"วัชระ" อดีต สส.ปชป. เตือน "วิษณุ เครืองาม" หรือลืมคำพูดเลิกการเมืองแล้ว เคย ลั่น ปิดประตูการเมืองขอกลับไปเลี้ยงหลาน แต่กลับลำ มารับเป็นที่ปรึกษา สคล. ฝากโคลงโลกนิติ เป็นอนุสติ ให้คิด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไปหานายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักแล้วแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สคล.) พร้อมเตรียมห้องทำงานให้ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่นายเศรษฐาไป เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริง สั่งการให้ไปมากกว่า และนายวิษณุก็ต้องจำใจเปิดบ้านตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขอมา เพราะนายวิษณุ จัดการให้นายทักษิณทุกเรื่องตั้งแต่สมัยระบอบทักษิณเรืองอำนาจแล้ว

การที่นายทักษิณและครอบครัวชินวัตร ได้เข้าไปทำบุญในวัดพระแก้ว ใช่ผลงานของนายวิษณุหรือไม่ และการที่นายทักษิณได้ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2566 อ้างว่าไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น ถ้านายวิษณุ รองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่เข้าไปหานายทักษิณในเรือนจำคืนนั้น นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษ จะกล้าอนุญาตหรือไม่ นายวิษณุ ย่อมรู้แก่ใจเป็นอย่างดีว่า ใครเป็นตัวการร่วมและต้นเหตุในการทำลายกระบวนการยุติธรรมในยุคนี้

นายวัชระ กล่าวอีกว่า ต่อมา นายวิษณุ ประกาศปิดประตูการเมืองว่า ขอกลับไปเลี้ยงหลาน ใครมาชวนไปที่ไหนจะเปิดพุงให้ดู พร้อมยืนยันว่า งานการเมืองไม่มีอะไรทำ ถือว่าจบแล้ว จะให้ไปสาบานที่ไหน นายวิษณุ เปิดพุงให้นายเศรษฐาดูหรือไม่ และเห็นไส้กี่ขด ฉะนั้นการที่นายวิษณุผิดคำพูด ทำให้นึกถึงคำเตือนของหนังตะลุง ที่สั่งสอนผู้ชมเสมอว่า "อันกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ" หรือนายวิษณุไม่สามารถขัดใจนายทักษิณ ชินวัตรได้ เพราะเหตุใด และอยากจะฝากโคลงโลกนิติให้นายวิษณุไว้พิจารณาอนุสติ 1 บท คือ

...

วาจาเหมือนงาช้าง ที่ว่า
   งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชนฯ