาพสตรีในชุดผ้าไทยพื้นเมืองจากแดนอีสานเล่าว่า เป็นคนสุรินทร์ ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ในอำเภอมา 22 ปี เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว โดยเป็นคณะกรรมการสตรีอำเภอ เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์สภากาชาดสุรินทร์ เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับบทบาทสตรีเป็นประจำ ที่มาลงสมัคร สว.เพราะพัฒนาชุมชนชวนมา
“อืม...นักพัฒนาชุมชนยุคนี้ต้องรับงานส่งเสริมประชาธิปไตย ชวนคนลงสมัคร สว.ด้วยนะ ข้าราชการมหาดไทยทำได้ทุกอย่างจริงๆ เราแอบคิดอยู่ในใจ”
09.43 น. เริ่มการลงคะแนน กระบวนการนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ละคนมีสิทธิเลือกได้ 10 เบอร์ นำแบบข้อมูลแนะนำตัวผู้สมัคร หรือที่เรียกว่า “สว.3” เข้าไปในคูหาได้ เพื่อป้องกันการกาบัตรผิดพลาด
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายหน่อยก็เหมือนเป็นการสอบแบบเปิดดูหนังสือได้
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSwDIxFygcY9stQpKT8gJXpBXm5Fq.jpg)
เวลาผ่านไปจนกระทั่งผู้สมัคร สว.หมายเลข 154 ซึ่งเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มสตรีหย่อนบัตรลงหีบ คนในห้องหลายคนปรบมือให้อย่างดีใจ เพราะนั่งรอกันจนเมื่อยเต็มที
ช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งกว่านั้นกำลังจะเริ่มขึ้น นั่นคือ “การนับคะแนน” ...มีการปรับสถานที่เล็กน้อย โดยนำกระดานที่ติดรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดมาตั้งเรียงกันเป็นแถวเพื่อขีดนับคะแนน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำหน้าที่ตรวจดูบัตรดี-บัตรเสียในเบื้องต้น ก่อนส่งให้ ผอ.กกต.ประจำหน่วยเป็นผู้ขานคะแนน
“ส่วนอีกคนถือบัตรจ่อไปยังกล้องวิดีโอ เพื่อให้ภาพบัตรขึ้นแสดงหน้าจอโทรทัศน์ภายในหน่วย ผู้สมัครจะได้มองเห็นผลการนับคะแนนทุกใบอย่างชัดเจน เราทราบภายหลังว่าผู้สังเกตการณ์และสื่อมวลชน ที่เฝ้ารออยู่ด้านนอก ได้เห็นแต่เพียงภาพที่ตัดสลับไปมาของหลายหน่วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นภาพการนับของหน่วยไหน”
เวลาสำคัญของการนับคะแนนกำลังจะเริ่มขึ้น กระดาษพร้อม ปากกาพร้อม ตาดู หูฟัง ต้องตื่นตัวตลอดเวลา การจดคะแนนของเราจะจดลำดับเลขบัตรไว้ด้านซ้าย แล้วต่อด้วยเบอร์ผู้สมัครที่ได้รับเลือกในบัตรแต่ละใบทั้ง 10 เบอร์ ตามการขานเลขที่เจ้าหน้าที่ กกต.ประกาศ
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSwDIxFygcY9stQepv4UYACGoyuzo.jpg)
ที่เลือกจดแบบนี้เพราะเชื่อว่าจะทำให้เห็นรูปแบบการลงคะแนนบางอย่างได้ดีกว่าการขีดคะแนนบนกระดานตามแบบการนับคะแนนเลือกตั้งทั่วไป แม้ตอนนั้นจะไม่ได้คาดคิดว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไร หรือจะเอาไปทำอะไรได้...ปกติเราเป็นคนที่ไม่บ้าหวย ไม่เคยซื้อหวยออนไลน์ บนดิน ใต้ดินอะไรทั้งสิ้น
ครั้งนี้จึงเป็นการจดตัวเลขเรียงเต็มหน้ากระดาษ 3 หน้าติดกันครั้งแรกในชีวิต ใครที่มาเห็นทีหลังถึงกับออกปากว่า “โพยลงคะแนน” เหรอพี่
บัตรสี่ห้าใบแรกยังไม่มีอะไรผิดปกติ ต่อมาบัตรลำดับที่ 6, 12, 15 เลขที่ถูกขานขึ้นมา 6 อันดับแรกเรียงเหมือนกันคือ “140, 85, 24, 17,148, 21, 121, 144, 31, 6” พอมาถึงบัตรลำดับที่ 28 และ 29 ซ้ำเหมือนโขกออกมาจากบล็อกเดียวกันอีก ผู้สมัครหลายรายร้องถามว่าเจ้าหน้าที่หยิบบัตรใบเดิมออกมาอ่านหรือเปล่า
“ไม่ใช่ครับ บัตรคนละใบ บัตรมาอย่างนี้ก็อ่านตามบัตร” เจ้าหน้าที่ กกต.ตอบ แล้วก็เดินหน้านับคะแนนต่อไป ในขณะที่ผู้สมัครเริ่มรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์ชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว มีการล็อกโหวตแน่นอน แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้ จำต้องปล่อยให้การนับคะแนนดำเนินต่อไปจนจบ
เรียงลำดับผู้ได้คะแนนสูงสุด 40 อันดับแรกของการเลือกกันเองผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดคือเบอร์ 6, 21 และ 140 ได้ไปคนละ 32 คะแนน รองลงมาคือเบอร์ 24 และ 85 ได้ไปคนละ 30 คะแนน เบอร์ 17 และ 148 ได้ไปคนละ 29 คะแนน...เมื่อผลการนับคะแนนเป็นที่ยุติ ผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 40 อันดับแรกไปสู่การเลือกรอบไขว้
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSwDIxFygcY9stQh3CTTHuwJ44bpi.jpg)
“เรากลายเป็นผู้สมัคร สว.ตกรอบ ได้ออกมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ แต่ยังมีความรู้สึกคันในหัวใจ จนกระทั่ง กกต.ประกาศผลเลือก สว.ในเช้าวันถัดมา เอาโพยหวยล็อกออกมาเทียบดูจึงเห็นว่า 6 เบอร์แรกที่ผ่านมาด้วยคะแนนสูงสุดในรอบเลือกกันเองช่วงเช้านั้น ได้เป็น สว.กันทุกคน”
ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ทั้งๆที่การแบ่งสายเลือกรอบไขว้ในตอนบ่าย ผู้สมัครไม่มีโอกาสแนะนำตัวกับคนต่างกลุ่ม มีเพียงเวลา 1 ชั่วโมงที่จะต้องศึกษาประวัติของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน 160 คน วิญญูชนที่ไหนจะ “สแกนกรรม” กันได้เร็วขนาดนั้น ว่าใครเป็นผู้สมัครที่เหมาะสม
ต้องบอกว่า “งานดี” เกินต้านจริงๆเพราะทั้ง 6 เบอร์นั้นแพ็กกันมาแน่นตั้งแต่ในกลุ่มเลือกกันเอง แล้วพอมาถึงรอบเลือกไขว้ก็ยังสามัคคีลอยลำกันเข้าสภาได้ขาดลอย ทั้งๆที่มากันจากคนละจังหวัดคนละภูมิภาค
กระบวนการคัดเลือก สว.แบบใหม่แบบสับ (สน) แบบกล่องสุ่ม เมื่อผลปรากฏออกมา ทำให้เห็นแล้วว่ามันหลีกหนีไม่พ้นข้อสงสัยที่ว่าพวก “บ้านใหญ่” จะฮั้วคะแนน “ล็อกโหวต” คนของตัวเข้ามา? และมีการวางแผนส่งคนลงสมัครเพื่อบล็อกคะแนนแบบจับมือใครดมไม่ได้ มาตั้งแต่ต้นทางในระดับอำเภอ
และ...ทำในหลายจังหวัดกระจายกันไป
น่าสนใจว่ารูปแบบการลงคะแนนแบบที่เห็นใน “กลุ่มสตรี” เกิดกับในทุกกลุ่มอาชีพ คือมีโพยให้เลือกแคนดิเดตประมาณ 5-6 ราย ส่วนที่เหลือเป็นโหวตเตอร์ แต่คนคิดแผนอาจจะนึกไม่ถึงว่าในที่สุดแล้วเมื่อเข้ามาสู่รอบไขว้ โหวตเตอร์ที่โปรไฟล์ไม่เด่นก็มีสิทธิได้เข้าวินกับเขาเหมือนกัน
เราจึงได้เห็น “ว่าที่ สว.” ที่เขียนแนะนำตัวบรรทัดเดียว ไม่รู้ว่ามีความรู้ความสามารถหรือความตั้งใจจะเข้าไปทำอะไร
อยากถามย้อนกลับไปยังคนที่คิดค้นระบบเลือกแบบนี้ว่า “คุณยังสบายดีอยู่หรือ” กับสิ่งที่ได้ก่อกรรมไว้กับประเทศไทย คุณตั้งใจจะให้ “สภาสูง” ไม่ถูกครอบงำจากพรรคการเมือง นักการเมือง แต่ถึงวันนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า...คนมีความรู้ความสามารถถูกเขี่ยทิ้งไปตามรายทางนับไม่ถ้วน
“น่าอนาถใจ...ไทยแลนด์”.