ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้อง 40 สว.ยื่นสอยนายกฯตั้ง “พิชิต” นั่ง รมต. ขัดรัฐธรรมนูญ รอดหวุดหวิดมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ สั่งชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน ตีตกคำร้องฟัน “พิชิต” ชิงไขก๊อกไปก่อนแล้ว “นายกฯ” ต่อสายเช็กมติร้อนรอหารือทีมกฎหมาย มั่นใจตอบได้ทุกข้อสงสัย ไม่คิดลบ สว.ปั่นเกมต่อรอง ลั่นชีวิตผ่านวิกฤติมาเยอะ ไม่มีท้อถอย เป็นผู้ใหญ่พอแยกแยะแก้ไขได้ ไม่ต้องการกำลังใจพิเศษจากใคร “หมอมิ้ง-อ้วน” ย้ำไร้กังวลทุกอย่างทำถูกต้อง “ดิเรกฤทธิ์” ชี้นายกฯต้องไปพิสูจน์ตัวเอง สุจริต ไร้การแทรกแซงครอบงำ ส.อ.ท.-ตลาดหุ้นผวาการเมืองอึมครึมฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน “โรม” เชื่อนายกฯโดนวางยาตั้งคนขาดคุณสมบัติ สะท้อนรัฐบาลไร้เสถียรภาพ “เศรษฐา” เดินหน้ากล่อม 5 ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น จีบลุยลงทุนในไทย

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 รับคำร้อง 40 สว.ที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยให้ส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน ขณะที่มีมติด้วยเสียง 5 ต่อ 4 ไม่สั่งพักการปฏิบัติการทำหน้าที่

มติศาล รธน.6 ต่อ 3 รับคำร้อง 40 สว.

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 พ.ค. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่น่าสนใจ คือ คดีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีนาย เศรษฐา ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

...

ให้นายกฯส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน

เนื่องจากศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 (9) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ) มีคำสั่ง รับคำร้องผู้ถูกร้องที่ 1 ไว้พิจารณาและให้นายกฯยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 54

พิชิต ชื่นบาน
พิชิต ชื่นบาน

ไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของ “พิชิต”

ส่วนกรณีของนายพิชิต ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้มีคำร้องของนายพิชิต ลงวันที่ 23 พ.ค.67 แจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 นายพิชิตได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิตสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (2) กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 51 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของนายพิชิตไว้พิจารณาวินิจฉัย โดย 1 เสียงข้างน้อย ได้แก่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม

5 ต่อ 4 ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีขอให้นายเศรษฐาผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ในชั้นนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์)

นายกฯรับโทรศัพท์รายงานผล

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจหารือบริษัทเอกชน และเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อเวลา 14.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 12.30 น.ประเทศไทย) ที่โรงแรม The Peninsula Tokyo นายเศรษฐา ได้รับโทรศัพท์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากรับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 40 คนที่ร่วมลงชื่อถอดถอนนายกฯ จากกรณีที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยมีมติเสียงข้างมากไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ปรากฏว่านายเศรษฐายังคงมีท่าทีปกติ และเดินหน้าปฏิบัติภารกิจตามแผนที่ได้วางไว้ โดยวันที่ 23 พ.ค. มี กำหนดการพบปะหารือหลายบริษัทเอกชน และ เวลา 19.00 น. ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับผู้เข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ภายในงานนายคิชิดะ ฟุมิโอะ นายกฯญี่ปุ่น ร่วมงานพร้อมกล่าวสุนทรพจน์

ถกทีม ก.ม.มั่นใจชี้แจงศาล รธน.ได้

เมื่อเวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) ที่ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์หลังถึงศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 40 สว.โดยไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า เข้าใจมีเวลา 15 วัน เสร็จภารกิจช่วงเย็นนี้จะโทรศัพท์พูดคุยกับทีมกฎหมาย เพื่อดูว่าจะชี้แจงอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ เห็นหัวข้อที่ทางศาลรัฐธรรมนูญต้องการให้ชี้แจง ทั้งนี้ เป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย การเข้าสู่การเมืองเราต้องพร้อมให้มีการตรวจสอบได้ หากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการมีความข้องใจ มั่นใจว่าชี้แจงได้ และต้องให้เวลาท่านพิจารณา ไม่อยากจะไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ปัญหาที่บ้านเราต้องแก้ไขกันไป มีทีมงานที่ช่วยดูเรื่องอยู่แล้ว ความจริงไม่อยากพูดว่าเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเข้าสู่การเมือง แต่เราต้องรับทราบ ต้องให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน เมื่อถามว่านายกฯมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างใช่หรือไม่ เพราะการตัดสินใจใดๆ มีทีมที่ปรึกษา และมีคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำปรึกษาอยู่แล้ว นายกฯกล่าวว่า “ครับ ก็มั่นใจครับ แต่เดี๋ยวต้องดูคำถามอีกทีว่า ตรงไหนเป็นอย่างไร เชื่อว่าคนที่ต้องตัดสินเขาต้องดูให้ดีๆ”

ไม่อยากคิดแง่ลบมีเกมต่อรองอำนาจ

เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายระบุมีบางคน บางกลุ่มหรือ สว.บางคนต้องการเล่นเกมต่อรองบางอย่าง นายกฯกล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าท่านต่อรองอะไร ไม่อยากคิดไปในแง่ลบ ท่านมีหน้าที่ของท่าน ได้ยินมาเหมือนกัน บางคนบอกถ้าเกิดหมดวาระไปแล้วไม่ควรจะเสนออะไร แต่ไม่ทราบต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้ายังมีสิทธิ์ก็เสนอไป คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าเขามีสิทธิ์ก็เสนอ แต่ถ้าไม่มีสิทธิ์เสนอเดี๋ยวค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องเกมการต่อรองอะไรอยู่ข้างหลัง ไม่อยากมองลึกไปขนาดนั้น เพราะเชื่อว่าทุกท่านมีความปรารถนาดีกับประเทศชาติ อยากให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใสและชอบธรรม”

เมื่อถามว่าขณะนี้หลายฝ่ายไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เพราะประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี อยากบอกอะไรไปถึงฝั่งคนที่มองว่ารัฐบาลยังทำไม่ถูกใจบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าการที่เราเข้ามาสู่การเมือง จะทำทุกอย่างให้ถูกใจทุกคนเป็นไปได้ลำบาก แต่ขอให้มั่นใจรัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน เรายึดมั่นกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งยังมีองค์กรอิสระที่เข้ามากำกับตรวจสอบ ดูแลเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความชอบธรรม อย่าไปบอกเลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้าอะไร ส่วนตัวคิดว่าเมื่อมาอย่างนี้ ต้องให้ความกระจ่างกันไป

ลั่นผ่านวิกฤติมาเยอะ ไม่มีท้อถอย

เมื่อถามว่าอนาคตการเมืองอาจร้อนแรงขึ้นและพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกฯมากขึ้น พร้อมรับใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ผมก็พร้อมอยู่แล้ว จะเป็นเดือนที่ 8 หรือปีที่ 1 มันก็เหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ และมีทั้งฝ่ายที่ชอบ หรือไม่ชอบในการกระทำของเรา แต่ขอยืนยันในความตั้งใจจริง และไม่ได้ท้อถอยอะไร ตรงนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ” เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจตัวเองและผู้สนับสนุนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “สำหรับตัวผมเองคงไม่ต้องให้ เพราะเราอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านวิกฤติมาเยอะ ตรงนี้ไม่มีปัญหาหรอกครับ ส่วนคนที่สนับสนุน ขอให้มั่นใจว่าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เชื่อว่าคนที่ทำงานให้ ทุกคนทราบดี เชื่อว่าเราเป็นมืออาชีพ พร้อมที่จะตอบข้อสงสัย ใช้คำนี้ดีกว่า ไม่อยากให้คิดเป็นอื่น อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเลย มันไม่มีความสบายใจหรอก เชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีกับประเทศทั้งนั้น” การที่เราเข้ามาสู่เวทีการเมือง ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบธรรมผ่านการตั้งรัฐบาล 3 เดือน มาอยู่เป็นรัฐบาล 8-9 เดือนแล้ว เห็นถึงความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะครบกำหนด 15 วันแล้วมีการตัดสิน หรือมีการพิจารณาอีก ในทุกๆวันล้วนมีความหมาย โครงการต่างๆ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นหน้าที่ตนต้องทำ

เป็นผู้ใหญ่พอกำลังใจพิเศษไม่ต้อง

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เราต้องเป็นผู้ใหญ่พอ ต้องแบ่งแยกให้ถูก ในการแก้ไข มีทีมแก้ไขปัญหาและเข้าไปชี้แจงสามารถทำได้ และวันที่ 24 พ.ค.มีภารกิจ เสาร์-อาทิตย์นี้ เมื่อกลับไปมีภารกิจจัดเต็มอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีความคิด ไม่ได้ต้องการกำลังใจพิเศษจากใครใดๆทั้งสิ้น สามารถที่จะ Switch On and Off ได้ เมื่อถามว่าจะตั้งหรือมอบหมายใครให้เป็นหัวหน้าคณะเตรียมทำข้อมูลคำชี้แจง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตั้งใคร เดี๋ยวต้องดูกันอีกครั้ง ต้องไปดูมติก่อนว่าออกมาอย่างไร 6 ต่อ 3 ให้รับเรื่อง และคะแนน 5 ต่อ 4 ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เดี๋ยวต้องไปดูเนื้อหากันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ส่งมาให้อ่านแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านเลยเนื่องติดภารกิจ

“หมอมิ้ง” มั่นใจการตั้ง รมต.ไร้ปัญหา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ควรรอเรื่องที่เป็นทางการขึ้นมา ง่ายๆ เรื่องตรงไปตรงมา เราทำถูกต้องทุกอย่างเท่านั้นเอง เพียงแต่ต้องนำหลักฐานและคนที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เมื่อถามถึงมติ 5 ต่อ 4 ที่ไม่สั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ห่างเพียงเสียงเดียว นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะผลนั้นเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการเป็นผู้พิจารณารายละเอียด ข้อวินิจฉัยกฎหมายต่างๆ แต่ขอยืนยันว่าเราทำถูกต้องทั้งหมด และในกระบวนการไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จากที่ได้พูดคุยกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญอาจมีหนังสือออกมาอย่างเป็นทางการและเราคงจะต้องตอบกลับ เมื่อถามย้ำว่า ระยะเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ชี้แจง 15 วันเพียงพอหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า เราพร้อมที่จะชี้แจงได้ตลอดเวลา

ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม เวชยชัย

“ภูมิธรรม” บอกไม่มีอะไรน่ากังวล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงมติของศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ นายกฯพิจารณาเรื่องต่างๆตามกรอบหน้าที่ และเป็นไปตามที่หน่วยงานต่างๆให้ข้อมูล เรื่องที่ สว.ยื่นสามารถเกิดขึ้นได้ ที่ศาลรับพิจารณาคำร้อง ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่ากังวล ไม่ได้หมายความว่ารับแค่นี้แล้วจะมีปัญหาแน่ผิดแน่ เป็นคนละเรื่องกัน จากนี้ต้องนำสำนวนไปดู นายกฯต้องจัดทีมที่มีความรู้ ทางกฎหมาย เพื่อชี้แจงต่อศาลต่อไป เมื่อถามว่าได้คุยกับนายกฯแล้วหรือยัง เพราะมีภาพนายกฯ กำลังคุยโทรศัพท์ที่ประเทศญี่ปุ่น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้คุยกับตน เพราะไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาเลยไม่ได้ต่อสายพูดคุยกัน นายกฯไม่ได้กังวลใจอะไร จึงไม่ได้ต่อสายมาถึงรัฐมนตรีหรือผู้เกี่ยวข้องธรรมดามาก ไม่คิดในทางร้าย

เมื่อถามว่า มีแผนสำรองไว้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าเราทำงานบริหารประเทศจะรู้ว่าเรื่องเหล่านี้ธรรมดามาก ถึงเวลาหากชี้แจงได้เรื่องก็จบไปเงียบๆ อย่ากังวล ไม่ได้มีแผนสำรองปล่อยเป็นไปตามกระบวนการ เพราะไม่คิดว่าเรามีปัญหา จึงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มีข้อกฎหมายอะไรเราหาเหตุผลเพื่อต่อสู้คดี ใครเรียนนิติศาสตร์มาจะรู้ว่าเรื่องมีร้อยแปดพันประการ ตีความได้หลายแบบไปว่ากันใช้เหตุผลสู้กัน ไม่ได้รู้สึกว่ามีกระบวนการให้ถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกฯ เมื่อถามว่าได้เตรียมชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.ไว้แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการ ผู้เสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ มีกี่คน อยู่ตรงไหนบ้างเป็นไปตามกระบวนการ ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตรงไหนก็เป็นไปส่วนนั้น ไม่มีพรรค พท.ก็เป็นพรรคอื่นต่อเนื่องกันไป เป็นกระบวนการกฎหมายรองรับอยู่แล้ว เราไม่อยากคิดอะไรที่เป็นเรื่องร้าย ภารกิจเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารมีมากอยู่แล้ว อย่าไปคิด ถ้าคิดมากแล้วปวดหัว เมื่อถามย้ำว่ายังไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวหาว่าพี่อยากเป็น”

