“นายกฯ นิด” ลุยดูพื้นที่ใช้เป็นสนามแข่ง F1 ไม่เกินเดือนครึ่งชัด อู่ตะเภาหรือพัทยา ชี้ อยู่ที่ผู้จัดจะเลือก พร้อมกำชับเร่งรัดท่าเรือแหลมฉบัง ให้จบได้ตามสัญญา

วันที่ 23 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจติดตามพื้นที่ก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ที่สนามบินอู่ตะเภา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อดูสถานที่ที่จะให้เป็นพื้นที่สร้างสนามแข่งรถ F1 จากนั้นเวลา 13.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่ลานกิจกรรมกลางแจ้งริมหาดบ้านอำเภอ เทศบาลตำบลนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อศึกษาดูเส้นทางการแข่งขัน F1 และได้พูดคุยกับ Mr.Mark Hughes ที่ปรึกษาด้านการแข่งขันรถ F1 บริษัท Mrk1 consulting ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขัน 

ต่อมา 13.59 น. นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงการสำรวจศักยภาพการจัดแข่งขัน F1 ในไทยที่หาดจอมเทียน ที่มีการจัด 2 แบบ โดยแบบแรก คือ circuit race ที่ใช้สนามแข่ง ซึ่งจะสามารถควบคุมเรื่องความปลอดภัยได้ง่าย ซึ่งที่อู่ตะเภามีโครงการที่จะการสร้างสนามแข่งรถแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะจัดแข่งได้ตามมาตรฐานของสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) และอีกรูปแบบของการจัด คือ city race ที่เป็นการแข่งบนถนนจริงๆ เส้นทางเน้นทัศนียภาพ และความสวยงามของเมือง ซึ่งเราดูความเป็นไปได้ทั้งที่กรุงเทพฯ และเมืองพัทยา โดยวันนี้มาดูความเป็นไปได้ที่จะจัดในเส้นทาง บริเวณรอบหาดจอมเทียน ซึ่งยังจำเป็นต้องมีการปรับปรุงถนนและองค์ประกอบอื่นของสนามแข่ง เช่น อัฒจันทร์ และฉากกั้น เพื่อให้ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ F1 เป็นงานใหญ่ งานยาก แต่ก็เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล 

...

จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่บริเวณจุดก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงศักยภาพของเมืองพัทยาในการสร้างสนามแข่งรถ F1 ว่า กำลังดูอยู่หลายที่ในเมืองพัทยา ซึ่งมีอยู่ 3-4 ที่ อีก 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่ง น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่า ยังไม่ได้เลือกสถานที่ที่ใช้ก่อสร้างสนามใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า ตนไม่มีสิทธิเลือก เราต้องทำงานร่วมกับฝ่ายผู้จัดการแข่งขัน หน้าที่เราคือหาทำเลที่ตั้งหลายๆ ที่มาให้เขาเลือกทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุด ส่วนคำถามว่า จากการพูดคุยกับ Mr.Mark Hughes ผลตอบรับของพัทยาเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา ระบุ ถือว่าดี ความจริงแล้วอยู่ที่พัทยา 3-4 จุด หรือที่อู่ตะเภา มีอยู่แค่นี้

ก่อนที่นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะลงพื้นที่ตรวจติดตามและเร่งรัดการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนงานที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล เนื้อที่ประมาณ 2.8 พันไร่ โดย นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวรายงานว่า แผนปฏิบัติงานในช่วงที่ผ่านมามีความล่าช้า 3.99% เพราะส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เรามีแผนงานปรับวิธีทำงาน โดยในปี 2568 การดำเนินงานจะเป็นตามแผน เพื่อให้โครงการเสร็จสิ้นตามสัญญาในเดือนมิถุนายน 2569 เพื่อไม่ให้กระทบสัญญากับบริษัทเอกชนคู่สัญญา 

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ในจุดนี้ว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ตนได้มาตรวจที่นี้แล้ว 1 ครั้ง พบว่ามีความล่าช้า แต่ภายในการดำเนินการของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทำให้ความล่าช้าเหลือไม่ถึง 4% จะสามารถกระชับที่ล่าช้าให้หมดได้ในสิ้นปี 2567 และการก่อสร้างจะทำได้เสร็จตามสัญญา ทีมงานกระตือรือร้นดี วันนี้ก็มาให้กำลังใจและพูดคุยตรงไปตรงมาว่ามีปัญหาตรงไหน ทราบว่าเรื่องขนหินเข้ามามีปัญหา ซึ่ง นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้.