"พลภูมิ" ผู้ช่วยรัฐมนตรีลุยญี่ปุ่น ดัน ท่องเที่ยวไทยสู่ Tourism Hub ดึงรายได้ 3.5 ล้านล้าน ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น ไทยจะเป็นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว

วันที่ 30 พ.ค. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางตรวจเยี่ยมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมี น.ส.สุดาพร วรพล

ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ และ น.ส.พิมรภัส ชินบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ ให้การต้อนรับ

นายพลภูมิ เปิดเผยว่า นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบนโยบายในการดึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวไทยสู่ Tourism Hub และดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้าประเทศ 3.5 ล้านล้านบาท โดยปัจจุบันสำนักงานท่องเที่ยวทั้ง 3 สำนักงานในประเทศญี่ปุ่น ( โตเกียว-โอซาก้า-ฟูกูโอกะ) ได้จัดทำแคมเปญ “Imakara Thai e: Now to Thailand” ในวันที่ 15 มกราคม-15 พฤษภาคม 2567 เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Gen) ทดแทนกลุ่มลูกค้าเก่า และกระตุ้นให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับการประทับตรวจลงตราเข้าประเทศไทยเป็นครั้งแรกในหนังสือเดินทาง (Passport) จะได้รับรางวัลพิเศษ ได้แก่ SIM Card มูลค่า 299 บาท จาก AIS ,Rabbit Card มูลค่า 100 บาท สำหรับใช้โดยสารรถไฟฟ้า BTS, นวดตัวหรือเท้า 1 ชั่วโมง จาก “Let’s Relax” spa และสิทธิเข้าใช้ “Coral Lounge” ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือท่าอากาศยานดอนเมือง 1 ครั้ง ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแคมเปญตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าแคมเปญดังกล่าวประสบความสำเร็จมาก หากดำเนินการขยายผลออกไปอีกอย่างต่อเนื่องจะสามารถเห็นผลสำเร็จได้อย่างชัดเจน รวมถึงจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้มากขึ้นผ่าน Social media หรือ Influencer เพื่อสร้าง impact ในวงกว้าง แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ จึงไม่สามารถดำเนินการจัดทำแคมเปญดังกล่าวต่อได้

...

ส่วนในไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ ทาง ททท.ทั้ง 3 สำนักงาน เตรียมจัดทำ Joint Sale Promotion สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เพื่อเสนอขายบัตรโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษร่วมกับสายการบินต่างๆ เพื่อกระตุ้นการเดินทาง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ยังอยู่ในสภาวะถดถอย ค่าเงินเยนอ่อน และค่าครองชีพสูง ทำให้ชาวญี่ปุ่นยังไม่ตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ และจัดทำโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่
- นักกอล์ฟ ให้ไปเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทยในช่วง Green Season เนื่องจากราคาต่ำกว่าที่ญี่ปุ่น
- นักเรียน/นักศึกษา มีความต้องการเดินทางสูงในช่วงปิดเทอม
- กลุ่มผู้ชื่นชอบเข้าร่วมงาน World Event / Concert มีความต้องการและกำลังซื้อสูง

นอกจากนี้ ยังได้ทำการสื่อสารเรื่อง route เที่ยวเมืองไทย ในลักษณะของ cluster เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองน่าเที่ยว(เมืองรอง) ที่จะเป็นส่วนขยายออกไปจากเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น
- พื้นที่ภาคเหนือ: เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง
- พื้นที่อันดามัน: ภูเก็ต-พังงา-กระบี่
- พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
- พื้นที่กรุงเทพฯ-จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- พื้นที่กรุงเทพฯ-พัทยา จังหวัดชลบุรี

สำหรับการทำให้รายจ่ายต่อหัวมากขึ้นนั้นมี 2 แนวทาง คือ การเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว (Spending per Head) โดยการผลักดันให้บริษัทนำเที่ยวจัดรายการนำเที่ยว คุณภาพ มุ่งเน้นการทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมีความหมาย (Valuable & Meaningful Experiences) เช่น กิจกรรมอาบน้ำช้าง ทำกระดาษจากมูลช้าง ทำผ้ามัดย้อม แต่งชุดไทย เป็นต้น และการเพิ่มวันพักเฉลี่ย (Length of Stay) ให้ยาวนานขึ้น โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากเมืองหลักออกไปยังเมืองบริวารมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในส่วนของโรงแรมที่พักยาวนานขึ้น และทำกิจกรรมในพื้นที่หลากหลายขึ้น

ทั้งนี้ ททท. 3 สำนักงานจะดำเนินการ implement โดยการกระตุ้นและสร้างการรับรู้ผ่าน Socialmedia นำเสนอ Content เกี่ยวกับ 5 Must Do in Thailand อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน

นายพลภูมิ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะผลักดันให้การท่องเที่ยวไทย มุ่งสู่การเป็น Tourism Hub เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น ประเทศไทยจะเป็นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงประเทศ ไปจนถึงก้าวสุดท้ายก่อนเดินทางกลับด้วยความประทับใจ