พาส่องความคึกคักผู้สมัคร สว. ทั่วประเทศ พบ จ.ศรีสะเกษ สูงสุด 2,764 คน จ.น่าน น้อยสุด แค่ 98 คน กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มสตรี นำโด่ง มีคนสมัครมากสุด ขณะที่กลุ่มสื่อสารมวลชน สมัครน้อยสุด ส่วนอายุน้อยที่สุด คือ 40 ปี มี 700 คน อายุมากที่สุด คือ 92 ปี มีแค่ 2 คน 

วันที่ 30 พ.ค. 2567 เว็บไซต์ร็อกเกต มีเดีย แล็บ เปิดเผยความคึกคักของการสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 67 ระบุว่า ข้อมูลผู้สมัคร สว. ตามที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 25 พ.ค. 2567 มีผู้สมัครทั่วประเทศทั้งสิ้น 48,117 คน เป็นเพศชาย 27,779 คน คิดเป็น 57.73% เพศหญิง 20,338 คน คิดเป็น 42.27% โดยจังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่มีผู้สมัครสูงสุด 2,764 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ น่าน 98 คน 

ในส่วนของกลุ่มอาชีพที่ลงสมัครนั้น พบว่ากลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น และกลุ่มสตรี เป็นสองกลุ่มที่มีผู้สมัครสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสอง ตามลำดับ เนื่องจากสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีข้อกำหนดในการสมัครไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่ากับกลุ่มอาชีพอื่นๆ ที่ต้องพิสูจน์ประสบการณ์ในการทำงาน ในขณะที่สองกลุ่มนี้มีเพียงข้อกำหนดด้านอายุ เพศ อัตลักษณ์ ฯลฯ เท่านั้น 

ในขณะที่สองกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม และกลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม พบว่าในกลุ่มสื่อสารมวลชนนั้น นอกจากจะห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ยังมีระเบียบ กกต. ที่ห้ามผู้ประกอบอาชีพทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน ใช้ความสามารถ หรือวิชาชีพ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการแนะนำตัว ซึ่งเป็นข้อที่มีความกังวลว่าอาจสร้างข้อจำกัด ทำให้มีผู้สมัครน้อยลง โดยระเบียบข้อดังกล่าวเป็นหนึ่งในระเบียบฯ 4 ข้อที่ เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวประชาไท ในฐานะผู้ประสงค์ลงสมัคร สว. (ขณะยื่นฟ้อง) ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอน 

...

โดยเมื่อแบ่งตามภาค จะพบว่าภาคเหนือ มีผู้ลงสมัคร สว. 5,182 คน พบว่าผู้สมัครกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น เป็นกลุ่มที่มีการสมัครมากที่สุดถึง 609 คน รองลงมา คือ กลุ่มสตรี 492 คน และกลุ่มการศึกษา 460 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยสุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 43 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม 68 คน และกลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 78 คน

ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ลงสมัคร สว. 15,415 คน กลุ่มอาชีพทำสวน มีผู้สมัครมากที่สุดถึง 1,174 คน รองลงมา คือ กลุ่มสตรี 930 คน และกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น 811 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยสุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 96 คน กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 139 คน และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม 144 คน

ภาคกลาง มีผู้ลงสมัคร สว. 13,717 คน โดยมีผู้สมัครกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น มากที่สุดถึง 1,571 คน รองลงมาเป็นกลุ่มการศึกษา 1,278 คน และกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ 1,203 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 212 คน กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว 257 คน และกลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 277 คน

ภาคตะวันออก มีผู้ลงสมัคร สว. 2,409 คน อันดับ 1 คือ กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น 315 คน รองลงมา คือ กลุ่มสตรี 244 คน และกลุ่มอาชีพทำสวน 225 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 32 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค 38 คน และกลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 44 คน

ภาคตะวันตก มีผู้ลงสมัคร สว. 2,780 คน โดยมีผู้สมัครกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระมากที่สุด จำนวน 341 คน รองลงมา คือ กลุ่มการศึกษา 280 คน และกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น 269 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 35 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม 56 คน และกลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น 63 คน

ภาคใต้ มีผู้ลงสมัคร สว. 8,614 คน พบว่ากลุ่มอาชีพทำสวนมากที่สุด จำนวน 1,174 คน รองลงมา คือ กลุ่มสตรี 930 คน และกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น จำนวน 811 คน ส่วนกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม 96 คน กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 139 คน และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม 144 คน

นอกจากนี้ ยังระบุว่า ภาพรวมทั้งประเทศ มีผู้ที่สมัคร สว. ที่มีอายุน้อยที่สุด คือ 40 ปี จำนวน 700 คน อายุมากที่สุด คือ 92 ปี มีจำนวน 2 คน ภาคที่มีสัดส่วนผู้สมัคร สว. ต่อประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปมากที่สุด คือ ภาคใต้ คิดเป็น 0.20% ภาคที่มีสัดส่วนผู้สมัคร สว. ต่อประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปน้อยที่สุด คือ ภาคกลาง คิดเป็น 0.13% 

ส่วนจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ลงสมัคร สว. ต่อประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปมากที่สุด คือ มุกดาหาร 0.77% สตูล 0.55% นครนายก 0.48% อำนาจเจริญและอ่างทอง 0.44% และจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ลงสมัคร สว. ต่อประชากรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปน้อยที่สุด คือ อุดรธานีและนครราชสีมา 0.03% น่าน นครพนม และตาก 0.04%