"สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.สธ. อวยนายกฯ อัจฉริยะ ตั้ง "วิษณุ" เก่งที่สุด แจงยิบ ไม่เชิญกลุ่มต้านกัญชามาร่วมเสวนา หวั่นปะทะกัน แล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง
เมื่อเวลา 09.27 น. วันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ว่า เป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ตนไม่รู้ แต่มองว่า นายวิษณุ เป็นปราชญ์เป็นผู้รู้ ตนเข้ามาทำงานได้พบและรู้จักกับ นายวิษณุ มีการพูดคุยกันมาตลอด นายวิษณุ ไม่เคยให้ร้ายใคร ให้แต่องค์ความรู้ ไม่มีอะไรที่ท่านให้ร้ายใคร ท่านพูดในองค์ความรู้ที่มีอยู่ ท่านเป็นปราชญ์ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย และการที่นายกรัฐมนตรีไปเชิญ นายวิษณุ มาเป็นที่ปรึกษาได้ ตนว่า นายกรัฐมนตรีเขาอัจฉริยะ เราได้ผู้รู้และผู้มีประสบการณ์แนะนำ รัฐบาลก็จะไปได้ดี ส่วนภาพลักษณ์แล้วแต่คนมอง ถ้าเรามองในเรื่องความปรองดอง ตนว่ามันจบเลย คนไม่อยากให้ปรองดองก็อาจจะมองดูว่าเป็นอย่างไรต้องยอมรับ ว่าส่วนหนึ่งที่มาวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่ได้รู้ซึ้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าฟังแล้วเข้าใจจะเป็นเรื่องบวกมากๆ ทำให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยดีในความถูกต้องและมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่าไม่มีมือกฎหมาย นายสมศักดิ์ บอกว่าไม่เป็นไร แล้วแต่คนจะพูด ตนฟังคำพูดผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บางคนก็ชอบค้าความขัดแย้ง ก็ว่ากันไป ถ้าเราไม่มีความรู้อื่นใด เราก็ต้องใช้วาทะ โวหาร ค้าความขัดแย้ง ประเทศชาติเสียหาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การตอบลักษณะนี้เท่ากับยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีมือกฎหมายจริงๆ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ “แต่ว่าผมว่าอาจารย์วิษณุเก่งที่สุด ก็หมายความว่าเก่งที่สุดแล้ว ผู้อื่นเขาก็รู้แบบในเรื่องประสบการณ์ ท่านดีที่สุด”
...
นายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยออกมาท้วงติงถึงการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า ไม่มีความรอบด้าน เพราะนำแต่กลุ่มต้านมาร่วมเวที ว่า ไม่เป็นความจริง ถ้าย้อนไปวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มที่คัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมาให้ข้อมูลครบถ้วนกับตนแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการจัดสัมมนาจึงไม่ได้มีการนัดหมายให้มาพร้อมกัน เพราะเกรงว่าจะปะทะคารมกัน แล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย ติดใจเรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายที่อ้างว่า ค่ารักษาผู้ป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท มีข้อมูลที่มีความชัดเจน และยืนยันได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มี และเป็นข้อมูลจากสถาบันทางราชการ โดยมหาวิทยาลัยมีการทำวิเคราะห์ไว้ เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วเรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันว่า ไม่อยากให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยให้มีการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อควบคุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออก พ.ร.บ. ถ้าง่ายก็ผ่านสภาแล้ว แต่การออก พ.ร.บ. ไม่ผ่านตั้งแต่สภาสมัยที่แล้วแสดงว่ามีความเห็นขัดแย้ง แล้วมาเถียงกันเรื่องประเด็นเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งตนยืนยันว่า ถ้าบอกว่าเป็นยาเสพติด เราก็ต้องมีกฎหมายรองรับหรือกฎกระทรวงว่า อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ต้องถึงขั้นออกกฎหมายในสภา
เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุข จะนำเรื่องเข้าบอร์ดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) เพื่อดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดตอนไหน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอให้ทำเรื่องยาบ้าจบก่อน ซึ่งจะจบภายในสัปดาห์นี้ และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 11 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะทำเรื่องกัญชาซึ่งต้องออกกฎกระทรวงหลายฉบับ และถ้ามีการเขียนกฎหมายกัญชาก็จะระบุว่า อะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เขียนก็สามารถทำได้หมด ซึ่งตนเกรงว่ามันจะไปในเรื่องของสันทนาการ เพราะหากเขียนควบคุมเรื่องสันทนาการก็เกรงว่าจะเขียนได้ไม่ครบ แต่ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติดจะมีกฎหมายยาเสพติดเขียนห้ามไว้หมดอยู่แล้ว ตนไม่ต้องการให้มีสถานการณ์ จึงทำให้ชัดเจนว่าให้เป็นยาเสพติดไปเลย อะไรที่ให้ทำตามประกาศตามที่นายกฯ แถลงไว้ เราก็เขียนให้ทำได้.