ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ การเมืองไทยปรับดุลใหม่หลังผลการเลือกตั้ง 200 สว. ออกมาเป็นที่เรียบร้อย กกต.จะประกาศผลอย่างเป็นทางการ 3 ก.ค.67 แต่วันนี้รู้ชัดเจนแล้วว่าใครเป็นใครกันบ้างที่ฝ่าความวุ่นวายสับสนจากการเลือกตั้ง ด้วยนวัตกรรมใหม่อันเป็นผลผลิตจาก คสช.

คือการเลือกกันเองของ 20 กลุ่มอาชีพโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนหรือการแต่งตั้งจากคณะทหาร

เหมือน 250 สว.ที่ คสช.แต่งตั้งทำหน้าที่มา 5 ปีจนหมดวาระไปแล้ว

200 สว.ใหม่สดๆร้อนๆชุดนี้จะเข้ามาทำหน้าที่แทนชุดเก่า มีอำนาจหน้าที่ไม่ต่างกัน ยกเว้นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ถูกตัดทิ้งไป

คงทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่งตั้ง องค์กรอิสระทุกองค์กรที่กฎหมายกำหนด แล้วยังมีหน้าที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง

คือ 67 เสียงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ใครว่าไม่สำคัญคงไม่ใช่ เพียงแต่น้อยกว่าสภาผู้แทนฯเท่านั้น

ในทางการเมืองแล้ว ถือเป็นองค์กรหนึ่งที่มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้น

มีผลต่อการเมืองทั้งระบบอย่างแยกไม่ออก

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่า สว.สายสีน้ำเงิน (ภูมิใจไทย) เข้ามามากที่สุด แค่บุรีรัมย์จังหวัดเดียวก็ 14 คน เข้าไปแล้ว

นอกนั้นก็เรียงลำดับกันไปคือสายสีแดง สายสีส้ม สายสีเขียว และอิสระคละเคล้ากันไป

ถึงที่สุดก็คือเกี่ยวพันกับการเมืองเกือบทั้งหมด

จำนวน 200 คนนี้มีสำรอง 100 คน และมีเรื่องร้องเรียนจากผู้สมัครด้วยกันถึง กกต. 614 เรื่อง ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนกันต่อไป

นั่นก็หมายความว่าจำนวน 200 คนนั้น อาจจะมีบางส่วนต้องหลุดจากตำแหน่ง หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา

ที่ให้ความสนใจกันมากในจำนวนผู้สมัครที่สอบตก คือ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ออกตัวมาดีตั้งแต่เลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัดจากเชียงใหม่

...

แต่พอเลือกระดับประเทศร่วงเฉยเลย

นั่นแสดงว่าชื่อเสียงหรือความดังเก่าๆ หรือบารมีที่เคยมีมามิอาจส่งเสริมหรือผลักดันให้ได้รับการเลือกตั้งได้

หรือว่าสังคมการเมืองประเทศไทยไม่เอาด้วยกับนักการเมืองแบบนี้แล้ว

นี่ก็เป็นเครื่องเตือนสติ “ทักษิณ” ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

วันนี้มีการมองข้ามช็อตไปถึงขั้นที่ว่า ใครจะได้เป็นประธาน สว. เพื่อคุมบังเหียนวุฒิสภา ก็ปรากฏชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาค 4 ประธานที่ปรึกษา มท.1 ซึ่งมีความสนิทสนมกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

เพราะได้คะแนนมาอันดับ 1 ของจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.

พูดง่ายๆก็คือคนในเครือข่ายสีน้ำเงิน... นั่นแหละ

ที่ “บิ๊กหนู” บอกว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ

พูดอีกกี่ครั้งก็ไม่มีใครเชื่อ...

เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไปและเชื่อมโยง กันหมด ขนาดว่าคนขับรถ “ลุงชัย” ชิดชอบ พ่อของ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่ค่ายสีน้ำเงินยังได้เป็น สว.เลย

นับประสาอะไร!

แน่นอนว่าเมื่อผลออกมาอย่างนี้ ย่อมทำให้อำนาจการต่อรองทางการเมืองของ “เสี่ยหนู” ก็ต้องสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ที่ผ่านมาจะมีอยู่แล้วก็ตาม เพราะมีเสียงสนับสนุนเป็นที่ 2 รองจาก “เพื่อไทย” แต่เมื่อมีเสียง สว.อยู่ในกำมืออย่างนี้ก็คงเพิ่มน้ำหนักอีกเท่าตัว

โอกาสที่จะก้าวขึ้นไปสู่เก้าอี้ผู้นำเบอร์ 1 ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม