รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” บริหารประเทศมาได้ 10 เดือนเพิ่งเห็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมก็ตอนนี้แหละ...

เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงสร้างฝันให้คนไทยเคลิบเคลิ้มว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง

นอกจากเดินสายไปต่างประเทศ พบปะนักลงทุนระดับโลกเพื่อเชิญชวนให้มาลงทุนในประเทศไทย

ก็มีเข้ามาบ้างแต่น้อยเต็มทน

พูดง่ายๆว่าเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ

มาวันนี้ประกาศจะพัฒนาเศรษฐกิจให้จีดีพีโต 3% ในปีนี้พร้อมมาตรการต่างๆที่ออกมาเพื่อเศรษฐกิจ

หวังว่าคงจะได้เห็นของจริง!

เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

การเริ่มต้นเข้ามาบริหารประเทศด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เพราะมีเสียงสนับสนุนถึง 314 เสียงนั้นถือว่ามีความได้เปรียบสูง

ทำให้ตัวแปรทางการเมืองแทบจะไม่มี มิหนำซ้ำประชาชนยังให้การสนับสนุนส่งเสียงเชียร์ไปรอบทิศ แต่เป็นเพราะไม่ใช้เงื่อนไขที่ดีให้เป็นประโยชน์

แนวคิดในการบริหารและจัดการที่ไม่ได้ปรึกษาหารือให้รอบด้าน มันก็เลยออกมาแบบ “ข้ามาคนเดียว” เสียมากกว่า

พอมาตั้งหลักได้กลับต้องเจอกับปัญหาการเมืองที่แทรกซ้อนซ่อนเงื่อนว่าด้วยปัญหาของพวกตัวเองมาตลอด

ทักษิณ” ผู้มีอิทธิพลเหนือนายกรัฐมนตรีก็แสดงตัวตนด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของรัฐบาลแทนที่จะเป็น “หลัก” กลับจะพารัฐบาลเข้าหลัก “ประหาร” เสียอย่างนั้น

ไม่ว่ารัฐบาลไหนหาก “การเมือง” เกิดปัญหา การแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจก็เป็นไปได้ยากเพราะเรื่องความเชื่อมั่นเป็นกลไกสำคัญ

ที่เห็นและเป็นอยู่ ณ วันนี้...

...

ใครบอกว่าไม่มีปัญหามันโกหกตัวเองแน่

เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลชักจะแกว่งมากขึ้นเรื่อยๆนอกจากนโยบายที่ต่างกันแล้ว การที่ “ทักษิณ” ไปพาดพิงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งทำให้เกิดความเสียหายเพื่อใช้เป็นเหตุผลให้ตัวเองดูดีนั้น

มันกำลังจะกลายเป็นชนวนขึ้นมา

ฝ่ายนายกรัฐมนตรีและแกนนำเพื่อไทยต่างก็ออกมาแก้เกี้ยวบอกว่าไม่มีอะไรเพราะไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร

พูดง่ายๆว่าแก้ต่างอีกต่างหาก

แต่ทุกคนก็ทราบกันดีว่านี่คือปัญหาที่กำลังเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่อีกฝ่ายยังไม่พร้อมชนเท่านั้น

อีกทั้งยังต้องการที่จะร่วมรัฐบาลต่อไป

เนื่องจากรัฐมนตรีบางคนของพรรคการเมืองนั้นทำท่าจะหนีห่างพรรคที่สังกัดเพื่อข้ามไปอยู่พรรคใหญ่จึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่ภาวะอย่างนี้คงสะบั้นไปแล้ว

ประเด็นก็คือไม่มีใครกล้าไปห้ามปรามได้

เพราะใหญ่เสียจนเคยตัวจนต้องไปอยู่ต่างประเทศเสีย 17 ปี

ยังไม่เข็ด...!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม