ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล 12 มิ.ย. เตือนก่อนมีคำวินิจฉัยไม่สมควรแสดงความเห็นชี้นำสังคมหรือกดดัน รับคำร้องกฎหมายเลือก สว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ไม่ออกมาตรการชั่วคราว โฆษก ก.ก.ยันเปิดแถลงแนวทางสู้คดี 9 มิ.ย. เพื่อให้ประชาชนสบายใจ ไม่ใช่หวังผลกดดัน โต้กระแสงูเห่าเลื้อยข้ามคอกเป็นแค่ข่าวลือ “พิธา” โอดผ่านสื่อนอกข้อหากบฏล้มล้างเกินจริง โอ่ถ้าถูกยุบพรรคอ่อนแรงระยะสั้นๆ แต่ระยะยาวติดเทอร์โบ “วันชัย” แฉวิชามาร 3 ก๊กอำนาจเก่าจ้องรีเซ็ตอำนาจใหม่ปูทางรัฐประหาร เดินแผนขบวนการ 3 ล้ม โค่นรัฐบาล “เศรษฐา”-ยุบก้าวไกล-คว่ำกระดานเลือกสว. นายกฯเผยคำชี้แจงคดี 40 สว.อยู่ระหว่างแก้ไข ลั่นปมแต่งตั้ง “วิษณุ” อธิบายเคลียร์ใจ สส.ชัดเจนแล้ว “สรวงศ์” ยัน พท.ไร้คลื่นใต้น้ำ

ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อพิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ เป็นเหตุยุบพรรคตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในวันที่ 12 มิ.ย. โดยเตือนพรรค ก.ก.ในฐานะคู่กรณีไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคมอันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล

...

ศาล รธน.นัดถกยุบ ก.ก.12 มิ.ย.

เมื่อเวลา 12.28 น.วันที่ 5 มิ.ย.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยเเพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ เป็นเหตุยุบพรรคตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และห้ามไม่ให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และผู้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็น กก.บห. หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคใหม่ 10 ปี นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรคตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง โดยผู้ถูกร้องได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารวมไว้ในสำนวน ส่งสำเนาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้ กกต. ทราบ และกำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 12 มิ.ย.

สั่งคู่กรณีงดจ้อชี้นำสังคม

เอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญระบุอีกว่า อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคมอันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลรับคำร้อง ก.ม.เลือก สว.ขัด รธน.หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญยังได้พิจารณากรณีศาลปกครองกลางส่ง 2 คำโต้แย้งผู้ฟ้องซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือก สว.ในคดีหมายเลขดำที่ 899/2567 และในคดีหมายเลขดำที่ 812/2567 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว โดยมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย คือนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม) มีคำสั่งรับคำร้องทั้งสอง ไว้พิจารณาวินิจฉัยเฉพาะประเด็นว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดยรวมการพิจารณาทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลกำหนดและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

ลงมติไม่กำหนดมาตรการชั่วคราว

ส่วนที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งมาตรการหรือวิธีการใดๆเป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ายังไม่ปรากฏว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง อีกทั้งหาก กกต.เห็นว่าจะเกิดความเสียหายดังกล่าวย่อมมีหน้าที่และอำนาจที่จะดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่กำหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆเป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย

ก.ก.ยันแถลงสู้คดี 9 มิ.ย.ปัดกดดันศาลฯ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ เตือนไม่ให้แสดงความชี้นำสังคมในคดีล้มล้างการปกครองว่า พรรค ก.ก.ยังยืนยันจะแถลงแนวทางการต่อสู้คดีวันที่ 9 มิ.ย. ไม่ได้เป็นการกดดันศาลหรือชี้นำความคิด เพียงแค่อธิบายกับประชาชน ที่อาจจะมีคำถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรค อยากให้ความสบายใจกับประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญว่า เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปกดดัน หรือชี้นำสังคม ส่วนรูปแบบต่อสู้คดีนั้น ทุกคนจะได้รู้พร้อมกันในวันที่ 9 มิ.ย. เมื่อถามว่าต้องมีการเตือนสมาชิกเรื่องการแสดงความคิดเห็นเพื่อไม่ให้กระทบศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนในพรรคยืนตามแนวทางที่กล่าวไป จะไม่มีการแสดงความเห็นที่กระทบต่อศาล

โต้กระแสงูเห่าเป็นเพียงเเค่ข่าวลือ

เมื่อถามถึงกรณีที่ สว.ออกมาพูดว่าเป็นขบวนการที่จะล้มกระดานทั้งยุบพรรค ก.ก.และล้มรัฐบาลด้วย นายพริษฐ์กล่าวว่า ต้องแยกเป็นกรณีไป กรณีพรรค ก.ก.เราเต็มที่ต่อสู้คดี เราจะต้องสู้และหวังถึงสถานการณ์หรือฉากทัศน์ที่ดีที่สุด ว่าเราก็จะต้องมีแผนรับมือกับฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดเช่นกัน เมื่อถามถึงกรณีการเตรียมพรรคสำรอง และเกรงว่าจะมีงูเห่าเกิดขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ข่าวลือ หรือเรื่องงูเห่าก็ดี ในข่าวก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ เป็นแค่กระแส ไม่มีข้อมูลอะไรมายืนยัน ดังนั้น ยืนยันคำเดิม เชื่อมั่นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรค พวกเราในพรรค ก.ก.จะเดินหน้าต่ออย่างเป็นเอกภาพ เชื่อว่าเพื่อนๆ ในพรรครู้ดี จำได้ดีว่า ในวันที่แต่ละคนยื่นใบสมัครในการลงเลือกตั้ง มีอุดมการณ์แบบไหนมีความฝันที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในประเทศนี้

“ทิม” โอดสื่อนอกข้อหากบฏเกินจริง

วันเดียวกัน ประชาสัมพันธ์พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เผยเเพร่บทสัมภาษณ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยและคดียุบพรรค ก.ก.มีใจความตอนหนึ่งว่า นายพิธายังคงเชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาวินิจฉัยคดียุบพรรคอย่างเป็นธรรม การกล่าวหาตนและพรรค ก.ก.ว่าเป็นกบฏหรือผู้ทรยศที่มุ่งล้มล้างการปกครองนั้นถือเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริง สิ่งที่ตนและพรรค ก.ก.เสนอคือความสมดุลทางกฎหมาย ระหว่างการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ถูกยุบอ่อนเเรงสั้นๆติดเทอร์โบยาวๆ

นายพิธากล่าวอีกว่า คดียุบพรรคจะทำให้พรรค ก.ก.อ่อนแรงลงในระยะสั้นเท่านั้น แต่จะเป็นการติดเทอร์โบให้พรรคได้แต้มต่อในแนวคิดและนโยบายแบบก้าวหน้าในระยะยาว แนวคิดแบบก้าวหน้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยพรรค ก.ก.ได้เก้าอี้ในสภาฯมาครองเพิ่มขึ้นเป็น 151 ที่นั่ง จากเดิมที่พรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 ได้ 81 ที่นั่ง ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแนวคิดแบบก้าวหน้าคือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อพรรคการเมืองหรือหัวหน้าพรรคการเมืองใดๆ

ถ้า สส.ได้อภิปราย ก.ม.หมิ่น “บุ้ง” ไม่ตาย

นายพิธากล่าวต่อว่า สถานการณ์ดำเนินคดีทางการเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 สัปดาห์ที่แล้ว น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรค ก.ก. ถูกตัดสินจำคุก 2 ปีโดยไม่รออาญา ขณะเดียวกันช่วงกลางเดือนก่อน น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง นักกิจกรรมทางการเมืองวัย 28 ปี เสียชีวิต จากการอดอาหารประท้วงระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ก่อนการพิจารณาคดีมาตรา 112 หากพวกเราในฐานะ สส.ได้รับอนุญาตให้อภิปรายหลักความได้สัดส่วนของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างมีวุฒิภาวะ โปร่งใสและด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองจะคลี่คลายลงไปได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ผลักเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ให้จนมุม หากเรามีพื้นที่พูดคุยถกเถียงเรื่องนี้กันได้ในรัฐสภา จะไม่เกิดการกดดันให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ เลือกวิธีการประท้วงทำร้ายตัวเอง รวมถึงคนที่พวกเขารักด้วย

“วันชัย” ปูดแผนขบวนการ 3 ล้ม

นายวันชัย สอนศิริ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้รับทราบข่าวข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับขบวนการ 3 ล้ม อยากบอกให้สังคมทราบ เพราะกระทบกับบ้านเมืองและระบอบประชาธิปไตย ขบวนการ 3 ล้ม เป็นการ รวมการเฉพาะกิจเหมือนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของคณะบุคคล 3 กลุ่ม 3 พวก เพื่อกระทำการ 3 ล้มให้เกิดขึ้นได้ในเร็ววัน ล้มแรกคือ ล้มรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ถ้าล้มรัฐบาลเศรษฐาได้จะมีการเซ็ตซีโร่อำนาจ เริ่มนับหนึ่งใหม่ ตัวเองจะได้เข้ามามีอำนาจครั้งใหม่นี้ ล้มที่สอง ล้มหรือยุบก้าวไกล ถ้ายุบก้าวไกลได้ พรรคจะแตกกระสานซ่านเซ็น สส.ต้องหาที่อยู่ใหม่ใน 30 วัน ตอนนั้นพรรคตัวเองหรือพรรคพวกของตัวเองจะตามช้อนต้อนเข้าคอก ทำให้มีเสียงเพิ่มขึ้น มีอำนาจต่อรองกับอำนาจใหม่นี้ ล้มที่สามคือล้มกระดานการเลือก สว. ถ้าล้มได้ สว.ชุดเก่ายังอยู่เหมือนเดิม ปฏิบัติภารกิจได้ต่อไป

ใช้วิชามารรีเซ็ตอำนาจใหม่

นายวันชัยระบุว่า คณะบุคคล 3 พวกที่จับมือกันเคลื่อนไหวเป็นขบวนการอย่างเข้มข้น ขณะนี้ หวังทำให้ 3 ล้มประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 1.พวกผิดหวัง อกหักทางการเมือง ไม่ได้เข้ามามีอำนาจ 2.พวกเกลียดทักษิณเข้ากระดูกดำ 3.พวกเผด็จการ นิยมปฏิวัติ รัฐประหาร 3 พวกนี้ไม่เอาพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล รวมทั้งทักษิณ การออกมาให้ ข่าวโจมตีประเด็นต่างๆเป็นระลอก การยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระ มีสื่อบางสำนักเป็นกระบอกเสียง ปฏิบัติการแบบรวมการเฉพาะกิจ ไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย แต่ละคน แต่ละพวกอุดมการณ์ต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกันคือ ล้มรัฐบาลเศรษฐา ยุบพรรคก้าวไกลและล้มกระดานการเลือก สว. เพื่อให้ สว.ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งต่อไป ขบวนการ 3 ล้ม ทำงานสอดประสานกัน วางแผน เตรียมการ และกำลังดำเนินการอยู่ ขอให้จับตาการเคลื่อนไหวเหล่านี้ให้ดี ความพยายามพวกนี้เป็นวิชามารสกปรก หวังเพียงสร้างความสับสนวุ่นวายให้ตัวเองมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หากล้มรัฐบาลเศรษฐาได้จะนับหนึ่งกันใหม่ อาจไปถึงขั้นเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบมาก่อรัฐประหาร ประมาทไม่ได้

จี้ กกต.ตัดไฟแต่ต้นลมสกัดฮั้ว สว.

ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม กล่าวถึงปัญหากระบวนการเลือก สว.ที่ส่อฮั้วการเลือก สว.ว่า อยากให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสการฮั้ว สว.ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ เพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมาย กระบวนการเลือก สว.ที่ไม่สุจริต จะได้ สว.ไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เกิดปัญหาในการเลือก สว. ยิ่งเป็นการเลือกแบบลูกโซ่ 3 ระดับ หากมีผู้ทำผิดระดับอำเภอถูกตัดสิทธิ แล้วไปเลือกระดับจังหวัด ระดับประเทศ หากไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลมอาจทำให้การประกาศเลือก สว. ไม่ทันตามไทม์ไลน์ที่ กกต.ระบุคือ วันที่ 2 ก.ค.2567 ขอให้ กกต.เร่งทำงาน ส่วนคนแจ้งเบาะแสควรได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย กันไว้เป็นพยาน หาก กกต.ทำหน้าที่สมบูรณ์จะลดการบล็อกโหวตได้ ส่วนการให้ข้อมูลหรือการตรวจสอบของ สว. เป็นไปโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ควรเร่งแก้ไข

“สุทิน” ไม่ล้วงลูกคดี ทบ.ฟ้อง “ทักษิณ”

ที่สนามกีฬากลางสมุทรปราการ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางรับฟังความคิดเห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพต่อร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีระบบการรับฟังอยู่ กฎหมายใดเข้าสู่สภาฯ จะถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านความมั่นคงต้องถามไปที่เหล่าทัพ กองทัพมีระบบรับฟังความคิดเห็นอยู่ เมื่อเรื่องเข้าสู่สภากลาโหม จะฟังผู้นำทางทหาร หรือเมื่อเรื่องเข้าสู่สภาความมั่นคงแห่งชาติจะพิจารณาในส่วนความมั่นคงด้วย ส่วนการสอบถามความคืบหน้าทางคดีที่กองทัพบก (ทบ.) ฟ้องร้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตามฐานความผิด มาตรา 112 ตนไม่เคยถาม เป็นเรื่องทางคดีไป ไม่ทราบว่า ทบ.เป็นคนฟ้อง แต่เมื่อฟ้องแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เขาเคารพตามกระบวนการยุติธรรมของทุกฝ่าย เมื่อถามว่าในฐานะรมว.กลาโหม จะไม่เข้าไปล้วงลูกใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ได้ล้วง จะไปล้วงอะไรได้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือใคร ก็ไปล้วงไม่ได้ ปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมไป

ซัด ก.ก.คิดเเคบทหารบรรยายชูสถาบัน

เมื่อถามถึงกรณีพรรค ก.ก. โจมตีกิจกรรมกองทัพส่งวิทยากรทหาร ไปบรรยายเรื่องสถาบันหลักของชาติ นายสุทินกล่าวว่า เขาคิดแคบเรื่องการศึกษา การปลูกจิตสำนึก การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคน มันมีกระบวนการตามหลักวิชาการในการปลูกฝังค่านิยมอยู่ โดยฝ่ายค้านต้องไปศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ ตรงนี้ไม่แปลก ไม่มีปัญหาอะไร จะให้ใครมาเป็นวิทยากรก็ได้ เพราะครูจะมีวิจารณญาณว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ เขาคิดมุมเดียวในมุมที่ว่าก้าวหน้าอย่างเดียวโดยลืมข้างหลัง เพราะเป้าหมายเขาวางไว้ข้างหน้า แม้กระทั่งเรื่องแนวคิดการเคารพพ่อแม่

นายกฯชี้กำลังแก้คำชี้แจงศาล รธน.

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติงานตามปกติ โดยเรียกรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง เข้ารายงานความคืบหน้าการทำงาน ขณะที่นายกฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯหารือร่วมกับนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯและนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่ใกล้เวลาครบ 15 วันว่า ไม่ได้พบกับตน และไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ให้ท่านมีเวลาดูเรื่องต่างๆดีกว่า กำหนดส่งคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 10 มิ.ย.คำชี้แจงกำลังมีการแก้ไขอยู่ การประชุมเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.เห็นยังมีการแก้ไขอยู่ เมื่อถามย้ำว่า ถึงขณะนี้ยังกังวลอะไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องกังวล ไม่ต้องถามกังวลทุกเรื่อง ปัญหาการเมืองเวลานี้ ไม่มีอะไรน่าห่วง ตอนนี้เรื่องร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2568 ทีมงานกำลังเตรียมตัวอยู่โดยสภาฯจะพิจารณาวันที่ 19-21 มิ.ย.

ตั้ง “วิษณุ” อธิบายไปชัดเจนแล้ว

เมื่อถามถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ขอให้สมาชิกพรรคพท.สนับสนุนนายกฯ ภายหลังไม่พอใจที่เชิญนายวิษณุมาช่วยงาน นายเศรษฐากล่าวว่า ได้ยินมาตามข่าว ติดตามจากสื่อ เป็นธรรมดาที่มีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ แต่เชื่อว่าคำอธิบายนั้นชัดเจน การเข้าร่วมประชุมพรรคตนไม่ได้หนีถ้าว่างจะเข้าตลอด ตอนนี้ความจริงสภาฯปิดสมัยประชุมอยู่ ยังไม่มีเรื่องอะไร แต่ถ้าสภาฯเปิดแล้ว คงจะเข้าไปอยู่ที่สภาฯวันพฤหัสบดีเหมือนเดิม ถ้าว่างจะเข้าไปประชุมพรรค พท.วันอังคาร จะได้มีเวลาพบปะ สส. เป็นอีกแนวคิดหนึ่ง ถ้าว่างหรือมีเวลาจะเข้าไป ถ้าถามจะชี้แจงต่อไปเรื่อยๆ เหมือนคำถามที่สื่อถามแล้วถามอีก ตนมีหน้าที่ต้องชี้แจงต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างตนกับสมาชิกพรรค พท.เราอยู่ร่วมกันคงไม่ได้สบายใจด้วยกันทุกเรื่องเสมอไป แต่ถ้าเรื่องที่สบายใจ 80 ไม่สบายใจ 20 ต้องพยายามทำให้ลดลงไปเหลือ 19 หรือ 18 ไปเรื่อยๆ ต้องพยายามทำต่อไป เพื่อให้ความกระจ่างกับคนที่ทำงานด้วยกัน เพราะ สส. คือตัวแทนของประชาชน

จ่อลงพื้นที่น้ำท่วมซ้ำวางแผนรับมือฝน

นายเศรษฐากล่าวถึงสถานการณ์น้ำช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. มีการรายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอย่างที่ตนได้บอกไปบางจังหวัดมีน้ำท่วมตลอดอย่างเช่น จ.อุบล ราชธานี ก็มีแผนงานโดยจะมีทีมงานลงไปดู กำลังดูอยู่ว่าจะลงไปในพื้นที่ได้เมื่อไหร่ จะต้องลงพื้นที่ไปดูเอง เมื่อถามว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไรใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อย่างที่บอกเป็นห่วงและกังวลทุกเรื่อง แต่ว่าเราก็ไม่ได้กังวลเฉยๆ เมื่อกังวลแล้วก็ต้องวางแผนงานและพูดคุยกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหนือสิ่งอื่นใดการลงพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจากเดือนนี้ไปจนถึงเดือน ส.ค. ไม่มีกำหนดการเดินทางไปไหน แต่จะดูเรื่องโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ดูปัญหาน้ำท่วม และเศรษฐกิจด้วย

“สรวงศ์” ยันเพื่อไทยไร้คลื่นใต้น้ำ

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดกับ สส.ในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ขอให้เข้าใจเรื่องของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาว่า จริงๆ ไม่มีใครมีปัญหาเลย มีแค่นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย เท่านั้นที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในประเด็นที่เคยอภิปรายนายวิษณุไว้ในสภาฯ เมื่อได้พูดคุยก็ทราบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายวิษณุ เพียงแค่ออกมาแสดงจุดยืนเท่านั้น ขณะที่ น.ส.แพทองธารแค่พูดในหลักการว่าทุกอย่างหากเราไม่ไปทางเดียวกันรัฐบาลจะสั่นคลอน พรรคก็สั่นคลอน เช่นเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ เมื่อถามว่า นายวิษณุเปรยว่าหากมีคนไม่พอใจไม่อยู่ก็ได้ นายสรวงศ์ตอบว่า เห็นใจและเข้าใจ ความจริงนายวิษณุไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในจุดนั้นก็ได้ เมื่อถามว่า จะไม่มีคลื่นใต้น้ำรอกระทบทีหลังใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า “ไม่มีครับ ไม่มีแน่นอน”

ข้องใจจี้ “วิษณุ” เปิดเผยทรัพย์สิน

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทราบว่านายวิษณุมีเงื่อนไขพิเศษเรียกร้องว่าถ้าจะเข้ามาช่วยทำงานให้นายกฯ ไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช. การกระทำดังกล่าวกำลังสร้างวัฒนธรรมการใช้อำนาจรัฐที่สร้างปัญหาใหญ่ให้บ้านเมืองต่อไปในอนาคต เพราะคำสั่งแต่งตั้งของนายกฯครั้งนี้จะเห็นชัดเจนว่าให้อำนาจเหมือนเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง เพียงแต่ไม่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นที่ปรึกษาพิเศษ นายวิษณุเป็นต้นตำรับเจ้าแห่งกฎหมาย แต่ท่านขอหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ทำไม เพราะอะไร ท่านเกรงกลัวอะไร กลัวเขาจะตรวจสอบทรัพย์สินที่งอกเงยมากเกินกว่าปกติหรืออย่างไร ท่านกำลังทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับนักการเมืองและข้าราชการทั้งหมด จึงขอฝากให้ท่าน
กลับไปทบทวนวิธีการของท่านใหม่เพราะมันเป็นข้อกฎหมายสำคัญ และสิ่งที่ท่านกำลังจะทำก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ถ้าท่านไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาลทั้งหลาย ก็สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจได้

“สุริยะ” ย้อนเกล็ด “ฐากร” นั่งทับขี้

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ระบุว่าได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนมีเจ้าหน้าที่ในกระทรวงคมนาคมเรียกรับผลประโยชน์จากผู้รับเหมาว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯให้นโยบายไว้กับรัฐมนตรีทุกคนและข้าราชการทั้งหมดว่าต้องไม่มีการทุจริต ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนแน่นอน หากรัฐมนตรีคนใดมีพฤติกรรมทุจริตจะต้องถูกปลด ยืนยันเปิดกว้างรับฟังข้อมูลเรื่องใดเป็นประโยชน์จะนำมาตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายฐากรอยู่ที่สำนักงบประมาณมา 10 กว่าปี ดูแลในส่วนของกระทรวงคมนาคมด้วย และยังออกมาพูดอีกว่าสมัยนั้นมีการเรียกเก็บ 6% + 6% เป็น 12% อยากถามว่าในสมัยนั้นนายฐากรมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่แฉ มาแฉตอนนี้แปลว่าอะไร ที่บอกว่า ผอ.กรมทางหลวงและ ผอ.เขตทางหลวงมี 2 คน ขณะนั้นนายฐากรรับผิดชอบในส่วนของกระทรวงคมนาคมอยู่ น่าจะรู้ว่าตำแหน่งนั้นคือคนคนเดียวกัน ข้อมูลพวกนี้เป็นความพยายามจินตนาการขึ้นมา

ลั่นพบทุจริตพร้อมปลดอธิบดีทันที

“มีประชาชนไปร้องเรียน หรือผู้อำนวยการสำนักไปร้องเรียนที่พรรคไทยสร้างไทย อยากให้ช่วยพามาบอกผมที่กระทรวงว่าไปเรียกร้องเงิน ไปให้อธิบดีอย่างไร ถ้ามีตรงนั้นจะปลดอธิบดีกรมทางหลวงทันที เพราะได้สั่งการกำชับลงไปตั้งแต่ปลัดกระทรวงส่งไปถึงอธิบดี ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมทุจริต รัฐบาลนี้รับไม่ได้ หน่วยงานภายใต้สังกัดของผมคุมทุกคน 100% ไม่ได้ หากมีพฤติกรรมดังกล่าวและมีข้อมูลชัดเจนจะไม่ปล่อยไว้ แต่ขณะเดียวกันอยากให้คนที่กล่าวหาคิดถึงขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน ถ้ากล่าวหาโดยไม่มีข้อมูลจะเสียกำลังใจ” นายสุริยะกล่าว

“ฐากร” เย้ยกลับกินปูนร้อนท้อง

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า กรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม กล่าวหาตนจินตนาการข้อมูลทุจริตในกระทรวงคมนาคม ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนายสุริยะที่ให้ความสำคัญประเด็นนี้ และขอชี้แจงดังนี้ 1.คนที่มาร้องเรียนเป็นคนแจ้งว่าเดิมกระทรวงคมนาคมเคยมีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากผู้รับเหมา 6+6 แต่ตอนนี้เรียกเก็บมากกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ตนเคยทำงานที่สำนักงบประมาณ ดังนั้นนายสุริยะน่าจะจินตนาการเรื่องนี้เองมากกว่า 2.การให้ข้อมูลของตนในครั้งนี้บอกแต่เพียงว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงคมนาคม แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นหน่วยงานใด เมื่อนายสุริยะออกมาพูดถึงหน่วยงานนั้นด้วยตัวเองก็ขอให้ไปตรวจสอบหน่วยงานดังกล่าว 3.นายสุริยะควรตรวจสอบคนใกล้ชิดจะเกิดประโยชน์มากกว่า เพราะจินตนาการกับความจริงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นายสุริยะไม่ควรกินปูนร้อนท้อง

แฉอีก “มิสเตอร์เอส” เก็บต๋งคมนาคม

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ว่า เป็นห่วงความโปร่งใสของการจัดทำงบประมาณในกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม ที่มีบุคคลชื่อย่อ “S” ทำตัวเป็นพ่อบ้านเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมกำหนดเส้นตายในเดือนมิถุนายนให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยนั้น หากเป็นเรื่องจริงถือว่าน่าห่วงมาก เพราะคมนาคมเป็นกระทรวงใหญ่และมีข้อครหาเรื่องความโปร่งใสมาโดยตลอด รัฐมนตรีที่กำกับดูแลต้องตอบคำถามในเรื่องนี้โดยด่วน และอธิบายถึงเหตุผลในการนำบุคคลดังกล่าวเข้ามามีอำนาจกดดันหน่วยงานราชการต่างๆ ข้ามหัวผู้บริหาร

ป.ป.ช.เร่งสรุปคดีนายกฯตั้ง ผบ.ตร.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.แถลงถึงความคืบหน้าคำร้องกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯกรณีแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยมิชอบว่า ป.ป.ช.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน คาดว่าจะนำเสนอที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาในเร็วๆนี้ ถ้ามีมูลจะมีการตั้งเรื่องไต่สวน แต่ถ้าไม่มีมูลไม่รับคำร้องกล่าวหา เรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และดุลพินิจของที่ประชุม ป.ป.ช. ส่วนกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ที่ ป.ป.ช.ได้ส่งข้อเสนอแนะพร้อมความเห็นไปยัง ครม.นั้น ปัจจุบัน ป.ป.ช.กำลังติดตามงานว่า ครม.และรัฐบาลดำเนินการตามข้อเสนอแนะครบถ้วนหรือไม่ บางเรื่องเห็นว่ารัฐบาลประชุม ปรับปรุงการปฏิบัติงานต่างๆอยู่ ล่าสุด ป.ป.ช. เชิญตัวแทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาให้ข้อมูล กรณีรัฐบาลเตรียมกู้เงิน ธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการนี้เพื่อรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่า ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการติดตามงานของรัฐบาลในนโยบายนี้อยู่

ปฏิเสธดองเค็มคดี “บิ๊กโจ๊ก”

นายนิวัติไชยกล่าวอีกว่า กรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่งหนังสือขอสำนวนสอบสวนคดีอาญาของ สน.เตาปูน เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ในความผิดสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินเว็บพนันมาดำเนินการสอบสวนเอง ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ บช.น.กับ ป.ป.ช.มองกฎหมายคนละมุม บช.น.มองว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับพวกมิได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นอำนาจ บช.น.สอบสวน แต่ ป.ป.ช.มองว่าข้อกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์อาจเข้าข่ายทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นอำนาจ ป.ป.ช.ไต่สวน เมื่อความเห็นข้อกฎหมายไม่ตรงกัน ป.ป.ช.จึงเชิญ บช.น.มาเคลียร์เรื่องนี้ ยืนยัน ป.ป.ช.ไม่ได้ทำงานล่าช้า มีความคืบหน้าให้ความสำคัญ ไม่ได้ดองคดี ทุกวันนี้สังคมร่วมตรวจสอบ ป.ป.ช.มาก ถ้า ป.ป.ช.ไม่ขยับก็กลายเป็นตำบลกระสุนตก หลังจากนี้จะสรุปเรื่องเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ว่า จะตั้งไต่สวนเรื่องนี้หรือไม่

เค้นเพิ่ม “บิ๊กต่อ” กู้เงิน 20 ล้าน

นายนิวัติไชยกล่าวถึงกระแสข่าว ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และภริยา กรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนบ้านที่ประเทศอังกฤษ แต่ ผบ.ตร.และภริยาไม่มารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. 2 รอบ ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และรอง ผบ.ตร. ในกรณีผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงต้องยื่นทุก 3 ปี จากนั้นได้เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.ปี 2566 แต่ยังไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพราะได้แสดงทรัพย์สินไปก่อนหน้านี้ในช่วง 3 ปี ไม่ต้องยื่นซ้ำ จึงไม่มีบัญชีทรัพย์สินในส่วน ผบ.ตร.ที่ต้องเปิดเผย การระบุว่า ป.ป.ช.ถอดบัญชีทรัพย์สิน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ออกจากเว็บไซต์ ป.ป.ช. น่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน ส่วนประเด็นทรัพย์สินบ้านที่ประเทศอังกฤษนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้แนบภาพถ่ายบ้านที่อังกฤษยื่นต่อ ป.ป.ช.เป็นภาพตัวบ้านอย่างเดียว เป็นคนละภาพกับที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภริยาไปยืนถ่ายคู่กันที่หลุดมาตามข่าว ไม่ใช่ภาพที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ภาพมาจากใครต้องไปดูคนที่ยื่นเรื่องร้องเรียนมีใครบ้าง แต่ภาพที่หลุดมาไม่ได้มาจาก ป.ป.ช. เป็นภาพคนละชุดกับที่ ป.ป.ช.มีอยู่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พบมีการกู้เงิน 20 ล้านบาท มีการชี้แจงว่า กู้เพื่อไปทำธุรกิจ ป.ป.ช.จะเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์มาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผลการลงทุนเป็นอย่างไร ทำไมไม่ชี้แจง ซึ่งหลายวันก่อน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ส่งทนายความมาขอขยายเวลา 30 วัน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่