“แสวง” อ้อมแอ้มแจงสิทธิการสมัครกับเอกสารรับสมัครเป็นเท็จคนละส่วนกัน ยกคำสั่งศาลฎีกาชี้เป็นสิทธิผู้สมัคร สว.กลุ่มอาชีพ กกต.ต้องตรวจสอบกว่า 4 หมื่นคน ถ้าแจ้งข้อความเท็จผิดมาตรา 74 หรือรับจ้างลงสมัคร ถึงเอกสารถูกต้องเป็นความผิดอีกกระทง โฆษก กมธ.องค์กรอิสระเผย กกต.รับปากตรวจสอบข้อสงสัยเลือก สว.ไม่สุจริตเที่ยงธรรม แฉพิรุธฮั้วชัดเจนอยากเป็น สว.แต่ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองมากมาย จวก กกต.ด้อยประสิทธิภาพจ่อรีบรับรองไปก่อน “สมชาย” ซัดต้นไม้พิษก่อเกิดสภาฮั้วเละเทะ ปล่อยกระบวนการผิดตั้งแต่ต้นต้องถือเป็นโมฆะ “วรชัย” ฉะจัดตั้งเป็นระบบเดินเกมส่งคนคุมองค์กรอิสระ นายกฯออนทัวร์อุบลฯ-ศรีสะเกษ การันตีอีสานตอนล่างน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง รับปากดันราคาหอมแดงเป็น กก.ละ 20 บาท ย้ำทุกที่เงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตได้แน่สิ้นปี

การเลือก สว.ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ รุมตำหนิคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมแก้ปัญหาการทุจริตในการเลือก สว.ตามกลุ่มสาขาอาชีพ โดยเฉพาะการฮั้วลงคะแนน และการรับจ้างมาลงสมัครโดยการครอบงำของพรรคการเมือง

แสวง บุญมี
แสวง บุญมี

...

“แสวง” ยกคำสั่งศาลสมัคร สว.กลุ่มอาชีพ

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกสมัครเป็นเท็จ รับจ้างสมัคร คดีที่น่าสนใจในการเลือกลงกลุ่ม ตอนหนึ่งว่า ศาลฎีกาได้มีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ลต สว 185/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 169/2567 ว่า การที่ผู้คัดค้าน (ผอ.เลือตั้งระดับอำเภอ) รับสมัครผู้ซึ่งประกอบอาชีพทำนาเกลือ เป็นไปตามที่ผู้สมัครดังกล่าวประสงค์เข้ารับเลือกในกลุ่มที่ 5 ซึ่งผู้คัดค้านได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครแยกเป็นรายกลุ่มตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 อันเป็นการดำเนินการตามความประสงค์ของผู้สมัคร ซึ่งเป็นการปฏิบัติอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง (ผู้สมัครที่ไปร้องที่ศาลฎีกา) จะยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

แจ้งข้อมูลเท็จ-รับจ้างลงมีความผิด

นายแสวงระบุอีกว่า เมื่อพิจารณาแล้วพอจะคะเนได้ว่าสิทธิการรับสมัครเป็นคนละส่วนกับเอกสารการรับสมัครเป็นเท็จ หรือเอกสารการประกอบการสมัคร (ส.ว.3) เป็นเท็จ เช่น ในใบ ส.ว. 3 บอกว่าทำนาเกลือ แต่ในความเป็นจริงเมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ทำนาเกลือแต่อย่างใด ลักษณะนี้จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เป็นต้น กรณีเอกสารรับสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กกต.ต้องตรวจสอบผู้สมัครทุกรายทั้ง 4 หมื่นกว่าคน ถ้าพบว่ามาสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 74 รู้ว่าตนไม่มีสิทธิแต่มาสมัครรับเลือกตั้ง อนึ่ง กรณีการรับจ้างสมัคร แม้เอกสารการรับสมัครถูกต้องสมบูรณ์ แต่ถ้ารับจ้างมาสมัครเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากด้วย

สว.เผย กกต.รับปากตรวจข้อสงสัย

นายกษิดิศ อาชวคุณ สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายกล้านรงค์ จันทิก ประธาน กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบการเลือก สว. เพราะมีเหตุอันควรสงสัยกระบวนการเลือกไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมว่า การยื่นเรื่องดังกล่าวเป็นมติของ กมธ.อยากให้ กกต.ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้ที่มีข้อพิรุธ ข้อน่าสงสัยชัดเจนมากมาย ทั้งปัญหาคุณสมบัติผู้สมัคร การฮั้วลงคะแนน หรือการที่ผู้สมัครไม่ลงคะแนนให้ตัวเองได้ 0 คะแนนจำนวนมาก อยากเป็น สว.แต่ไม่ลงคะแนนเลือกตัวเอง หลังจากยื่นหนังสือไป ทางรองเลขาธิการกกต.ติดต่อมายังตน บอกพร้อมจะตรวจสอบข้อสงสัยตามที่ กมธ.ร้องเรียนไป

ซัด กกต.ด้อยประสิทธิภาพจ่อรีบรับรอง

นายกษิดิศกล่าวว่า ที่ผ่านมาก่อนการรับสมัคร สว. กมธ.ลงพื้นที่หลายแห่ง พบข้อน่าสงสัยการเตรียมการที่ส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสหลายอย่างตามที่สื่อนำเสนอไป จึงทำหนังสือแจ้งเตือนให้ กกต.ทราบก่อนจะมีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกสว. แต่ กกต.ไม่ทำอะไร กระทั่งการเลือก สว.เสร็จ พบว่ามีการใช้วิธีการที่น่าสงสัยตามที่ กมธ.เตือนไปแล้วจริงๆ สิ่งที่เตือนไปเพราะไม่อยากให้พรรคการเมืองมาครอบงำ สว. โดยกระบวนการไม่ถูกต้อง แต่ถ้าจะให้ กมธ.ตรวจสอบทำอะไรมากกว่านี้จะถูกครหาว่าอยากอยู่ยาว ทั้งที่พวกตนเก็บของกันหมดแล้ว ไม่อยากให้ กกต.ยึดกรอบเวลามาเป็นเงื่อนไขในการประกาศรับรองการเลือก สว.ให้ทันวันที่ 3 ก.ค. เพราะการเลือก สว.มีหลักฐานชัดเจนมีการกระทำผิดตั้งแต่ต้นทางในระดับอำเภอ จังหวัด มีผู้สมัครมาร้องเรียนมากมาย กมธ.ได้รับข้อมูลร้องเรียนมามาก แต่ กกต.ไม่ตรวจสอบ ยิ่ง กกต.รีบประกาศรับรองจะยิ่งเสียหายเพิ่มมากขึ้น หลายกรณีมีพยานหลักฐานชัดเจนเอาผิดได้ ควรรีบเอาผิด ไม่ใช่รีบประกาศให้ทันตามกรอบเวลา ไม่ควรทำงานด้อยประสิทธิภาพแล้วเกิดปัญหา

ตัวตึงอัดละเลยไม่ปราบกาฮั้ว

วันเดียวกันนายสมชาย แสวงการ สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาฮั้วเละเทะวันนี้คือการไม่ทำหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ 1.ไม่ตรวจสอบประสบการณ์ 10 ปีของกลุ่มอาชีพอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับอำเภอเพราะกฎหมาย ระเบียบเปิดช่องให้ชาวบ้านรับรองกันเอง จึงมีการรับรองประสบการณ์ 10 ปีเท็จให้คนรับจ้างสมัคร สว.เพื่อโหวตฮั้วได้ ไม่มีการตรวจจับ เอาผิดผู้รับรองเท็จที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัคร สว.มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี 2.ไม่ตรวจคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร สว.อย่างจริงจังตั้งแต่วันสมัคร ไม่ใช่ไปรอสอยทีหลัง เพราะหากขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม อาทิ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการกองทุนหมู่บ้าน อสม. อาสาสมัครป้องกันตนเอง ผู้พิพากษาสมทบ ฯลฯ หรือเป็นเจ้าของหุ้นส่วนสื่อมวลชน ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อโซเชียลใดๆ ย่อมมีลักษณะต้องห้ามสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้เช่นกัน

ซัดผิดตั้งแต่ต้นเป็นโมฆะทั้งหมด

นายสมชายระบุว่า เมื่อกระบวนการเริ่มต้นรับสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่สุจริต เที่ยงธรรมตั้งแต่วันรับสมัคร ปล่อยให้ผู้สมัครที่ไม่มีสิทธิไปเลือกในระดับอำเภอ แม้ตกรอบหรือผ่านได้รับเลือกไปในระดับจังหวัด เข้าสู่รอบระดับประเทศได้ จะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา 200 คน หรือตัวสำรอง 100 คน หรือสอบไม่ผ่าน ต้องถือเป็นโมฆะแล้วทั้งสิ้น ต้นไม้พิษย่อมออกลูกเป็นพิษ

รอดู กกต.กำราบทุจริตเลือก สว.

