"พิชัย" แถลงผลประชุม ครม.เศรษฐกิจ รัฐบาลเห็นตรงกับ ธปท. จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เล็งหารือ "เศรษฐพุฒิ" เป็นระยะ ให้เกิดความเข้าใจตรงกันเรื่องดอกเบี้ยนโยบาย ด้าน "จุลพันธ์" เชื่อ ดิจิทัลวอลเล็ต ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้

วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 1/2567 ว่า วันนี้ที่ประชุมได้หารือกันถึงที่มาของปัญหาเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ จากการรายงานว่าจีดีพี (GDP) ไม่ได้เพิ่งจะตก แต่ย้อนหลังไป 15 ปี จีดีพีได้ตกตามลำดับจนวันนี้ เมื่อปีที่แล้วก็อยู่ที่ 1.9% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ศักยภาพเมืองไทยอยู่ในศักยภาพที่ดี โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่สามารถดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้

ขณะเดียวกัน เมื่อมองย้อนไปประเทศเพื่อนบ้านมีจีดีพีโตกว่าไทยหมดเลย จึงเห็นว่าไทยน่าจะมีปัญหา ซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้หารือกันจนเจอ ต้นเหตุการผลิตต่ำเพราะผู้บริโภคไม่ซื้อ และได้เห็นวงจรว่าประชาชนไม่มีกำลังซื้อ จึงได้โจทย์ในการคุยกันว่า หลายอุตสาหกรรมกำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังยืนยันว่าสามารถไปต่อได้ และเตรียมจะออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือทุนเล็กให้สามารถอยู่ได้

...

ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ ยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่สามารถเข้ามาลงทุนในไทยได้ เนื่องจากติด 2 เงื่อนไข คือ โลกสีเขียว เมื่อนักลงทุนเข้ามาแล้วก็เรียกร้องอยากได้พลังงานสีเขียว ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนของรัฐบาลที่ใส่เข้าไปว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดไฟฟ้าสีเขียวเพื่อจะส่งเข้าโรงงานเหล่านี้ได้เลย อีกเรื่องที่รอคือความรวดเร็วของการทำธุรกิจ จะต้องปรับเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่รวดเร็ว ซึ่งการลงทุนจากต่างประเทศต้องใช้เวลาจะมาเร่งเอาช่วงนี้ก็คงไม่ได้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งทำอย่างเต็มที่ หลังจากเดินสายไปพบนักลงทุนหลายประเทศจึงได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของบริษัททุนจากต่างประเทศ 

นายพิชัย กล่าวต่อไป วันนี้รัฐบาลเห็นตรงกันกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย พร้อมยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นกว่านี้ แต่ยังไม่พอใจที่ตัวเลขจีดีพีไทยที่ 2.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ จะอยู่ในระดับเท่าไรที่เหมาะสม จะมีการหารือเป็นระยะกับ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะหากโจทย์ตรงกัน ความเข้าใจก็จะตรงกันมากขึ้นในเรื่องดอกเบี้ยนโยบาย 

“ศักยภาพของประเทศไทยดี อุดมสมบูรณ์ พื้นฐานดี การขยายตัวของเศรษฐกิจต้อง 3.5% ขึ้นไป และที่ประชุมได้หารือถึงค่าเงินเฟ้อที่พอดี เพื่อนำมาเป็นนโยบาย โดยกระทรวงการคลังและ ธปท. เห็นตรงกันว่าจะกำหนดกรอบเงินที่เหมาะสมเท่าใด ปกติจะคุยกันสิ้นปี แต่ครั้งนี้เราเห็นความจำเป็นต้องเริ่มคุยกันเลย โดยในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย หากสินค้าราคาถูก ดอกเบี้ยก็ต้องแพงหน่อย หากสินค้าแพง ดอกเบี้ยก็ต้องถูกหน่อย ก็คงต้องมาดูว่าเราจะตั้งกรอบเงินเฟ้อเท่าใด”

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ทางด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า มาตรการค้ำประกันสินเชื่อที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำเสนอในวันนี้ เห็นตรงกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งจะเร่งนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2-3 สัปดาห์

ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่จะเกิดการกระตุ้นการซื้อ นั่นก็คือโครงการจากรัฐบาล ยืนยันว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) จะเกิดขึ้นแน่นอนในไตรมาส 4 และหากเกิดขึ้น ก็จะเกิดการซื้อในระบบหมุนเวียน ส่วนการประชุมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจะมีขึ้นตามวงรอบ ไม่ได้จัดประชุมทุกสัปดาห์ และไม่ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดูโดยเฉพาะ แต่เป็นการหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ.