"วราวุธ" รมว.พม. ยัน พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 พม. มุ่งดูแลเด็ก-ผู้สูงอายุ เน้นคุณภาพ-ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม จ่อผ่านวุฒิสภา เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองที่ทำเนียบรัฐบาล เย็นนี้

วันที่ 18 มิ.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า การประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งวาระหนึ่งจะเริ่มในวันที่ 19 มิ.ย. พรรคชาติไทยพัฒนาในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะได้โควตา 30 นาที ซึ่งได้เตรียมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพื่ออภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2568 เรียบร้อยแล้ว โดยภาพรวมถือว่าเป็นไปตามแนวนโยบายที่ทางนายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ตั้งแต่การตั้งรัฐบาลเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างบประมาณ ปี 2568 จะเป็นการต่อยอดการทำงานของ ปี 2567 และทำให้นโยบายหลายๆ เรื่องที่ทางรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกระทรวง พม. จะได้รับการต่อยอดแล้วดำเนินการอย่างไร้รอยต่อ

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าในส่วนของกระทรวง พม. ที่ดูแลอยู่ ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่างบประมาณของเราจริงๆ ถ้าได้เพิ่มกว่านี้ จะเป็นการดี แต่ทั้งนี้ทุกครั้งที่ตนพูดจะเห็นใจทางสำนักงบประมาณว่ารายรับกับรายจ่ายของประเทศไทยของเราไม่ค่อยจะสัมพันธ์กันกับภารกิจของหลายกระทรวงซึ่งมีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คงจะต้องแบ่งกันไปตามสัดส่วนที่เท่าที่เรามี ตนคิดว่า เรามีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นและประชากรเด็กที่น้อยลงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลเด็กที่เรามีอยู่จำนวนน้อยลงนั้น ให้มีสุขภาพทั้งกายและใจที่สมบูรณ์มากขึ้น ประชากรเด็กที่น้อยลง เราต้องทำให้มีคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้น และในขณะเดียวกัน เราต้องดูแลไม่ใช่ตั้งแต่เกิด แต่ต้องดูแลตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์และคงจะต้องของบประมาณเพิ่มต่อไป

...

นายวราวุธ เปิดเผยต่อว่า วันนี้จะเป็นวันที่สำคัญของพี่น้องคนไทย โดยเฉพาะ LGBTQ+ เพราะว่าเป็นวันที่สมาชิกวุฒิสภาจะพิจารณาในวาระสองและวาระสามของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเป็นการเดินทางที่ยาวไกลตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงวันนี้ เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ได้ฝ่าฟันแล้วแก้ไขปัญหากันมา วันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าช่วงบ่ายเราจะได้รับข่าวดีจากทางวุฒิสภา ซึ่งเมื่อผ่านวาระสามของทางวุฒิสภาแล้วไม่ได้แปลว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้ทันที เราต้องรอให้มีการมีการนำทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพระปรมาภิไธย เพื่อที่จะประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน แต่ว่าอย่างน้อย เมื่อพ้นวันนี้ไปแล้วเรามั่นใจว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะทำให้คนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใด สถานะใด นั้นสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิทธิต่างๆ ทางด้านแพ่ง รวมถึงเรื่องสินสมรส และเรื่องอะไรต่างๆ นั้นจะมีสิทธิได้รับเหมือนทุกๆ คน นอกจากนี้ ช่วงเย็นวันนี้ เราจะมีการเฉลิมฉลองกันที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ส่งไปให้กับพี่น้องทั่วโลกได้ทราบว่าวันนี้ประเทศไทยของเราได้เดินหน้าไปอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมในการเดินไปข้างหน้า ทุกๆ คนพร้อมกัน โดยที่ไม่ทิ้งคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเอาไว้ข้างหลัง