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า พื้นฐานคุณสมบัติที่สำคัญของสมาชิกวุฒิสภาคือ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต หมายถึงต้องแยกแยะถูกผิดได้ อะไรสุจริตหรือทุจริต อะไรผิดหรือถูกกฎหมาย ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ให้ปวงชนคนทั้งประเทศได้เห็นเป็นประจักษ์ เพราะต้องเข้าทำหน้าที่ในวุฒิสภา เพื่อส่งเสริมคนดีและสกัดคนไม่ดีที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตไม่ให้มาใช้อำนาจอธิปไตยของคนไทยทุกคนได้ หาก กกต.และศาลที่มีอำนาจจะสามารถทำหน้าที่แยกแยะเอาผิดคนไม่ซื่อสัตย์สุจริตทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาได้จะเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง รอผลงาน กกต.และศาลเพื่อประเทศไทยจะได้มี สว.ที่สุจริตเป็นที่ประจักษ์

วรชัย เหมะ
วรชัย เหมะ

“วรชัย” ปูดจัดตั้ง สว.เป็นระบบ

นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ ถึงการเลือกตั้ง สว.ที่วุ่นวาย จนมีการร้องคณะกรรมการการเลือกตั้งกว่า 614 เรื่อง ว่าเรื่องนี้เป็นผลพวงของการยึดอำนาจ ผลพวงจากรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น สส.หรือ สว. ไม่ได้เกิดจากอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง สว.รอบนี้ เห็นชัดเลยว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนไปเป็นสภาสูง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ส่อแววเห็นชัดหลายเหตุการณ์ว่าเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การรับสมัครเลือกตั้งกลุ่มอาชีพที่ไม่ตรงปก ในระดับอำเภอ จนถึงระดับจังหวัดและประเทศ มีผู้ระดมผู้สมัครเข้ามา โดยการออกค่าสมัครให้ ออกค่ารถค่าเดินทางให้ ในระดับอำเภอ ได้คนละหมื่น ระดับจังหวัดคนละสองหมื่น เมื่อมาถึงระดับประเทศคนละสองแสน ทำให้ถูกมองได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังในการจัดคนเข้ามาสมัครเป็น สว.

แผนปั้นคนลงคุมองค์กรอิสระ

“ที่ชัดเจนที่สุดคือผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1-5 จะมีคะแนนไล่เลี่ยกัน พอไปถึงคนลำดับที่ 6-7 คะแนน จะถูกทิ้งห่างอย่างมีนัย ได้ยินมาว่ามีการจัดตั้งแบบเป็นระบบ มีการนั่งวางแผนร่วมกันว่าจะให้คนที่เข้ามาเป็นโหวตเตอร์ลงคะแนนให้ใครเพื่อให้ได้เป็น สว.ตามที่วางไว้ ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการเข้ามาคุมสภาสูง เพิ่มอำนาจต่อรองทางการเมือง และที่สำคัญจะได้คัดเลือกผู้เข้าไปนั่งในองค์กรอิสระตามที่ตัวเองต้องการได้ นี่คือผลผลิตจากรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การที่ผลออกมาแบบนี้เรามองได้ว่าต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญให้อำนาจมาจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนในอดีต” นายวรชัยกล่าว

นายกฯตรวจแยกต่างระดับคำน้ำแซบ

สำหรับภารกิจการลงพื้นที่ตรวจราชการภาคอีสาน เป็นวันที่สองของนายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี หลังพักค้างคืนที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 09.40 น.ที่ จ.อุบลราชธานี นายกฯใช้รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ดทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่จุดแรกบริเวณสี่แยกคํานํ้าแซบ อ.วารินชําราบ เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างแยกต่างระดับ จุดตัดทางหลวงที่ 231 และทางหลวงหมายเลข 226 งบประมาณ 1,050 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2570 เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคมร่วมคณะ ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก เช่น นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี เช่นเดียวกับ สส.พรรคภูมิใจไทย ที่ติดตามมาร่วมคณะด้วย เช่น นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.ศรีสะเกษ นอกจากนี้ยังมีนายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาร่วมต้อนรับเช่นกัน

เจอชาวบ้านทวงปุ๋ยคนละครึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกฯเดินทางมาถึงบริเวณงาน เกิดเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อย เนื่องจากมีงูขนาดเล็กเลื้อยเข้ามายังตรงเต็นท์ที่ประชาชนมารอต้อนรับนายกฯ ทำให้ประชาชนแตกตื่น ก่อนที่พิธีกรในงานพูดว่า “งูมาหา ถือเป็นเรื่องที่ดี ช้างเหยียบนางพญาเหยียบเมือง แม้แต่งูยังอยากมาเจอท่านนายกฯ” จากนั้นได้มีชาวบ้านมาจับงูดังกล่าวไปปล่อย เมื่อนายกฯมาถึงได้พบปะทักทายกับประชาชนที่มาต้อนรับและมอบผ้าขาวม้า รวมถึงถ่ายรูปร่วมกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ขณะที่บางคนได้ทวงถามถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง นายกฯถึงกับยิ้มแต่ไม่ได้ตอบ จากนั้นนายกฯฟังบรรยายสรุปถึงการดำเนินโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินโครงการก่อสร้างแยกต่างระดับคำน้ำแซบเป็นโครงการที่ดี ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางลดความหนาแน่นบนท้องถนน โดยขอให้พิจารณาการใช้งบประมาณในการออกแบบและก่อสร้างให้มีความเหมาะสม

“ธรรมนัส” ยันเอาอยู่น้ำอุบลฯไม่จมน้ำ

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยัง ศาลาประชาคมบ้านผึ้งออก ต.โนนผึ้ง อ.วารินชําราบ เพื่อติดตามสถานการณ์ สั่งการเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย และพบปะประชาชน จุดนี้มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมลงพื้นที่ นายกฯได้ทักทายประชาชนและซื้อลอตเตอรี่ที่แม่ค้านำมาขาย ตั้งใจจะซื้อหมายเลข 27 ตรงกับเลขทะเบียนรถ แต่ไม่มี จึงให้คณะทำงานเป็นคนจัดการเลือกหมายเลขอะไรก็ได้เพราะไว้ใจ จากนั้นรับฟังปัญหาการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อขุดลอกลำห้วยจัดทำเป็นแก้มลิง ฝ่ายกักเก็บน้ำ พร้อมระบบกระจายน้ำ เสนอโครงการเพิ่มเติม 16 แห่ง งบประมาณ 410 ล้านบาท นายกฯได้สอบถามปริมาณและสถานการณ์น้ำในปีนี้ของอุบลราชธานีจะเยอะกว่าปีที่แล้วหรือไม่ เมื่อปีที่แล้วน้ำไม่ท่วม ปีนี้น้ำต้องไม่ท่วม ร.อ.ธรรมนัสยืนยันว่า “ปีนี้เอาอยู่” ต่อมานายกฯมอบพันธุ์ปลา 120,000 ตัว ให้ประชาชน และมอบพันธุ์โคกระบือเพื่อการเกษตร ตามพระราชดำริ 60 ตัว มูลค่า 1,680,000 บาท พร้อมลงมือให้อาหารวัวด้วย

