ก็เป็นข่าวฮือฮาในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยคลัง แถลงว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาจะออก “สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรือ “สลากเกษียณ” หรือ “หวยเกษียณ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่รวมเอา “ลักษณะการชอบเสี่ยงดวงของคนไทย” มาเป็น “แรงจูงใจ” ให้ “ออมเงิน” ด้วยการซื้อ “หวยเกษียณ” เงินซื้อหวยทั้งหมดจะได้คืนเมื่อเกษียณอายุ 60 ปี

รายละเอียดเบื้องต้นคือ รัฐบาลจะให้ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นผู้ออก สลากขูดแบบดิจิทัลใบละ 50 บาท ขายให้กับ สมาชิก กอช. ผู้ประกันตนมาตรา 40 และ แรงงานนอกระบบ ซื้อได้สูงสุดคนละ 3,000 บาทต่อเดือน ซื้อได้ทุกวัน ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 5 โมงเย็น ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินทันที ส่วนเงินที่ซื้อสลากจะถูกเก็บไว้เป็นเงินออม กอช.เป็นผู้บริหารจัดการ เมื่อผู้ซื้อเกษียณ 60 ปี สามารถถอนเงินที่ซื้อสลากคืนจาก กอช.ได้ทั้งหมด รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 1 ล้านบาท 5 รางวัล รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 1,000 บาท 10,000 รางวัล ถูกรางวัลสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท เดือนละ 60 ล้านบาท รัฐบาลเป็นผู้จ่ายเงินรางวัลเองจากเงินงบประมาณ

คุณเผ่าภูมิ บอกว่า ปัจจุบันไทยกำลังมีปัญหา ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณแต่ไม่มีเงินออม ปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็วของไทย และแก้ไม่ได้ด้วยการอัดงบประมาณในรูปแบบเบี้ยคนชราจำนวนสูงๆ ในที่สุดระบบงบประมาณจะรับไม่ไหว จึงได้คิดออก “หวยเกษียณ” เพื่อจูงใจคนไทยที่ชอบเล่นการพนันออมเงิน

ทันทีที่ คุณเผ่าภูมิ รัฐมนตรีช่วยคลัง แถลงเสร็จ ก็มีเสียงจาก พรรคไทยสร้างไทย ว่า เป็นนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยที่หาเสียงไว้ และมีนักการเมืองบางคนเคลมว่า เป็นเจ้าของไอเดียนี้มาหลายสิบปีแล้ว กลายเป็นดราม่าขึ้นมาทันทีตามประสาสังคมแบบไทยๆ

...

ผมเองฟังแล้วก็เห็นว่าดีเหมือนกันที่รัฐบาลเอา “จุดอ่อนของคนไทย” ที่ชอบเล่นการพนันมาเป็น “แรงจูงใจในการออมเงิน” ดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย และก็เห็นด้วยที่กระทรวงการคลังจะเอางบประมาณมาจ่ายเป็นเงินรางวัล “หวยเกษียณ” สัปดาห์ละ 15 ล้านบาท เดือนละ 60 ล้านบาท ปีละ 720 ล้านบาท ถือเป็นการคืนกำไรให้ประชาชนผู้เสียภาษี เป็นจำนวนเงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไปแจกใช้เล่นคนละ 10,000 บาท แม้จะใช้หวยเกษียณจูงใจ แต่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะมีเงินออมใช้หลังเกษียณได้อย่างพอเพียง เคยมีการทำตัวเลขเงินออมหลังเกษียณ พบว่า คนไทยต้องมีเงินออมใช้หลังเกษียณคนละ 4-5 ล้านบาท จึงจะเพียงพอ แต่ข้อมูลปัจจุบันพบว่า คนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณเลย คนกลุ่มนี้คงได้แต่รับเบี้ยคนชราไปเรื่อยๆ ส่วนอีก 60% มีเงินออมแต่ไม่ถึง 200,000 บาท ซึ่งไม่พอใช้หลังเกษียณแน่นอน

ปัญหามีเงินออมไม่พอใช้หลังเกษียณ ไม่ใช่มีแต่ประเทศไทย แต่เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก ข้อมูล ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปี 2022 ก็พบว่า ชาวอเมริกันวัย 55-64 ปี ไม่มีเงินออมเพื่อการเกษียณเลยถึง 43% มากกว่าไทยด้วยซ้ำ มีชาวอเมริกัน 17 ล้านคน ที่มีอายุเกิน 65 ปี อยู่ในสภาพที่ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณของชาวอเมริกันอยู่ที่ 78,000 ดอลลาร์ หรือ 2.85 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้อง มีเงินออมอย่างน้อย 2 ล้านดอลลาร์ หรือ 73 ล้านบาทขึ้นไป จึงจะเพียงพอ

การส่งเสริมให้คนไทยออมเงินแต่เนิ่นๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่ารัฐบาลจะส่งเสริมด้วยวิธีใด เพื่อให้คนไทยมีเงินออมหลังเกษียณ ผมก็เห็นด้วยทั้งสิ้น คนที่คิดแต่ทำไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์ เหมือนกรณี พรรคไทยรักไทย นำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เป็นผู้คิด ไปทำเป็นนโยบายจนประสบความสำเร็จได้รับความชื่นชมจากคนไทยและทั่วโลก ผมคิดว่าควรให้เครดิตคนที่ทำได้นะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม