“แสวง” เลขาฯ กกต. ชี้ หากตรวจสอบพบข้อมูลสมัครเป็นเท็จ เป็นความผิด เหตุรู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ก็มาสมัคร ส่วนกรณีรับจ้างสมัคร แม้เอกสารสมบูรณ์ก็เป็นความผิดเช่นกัน

วันที่ 29 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถึงกรณีสิทธิสมัครรับเลือก, สมัครเป็นเท็จ, รับจ้างสมัคร และคดีที่น่าสนใจในการเลือกลงกลุ่ม ว่า ศาลฎีกาได้มีคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 185/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 169/2567 ว่า “การที่ผู้คัดค้าน (ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอ) รับสมัครผู้ซึ่งประกอบอาชีพทำนาเกลือเป็นไปตามที่ผู้สมัครดังกล่าวประสงค์เข้ารับเลือกในกลุ่มที่ 5 ซึ่งผู้คัดค้านได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครแยกเป็นรายกลุ่มตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 อันเป็นการดำเนินการตามความประสงค์ของผู้สมัคร ซึ่งเป็นการปฏิบัติอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง (ผู้สมัครที่ไปร้องที่ศาลฎีกา) จะยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง”

นายแสวง ระบุต่อไปว่า เมื่อพิจารณาแล้วพอจะคะเนได้ว่า สิทธิการรับสมัคร เป็นคนละส่วนกับเอกสารสารรับสมัครเป็นเท็จ หรือเอกสารประกอบการสมัคร (สว.3) เป็นเท็จ เช่น ในใบ สว. 3 บอกว่าทำนาเกลือ แต่ในความเป็นจริงเมื่อตรวจสอบแล้วไม่ได้ทำนาเกลือแต่อย่างใด ลักษณะนี้จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เป็นต้น 

“กรณีเอกสารรับสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กกต. ต้องตรวจสอบผู้สมัครทุกรายทั้ง 4 หมื่นกว่าคน ถ้าพบว่ามาสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ก็อาจเป็นความผิดตามมาตรา 74 รู้ว่าตนไม่มีสิทธิแต่ก็มาสมัครรับเลือกตั้ง อนึ่ง กรณีการรับจ้างสมัคร แม้เอกสารการรับสมัครถูกต้องสมบูรณ์ แต่ถ้ารับจ้างมาสมัครก็เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากด้วย”

...