“เศรษฐา” รับฟังปัญหาคุณภาพน้ำ บอกไม่ต้องห่วง เป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาล-สส. ร่วมผลักดันแก้ปัญหา ไม่นิ่งนอนใจ ระบุ เรื่องน้ำเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริ จัดงบดูแลเรียบร้อยแล้ว มั่นใจราคาลำไยปีนี้ดีขึ้น ช่วยจีดีพีลำพูนสูงขึ้น หลังสั่งติดต่อส่งออกขายจีน ย้ำของดีมีอีกเยอะ ต้องพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

วันที่ 8 มิ.ย. 2567 ที่ จ.ลำพูน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชน และรับฟังปัญหาคุณภาพน้ำไม่เหมาะสมต่อการอุปโภคบริโภค ที่องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำดิบ ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เมื่อมาถึงนายกฯ เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน จากนั้นเดินทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ก่อนรับฟังบรรยายสรุป โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งทางพื้นที่ได้ของบประมาณในการเดินท่อน้ำไปยัง 15 หมู่บ้านในพื้นราบ 

จากนั้นนายกฯ ดูรถน้ำดื่มสะอาดเคลื่อนที่ของสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งนายกฯ ได้สอบถามถึงขั้นตอนการผลิตน้ำและแหล่งที่มาของน้ำ พร้อมชมการวิเคราะห์ความกระด้างของน้ำ  

ก่อนนายกฯ จะกล่าวกับประชาชนว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาลำพูนอีกครั้ง วันนี้มาดูเรื่องของน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เข้าใจและตระหนักดีถึงความต้องการในการใช้น้ำของประชาชนทุกคน ตรงนี้เราทำงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งในการขุดเจาะน้ำขึ้นมา มีการทดสอบความลึกที่ให้ปริมาณน้ำที่เพียงพอ เหนือสิ่งอื่นใดตนคิดว่าคุณภาพของน้ำเป็นเรื่องสำคัญ สามารถนำมาผ่านเครื่องกรองอุปโภคบริโภคได้ ตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญ สส.ก็ผลักดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องน้ำ แต่เราเข้าใจพี่น้องต่างจังหวัดเดือดร้อนค่อนข้างเยอะ การลงพื้นที่วันนี้ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มาด้วย เรื่องนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ จะทำเรื่องของน้ำนี้เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริ เป็นปีมหามงคล เรื่องงบประมาณไม่ต้องขอ เพราะเรียบร้อยแล้ว และเข้าใจว่าปริมาณน้ำมีเพียงพอ ไม่ใช่แค่เจาะอย่างเดียว เรื่องท่อจัดส่งน้ำเราก็ได้เตรียมงบประมาณไว้อย่างเพียงพอ จัดส่งได้ทั่วทุกหมู่บ้าน

...

จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนตลอดทั้งวันนี้ว่า ได้ลงพื้นที่ตลอดทั้งวัน โดยที่แปลงใหญ่ลําไย ต.ริมปิง อ.เมือง จ.ลําพูน ได้พบปะกับชาวเกษตรกรลำไย โดยทราบว่าชาวจังหวัดลำพูนมีการปลูกลำไยจำนวนมาก ซึ่งลำไยถือเป็นพืชหลักของภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในอดีตเรารอให้ราคาลำไยตกแล้วค่อยแก้ไข แต่วันนี้เราทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเราจะต้องเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนติดต่อกับประเทศจีนเพื่อนำลำไยไปขาย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าลำไยเกรด AA จะขายได้ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 32 บาท ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีความสุข เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า ภายหลังจากลงพื้นที่จังหวัดลำพูน ได้มีการพูดคุยกับทุกภาคส่วน มีการวางกรอบการพัฒนาว่าเมื่อไรจะเห็นผลให้จีดีพีเพิ่มสูงขึ้น เพราะปัจจุบันจีดีพีค่อนข้างต่ำ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่บอกภาคเกษตรคือภาคใหญ่ ครึ่งหนึ่งของภาคเกษตรคือลำไย ถ้าหากเราทำให้ราคาลำไยดีขึ้น ซึ่งปีนี้เรามั่นใจว่าราคาลำไยดี ซึ่งก็จะทำให้จีดีพีสูงขึ้นจากตรงนี้ อย่างที่เรียนว่า ความจริงแล้วจังหวัดลำพูนจีดีพีไม่ได้ต่ำขนาดนั้น ฉะนั้นเรื่องของการวางกรอบในการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิต หรือเศรษฐกิจทั้งหมด เราต้องหาสิ่งใหม่ๆ เพราะตนคิดว่าลำพูนเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาจักรล้านนา มีอายุ 1,400 ปี และมีวัฒนธรรมเชิงลึกที่ยังไม่ได้พูดคุยให้นักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่สนใจทางด้านประวัติศาสตร์ได้รับรู้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ที่มีศิลปินแห่งชาติหลายท่าน พร้อมที่จะช่วยกันบูรณาการทำให้พิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่ขึ้น มีการอนุรักษ์ศาลาว่าการจังหวัด และบ้านเก่าๆ 100 กว่าหลังที่สามารถพัฒนา ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้

เมื่อถามว่า จะต้องให้จังหวัดเชียงใหม่มาช่วยพยุงจังหวัดลำปางหรือไม่ อย่างเช่นออกแพ็กเกจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดลำพูน ควบคู่กันไปด้วย นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าอย่าใช้คำว่าพยุงดีกว่า เพราะจังหวัดลำพูนก็มีของดีอยู่เยอะ ซึ่งที่นี่ตนเคยบอกว่าไม่อยากให้เอาจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่อยากให้ทำเรื่องระยะเวลาที่มาอยู่ เช่น อยู่จังหวัดลำพูน 2 วัน หรือจังหวัดลำปาง 2 วัน เพื่อทำให้การใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้กลับไปพักค้างคืน 1 คืนที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อ ก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดลำปางในวันที่ 9 มิ.ย.นี้