การันตีอีสานล่างน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง

จากนั้นนายกฯกล่าวกับประชาชนพร้อมแนะนำรัฐมนตรีที่ร่วมลงพื้นที่ว่า ที่กล่าวรายชื่อทุกคนมายาว มีหลายท่านมากพี่น้องคงรู้ว่ารัฐบาลนี้เป็นปึกแผ่น มีรัฐมนตรี รองนายกฯจากทุกพรรค ขาดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคเดียว ช่วงเช้าได้ไปดูการก่อสร้างถนนเพื่อลดอุบัติเหตุ วันที่ 28 มิ.ย.ได้ดูเรื่องวัฒนธรรมการท่องเที่ยวการหล่อเทียนแห่เทียน พรรษาหากเป็นไปได้จะกลับมาอีกในวันที่ 20-21 ก.ค.เข้าใจว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มากมีคนมาเป็นแสนคนและมีชาวต่างชาติ ปัญหาใหญ่ของ จ.อุบลราชธานี นอกเหนือจากปัญหาเรื่องยาเสพติดแล้วรัฐบาลได้มีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังโดยวันที่ 28 มิ.ย. ได้เดินทางไป จ.ร้อยเอ็ดและจะทำให้เป็นจังหวัดสีขาวให้ได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย.และเราจะมาเอานโยบายและหลักการทำงานมาทำให้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดสีขาวในโอกาสต่อไป อีกเรื่องที่สำคัญได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสและนายอนุทิน เกี่ยวกับน้ำท่วมที่ท่วมแล้วท่วมอีก วันนี้เรามีนโยบายระยะสั้นกลางยาวครบวงจร ทำให้จังหวัดอุบลราชธานีและอีสานตอนล่างจะไม่ท่วมไม่แล้งตลอดไป เป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนของภาครัฐบาลที่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง

เยี่ยมศรีสะเกษถิ่นทุเรียนภูเขาไฟ

ต่อมาเวลา 11.50 น. นายกฯพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จุดแรกไปยังที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ เพื่อรับฟังปัญหาของครอบครัวผู้ติดยาเสพติด และเป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ มี นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ เขต 4 พรรค พท.และประชาชนร่วมต้อนรับ พร้อมรับเรื่องร้องเรียนปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาน้ำ ราคาทุเรียนภูเขาไฟ ปัญหาที่ดินทำกิน จากนั้นนายกฯรับฟังรายงานปัญหายาเสพติด พร้อมกล่าวมอบนโยบายว่า จากการรับฟังตัวเลขยาเสพติดรู้สึกเป็นห่วง เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันจนสามารถทำให้ผู้ที่เคยเสพและไม่กลับไปอีก 92% ถือเป็นตัวเลขที่ดี แต่อยากให้เป็น 100% เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ตนเดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด อยากให้เป็นจังหวัดสีขาวทั้งหมด หาก จ.ร้อยเอ็ดสำเร็จก็จะเอาโมเดลนี้มาทำทุกพื้นที่

ห่วงคนติดยายังมีอีกเยอะเร่งแก้ไข

นายกฯกล่าวว่า ส่วนเรื่องการเกษตร เรื่องน้ำ การท่องเที่ยว จ.ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่ใหญ่ มีศักยภาพสูง แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่ดีเลย ถ้ายังมีพี่น้องติดยาอยู่เยอะ ถือเป็นปัญหาระดับชาติ ตอนนี้ได้ยกระดับเรื่องนี้ขึ้นมาแก้ไขกันตรงไปตรงมาและถูกต้องที่สุด และการแก้ไขด้านคมนาคม ด้านการเกษตรทั้งหลาย ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่มาก่อนต้องแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องขอบคุณ นพ.ภูมินทร์ที่ช่วยดูแลลงพื้นที่อย่างหนักประสานงานทุกฝ่ายเพื่อนำความทุกข์ร้อนของประชาชนมาแก้ไขกัน

ย้ำเงินดิจิทัลได้ไตรมาส 4 สิ้นปี

จากนั้น นายกฯได้เดินเยี่ยมชมบูธต่างๆ รวมถึงบูธทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ โดยประชาชนได้มอบทุเรียนและกล้วยหอมให้ พร้อมบอกว่าให้กล้วยจะได้ทำอะไรกล้วยๆ และยังได้ชิมทุเรียนภูเขาไฟ ก่อนเดินทักทายประชาชนที่ถือป้ายข้อความต้อนรับ อาทิ ขอบคุณนายกฯและรัฐบาลที่ทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น เป็นกำลังใจให้ท่านนายกเศรษฐาสู้ๆ หมู่เฮาฮักนายกฯเศรษฐา ฮักพรรคเพื่อไทย และเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะได้กี่โมง พร้อมได้ถามนายกฯ ขณะที่นายกฯยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไตรมาส 4 สิ้นปี”

กราบสรีรสังขารหลวงปู่สรวง

เมื่อเวลา 14.00 น. นายกฯเดินทางต่อมายังวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ มีนายอมรเทพ สมหมาย สส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรค พท. และ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีต สส.สุรินทร์ เขต 6 พรรค พท. ต้อนรับ นายกฯนมัสการพระครูโกศลสิขกิจ เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และเดินขึ้นไปยังมณฑปหลวงปู่สรวง กราบสักการะสรีรสังขารหลวงปู่สรวง พร้อมถวายขันธ์ 5/ขันธ์ 8 จากนั้นเจ้าอาวาส ให้พรให้นายกฯประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน คิดปรารถนาสิ่งใด จงเป็นผลสำเร็จ โรคภัยไข้เจ็บไม่เบียดเบียน อายุมั่นขวัญยืนตลอดกาล พร้อมมอบหลวงปู่สรวงองค์จำลองและเหรียญหลวงปู่สรวงให้เพื่อเป็นสิริมงคล

จากนั้นนายกฯร่วมพิธีเทวตาพลี เขียนชื่อลงบนตัวว่าวแล้วชักว่าวขึ้นเสาถวายสักการะแด่หลวงปู่สรวง เสร็จแล้วลั่นฆ้องชัย ทักทายพูดคุยกับเยาวชนทีมฟุตบอลวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา (LPS ACADEMY FOOTBALL CLUB) พร้อมได้เซ็นชื่อลงบนเสื้อฟุตบอลเลข 59 ให้เป็นที่ระลึก แล้วนั่งรถกอล์ฟไปปลูกต้นลำดวน ต้นไม้ประจำ จ.ศรีสะเกษในโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับนักเรียนจากวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา ก่อนกลับยังได้ร่วมเซลฟี่กับเด็กนักเรียนอย่างเป็นกันเอง

เจ้าอาวาสสวดมนต์ให้พร

จากนั้นเวลา 16.00 น.นายกฯและคณะ มาที่วัดสระบานสนวน ต.สำโรงตาเจ็น อ.ขุขันธ์ รับฟังปัญหาและพบปะประชาชน ตรงเข้ากราบนมัสการพระมหามังกร กนฺตปุญฺโญ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอขุขันธ์ เจ้าอาวาสวัดโคกโพน ถวายเครื่องไทยธรรม โดยพระมหามังกร กนฺตปุญฺโญ มอบพระพุทธรูปพระพุทธเมตตา หน้าตัก 9 นิ้ว และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้นายกฯและคณะ ก่อนสวดเจริญชัยมงคลคาถา (บทชยันโต) ให้ศีลให้พรนายกฯว่า ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตร ขอเดชะบุญจากองค์นาคีนาคา ปกปักรักษานายกฯพร้อมคณะมีความสุขความเจริญและความรุ่งเรืองทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติของเรา ให้อยู่ดีมีสุข มีความเจริญมากๆยิ่งขึ้นไป ต่อมานายกฯเดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยนั่งคุกเข่าลงให้หญิงชราวัย 78 ปี นำผ้าขาวม้ามาคล้องให้

ลั่นจะปั้นศรีสะเกษเป็นเมืองสีขาว

ต่อมานายกฯขึ้นเวทีที่ลานพญานาคกล่าวกับชาวศรีสะเกษว่า มา จ.ศรีสะเกษหลายครั้งแล้ว พยายามจะมาแก้ไขปัญหา สส.ที่ยืนอยู่บนเวทีนี้ทุกคนเวลาไปที่สภาฯหรือทำเนียบฯ นำปัญหาของประชาชนมาบอกกล่าวให้รัฐบาลรับทราบ เราพยายามให้ความสำคัญทุกเรื่อง ยาเสพติดจะนำมาตรการต่างๆของ จ.ร้อยเอ็ดมาใส่ที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้เป็นจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด เราต่อสู้กันมานานเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตเงิน 1 หมื่นบาท พี่น้องได้แน่นอนปลายปีนี้ ทำให้ประชาชนพากันปรบมือส่งเสียงดีใจ ก่อนนายกฯจะกล่าวต่อว่า มาที่นี่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นที่สุดที่หนึ่งเลยตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา อิ่มใจและภูมิใจที่พี่น้องต้อนรับเต็มที่ มี สส.ที่หมั่นเอาใจใส่ดูแลประชาชนทุกคน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องทุกคนดีขึ้น

ยาหอมดันหอมแดงขยับขึ้น กก.ละ 20

กระทั่งเวลา 16.55 น.นายเศรษฐา มาที่โครงการชลประทานศรีสะเกษ ต.เมืองใต้ อ.เมืองศรีสะเกษ หารือการบริหารจัดการน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง มีผู้ปลูกหอมแดง นำหอมแดงและกระเทียมมามอบให้นายกฯ ขณะที่นายกฯกล่าวว่า ก่อนมาเป็นรัฐบาลหอมแดงกิโลกรัมละ 5 บาท/กก. พอเป็นรัฐบาลเริ่มขยับเป็น 10 บาท/กก และ 15 บาท/กก. แต่จะทำให้ได้ 20 บาท/กก. แล้วพูดคุยกับผู้ปลูกพริกชี้ฟ้าแดง สั่งหน่วยงานเร่งปรับไปอยู่ที่ 35 บาท/กก.ภายในเดือน ต.ค.และรับฟังการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบโดยผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำชี ช่วงที่เราบริหารจัดการมาปีหนึ่งต้องยอมรับว่าดีขึ้นเยอะ แต่ไม่ลดความพยายาม ข้าวปีที่ผ่านมาราคาดีมาก

โชว์ฝีเท้าซัดลูกโทษ 3 ประตู

จากนั้นนายกฯเดินทางมายังสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษยูไนเต็ดเอฟซี พร้อมลงไปในสนามทักทายนักฟุตบอลทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่รวมทั้งได้โชว์การยิงลูกโทษเข้าประตูถึง 3 ลูก ก่อนถ่ายรูปร่วมกับนักฟุตบอลเป็นที่ระลึก และร่วมทานอาหารเย็นที่ห้องรับรองสโมสรดังกล่าวกับรัฐมนตรีและ สส.ในพื้นที่และพักค้างคืน

นำ ครม.ใส่เสื้อไหมมัดหมี่หางกระรอก

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯพร้อมนำทีม ครม.สวมใส่ผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทองร่วมประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 หรือ ครม.สัญจร ที่ จ.นครราชสีมาในวันที่ 1-2 ก.ค. นครราชสีมามีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมให้ใช้ผ้าลายเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนค้นหาภูมิปัญญาผ้าทอพื้นถิ่นของจังหวัด ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ จนมีมติให้ “ผ้าหางกระรอก” เป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำ จ.นครราชสีมา โดยผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทอง ทอโดย อ.ปักธงชัย สำหรับให้ ครม.สวมใส่ ส่วนผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกสีชมพูกะปิ ทอโดยกลุ่มทอผ้าไหมบ้านแฝกโนนสาราญ อ.สีดา เย็นวันที่ 1 ก.ค.ช่วงงานเลี้ยงรับรอง นายกฯและ ครม.จะร่วมสวมใส่เสื้อแขนสั้นลำลองลายโคราชโมโนแกรม (KORAT Monogram) 1 ในซอฟต์พาวเวอร์ของจังหวัด ลวดลายโคราชโมโนแกรมสื่อถึง จ.นครราชสีมาด้วย

“อุ๊งอิ๊งค์” ร่วมไทยแลนด์ไพรด์บางกะปิ

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานไทยแลนด์ไพรด์ แอท บางกะปิ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมงานและร่วมปล่อยขบวนพาเหรด โดยงานในวันนี้เป็นหนึ่งใน กิจกรรมเฉลิมฉลองเดือนไพรด์ และยังเป็นการเฉลิมฉลอง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีขบวนพาเหรดเข้าร่วมทั้งสิ้น 7 ขบวน เคลื่อนขบวนจากสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์หรือนิด้า ไปสิ้นสุดที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์บางกะปิ ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนด้วย

โอ่ข้อต่อสู้คดียุบพรรคคืบหน้า

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึง การแถลงความคืบหน้าการต่อสู้คดียุบพรรค ก.ก.ในวันที่ 30 มิ.ย.ว่า รายละเอียดขอแถลงข่าวครั้งเดียว แต่มีความคืบหน้า หลังจากที่ได้แถลงเปิดข้อต่อสู้เมื่อครั้งก่อน เมื่อมีความคืบหน้าพรรค ก.ก.ต้องการจะชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ การแถลงข่าวไม่ได้เป็นการชี้นำหรือกดดันศาล แต่เมื่อมีความคืบหน้าพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชน มีหน้าที่ในการชี้แจงให้ทราบว่ากระบวนการนั้นดำเนินไปถึงไหนแล้ว ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่