ยังไม่ต้องรีบตั้ง รมต.ใหม่ทดแทน

เมื่อถามว่านายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุนายกฯถูกวางยากรณีแต่งตั้งนายพิชิต นายภูมิธรรมย้อนถามสื่อว่า นายรังสิมันต์เป็นคนวางยาหรือ ทำไมรู้ล่ะ พร้อมกล่าวต่อว่า ใครจะไปวางยาใครได้ ต้องเคารพในสติปัญญาและมีวุฒิภาวะของผู้รับผิดชอบ ส่วนการแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนนายพิชิต ชื่นบาน นายกฯ จะเป็นผู้พิจารณาจะเพิ่มหรือไม่หรือจะเอาใคร เพราะได้ทั้งคนในคนนอก อยู่ที่นายกฯจะดูความเหมาะสม ตามที่นายกฯอยากจะให้เป็น เมื่อถามว่าขณะนี้มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ควรจะรีบมีการแต่งตั้ง หรือจะบริหารแบบนี้ไปก่อน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ต้องรีบ ตอนนี้บางคนออกไป บางคนเข้ามา ตอนนี้ถ้ายังทำงานได้ นายกฯ ยังรับมือได้ก็จบ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนต้องปรับตัว

“โรม” เชื่อนายกฯโดนวางยาตั้ง “พิชิต”

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีปัญหาการใช้อำนาจของนายกฯ เพราะไปแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯที่สังคมรับรู้ว่ามีปัญหาเรื่องถุงขนม 2 ล้านบาท จนถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ ถูกพิพากษาจำคุก จริยธรรมต่างๆจึงมีปัญหาแน่นอน ไม่แน่ใจว่าทีมกฎหมายให้คำปรึกษานายกฯกันอย่างไร จึงตั้งนายพิชิต แม้ไม่มีการไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะถูกตรวจสอบในสภาฯโดยฝ่ายค้านแน่นอน เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แปลกใจที่พรรค พท.มีหลายคนทำไมจึงเลือกตั้งนายพิชิต ทำให้คิดต่อว่ามีการวางยากันหรือไม่ เป็นปัญหาภายในของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีเสถียรภาพ คงไม่ใช่การพยายามฟอกขาวนายพิชิต แต่อาจมีกระบวนการบางอย่างทำให้นายกฯหลงเชื่อหรือไม่ เพื่อให้ตั้งนายพิชิตได้ นายเศรษฐาอาจมีประสบการณ์การเมืองไม่มากนัก ไม่เท่าทันหรือไม่ สิ่งที่ต้องคิดต่อคือหลังปรับ ครม. มีรัฐมนตรีลาออก 3 คน กระทบทุกภาคส่วนที่เสียความเชื่อมั่น เพราะเป็นรัฐบาล ไร้เสถียรภาพ รัฐบาลควรเป็นตัวอย่างตั้งคนมีคุณสมบัติ ความสามารถ แต่การตอบแทนบุญคุณ เปลี่ยนผลัดกันทุก 6-7 เดือนไม่ควรเกิดขึ้น

“ดิเรกฤทธิ์” ยันไม่ได้พุ่งเป้านายกฯ

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องตรวจสอบสถานะนายกฯของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า คาดการณ์ได้อยู่แล้วว่าคำร้องมีน้ำหนักเพียงพอ ทั้งในส่วนนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯและนายเศรษฐา แต่นายพิชิตลาออกไปก่อน ทำให้ไม่มีเหตุสั่งให้พ้นจากหน้าที่ แต่ในส่วนนายกฯต้องไปพิสูจน์ต่อศาลว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต รอบคอบและไม่มีผู้อื่นเข้ามาแทรกแซง หรือไม่ทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรม ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแสดงว่าเข้าองค์ประกอบการไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นดุลพินิจของศาลก็เข้าใจ เพราะยังไม่ชัดเจน นายกฯอาจบริสุทธิ์ก็ได้ หากสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน แล้วปรากฏว่าไม่ผิดจะเกิดความเสียหายให้ประเทศ เรื่องนี้เป็นคดีเล็กในคดีใหญ่ การรับเรื่องไปแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เชื่อว่าศาลใช้เวลาพิจารณาไม่นาน รวมถึงเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง จนสิ้นสงสัย ยืนยันไม่ใช่พุ่งเป้าไปที่นายกฯเพราะไม่ได้คิดถึงตัวบุคคล ในอนาคตจะเป็นใครก็ตามหากมีพฤติกรรมขัดต่อรัฐธรรมนูญ ต้องให้โอกาสชี้แจงให้กระจ่าง ประชาชนจะได้ยอมรับ นายกฯจะได้กอดได้ชื่นใจ

อ้างคิดไม่ตรงกันไขก๊อกพ้น กมธ.สว.

นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า ที่ได้ลาออกจาก กมธ.พัฒนาการเมือง ไม่ได้มีปัญหากับใคร เป็นเรื่องเล็ก ตนเป็นหลายกรรมาธิการแล้วทำงานตรงไหนสนุกก็ทำตรงนั่น ที่เพื่อนร่วมงานคุยกันรู้เรื่องก็ไปกันได้ กมธ. พัฒนาการเมืองเป็นเรื่องการเมือง ถ้ามีวิธีคิดพัฒนาการเมืองไม่ตรงกัน ทัศนคติการมองประเทศไม่ตรงกันไปด้วยกันไม่ได้ รู้สึกน้อยใจนิดๆที่บางคนไปออกสื่อ กล่าวหาต่อว่า ตำหนิเรา ไม่เคารพกัน รู้สึกไม่ดี ถ้าจุดยืนไม่ตรงกันก็ย้ายไปทำงานที่อื่นได้ ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล

ส.อ.ท.ผวาสะเทือนเชื่อมั่นลงทุน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ได้สั่งให้นายกฯหยุดพักการปฏิบัติราชการ แต่ต้องถือว่ามีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อไปถึงความเชื่อมั่น ก่อนหน้าที่จะถึงวันที่ศาลฯรับคำร้อง 40 สว. แค่มีกระแสข่าวออกมาทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ หรือทูตบางประเทศสอบถามเข้ามาที่ ส.อ.ท.จำนวนมากว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เมืี่อศาลฯรับคำร้อง ทำให้นักลงทุนกังวลและสอบถามมาจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความกังวลย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าสถานการณ์ในระยะข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องลุ้นจนกว่าศาลจะวินิจฉัยแล้วเสร็จ ระหว่างไต่สวนจะมีความเสี่ยงทุกประเด็น ขณะที่นายกฯเดินทางไปเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจะส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนมีปัญหาตามมาด้วย อาจสะดุดได้หรืออาจทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อน หวังว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ได้แต่หวังว่าจะไม่ทำให้นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงคนไทยชะงักงันตามไปด้วย เพราะปัจจัยสำคัญเวลานี้ของไทยที่จะดึงดูดการลงทุนได้คือความมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสำคัญ

ตลาดหุ้นผวาการเมืองอึมครึม

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ไทย ให้ความเห็นว่าความเสี่ยงทางการเมืองในระยะสั้นดูเพิ่มสูงขึ้น หลังศาลฯมีคำสั่งรับคำร้อง 40 สว.แม้ไม่ได้สั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่การเมืองไทยได้เข้าสู่ช่วงภาวะอึมครึมต่อไปอีกอย่างน้อย 1 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวกต่อนายกฯจะช่วยปลดล็อกความกังวลปัจจัยทางการเมือง ที่เคยกดดันภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้การทำงานของรัฐบาลกลับมาเดินหน้าได้เต็มที่อีกครั้ง เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยโดยรวม แต่กรณีเป็นลบ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ และ ครม.ทั้งคณะ ต้องเสียเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นอกจากเบิกจ่ายงบฯปี 67 และการจัดทำงบฯ ปี 68 ล่าช้าแล้ว ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายของรัฐบาลใหม่อีกด้วย จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ น่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในภาวะเปราะบางอยู่แล้ว มีโอกาสปรับตัวลงต่อ ทำจุดต่ำใหม่ของปีนี้

หอการค้าฯมอง รบ.ยังขับเคลื่อนต่อได้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คำสั่งศาลที่ไม่ได้สั่งให้นายกฯหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นเรื่องที่ดีจะทำให้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนได้ต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก วันนี้ทุกฝ่ายเห็นแล้วว่าจากตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาส 1 เติบโตได้เพียง 1.5% น้อยกว่าประเทศอาเซียน จึงจำเป็นต้องมีนโยบายต่างๆ เข้ามาสนับสนุนเร่งด่วน ทราบว่านายกฯได้สั่งการจัดประชุม ครม. เศรษฐกิจวันที่ 27 พ.ค. หอการค้าไทยเห็นด้วย น่าจะเชิญภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือด้วย เพื่อร่วมกันปรับรูปแบบการทำงานเชิงรุก ภาคเอกชนพร้อมสนับสนุน การทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันมาตรการที่เหมาะสม เชื่อว่าน่าจะช่วยทำให้เกิดทิศทางที่ดีแก่เศรษฐกิจไทยต่อไป

แจ้ง ปปป.สอบปลอมชื่อ สว.สอยนายกฯ

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง (บช.ก.) นายธเนศณัฏฐ์ สุคนธพันธ์ หรือทนายโมทย์ เข้ายื่นเรื่องให้ พ.ต.ท.จตุรภูมิ รักษาภักดี รองผกก. (สอบสวน) กก.4.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบรายชื่อ สว. 40 คนที่ร่วมลงชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่า มีการปลอมแปลงลายเซ็น สว. 4 คนที่ออกมาปฏิเสธผ่านสื่อมวลชนไม่ได้ลงชื่อร่วมกับ 40 สว. พ.ต.ท.จตุรภูมิกล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ร้อง เสนอผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป

นายกฯถกเอกชนยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น

สำหรับภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม.) ที่ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo นายเศรษฐาพบหารือผู้บริหารบริษัท Mitsui & Co.,Ltd. ที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงาน ทรัพยากรแร่และโลหะ เหล็ก เป็นต้น โดยนายกฯกล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างเร่งจัดทำรายละเอียดปรับปรุงแผนพลังงานแห่งชาติให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานของโลก อำนวยความสะดวกให้ผู้สนใจลงทุนในไทย และร่วมศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้ไทยเป็นฐานผลิต บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกและส่งเสริมอุตสาห กรรมอาหารหนึ่งในซอฟต์เพาเวอร์ จากนั้นหารือกับผู้บริหารบริษัท Ajinomoto Co.,Inc. ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร และอาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และอื่นๆ หารือผู้บริหารบริษัท Sony Group Corporation ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก ผู้บริหารบริษัท MUFG & Softbank ธนาคารใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และผู้บริหารบริษัท Nidec Corporation บริษัทผลิตจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์และเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่โรงแรม The Peninsula Tokyo ตามลำดับ

ตอกย้ำ 5 เสือยุ่นเชื่อมั่นลงทุนในไทย

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังหารือกับผู้บริหาร 5 บริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่นว่า บริษัท Mitsui มีความคืบหน้าจากการหารือรอบที่แล้วในช่วงเดือน ธ.ค.2566 ที่เตรียมลงนาม MOU อาจมีการตั้งฐานการผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน (SAF) ที่ใช้ในเครื่องบินที่เมืองไทย ทำมาจากซากพืชที่เหลือใช้ จากภาคเกษตร เช่น ซากอ้อย จะลด PM 2.5 ได้อย่างดี แต่ต้องทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นก่อน นอกจากนี้กลุ่มบริษัท Mitsui ยังทำธุรกิจการขุดเจาะหาน้ำมัน ขณะที่เราได้หารือปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) กันสัปดาห์หน้าจะตั้งคณะกรรมการเพื่อเดินหน้าต่อ และเชิญชวนบริษัท Mitsui ตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ ขอให้มั่นใจว่า ไทยเปิดแล้วไม่มีเวลาไหนที่เหมาะสมจะลงทุนเท่าในเวลานี้ ส่วนบริษัท Ajinomoto ในอนาคตจะขยายโรงงานอีกกว่า 10 โครงการในไทย มูลค่าราว 4,400 ล้านบาท ด้านบริษัท Sony Group Corporation ได้เชื้อเชิญให้มาตั้งสาขาภูมิภาคที่ไทย ตอกย้ำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่รัฐบาลกำลังจะลงนามในเร็วๆนี้ในหลายประเทศ และได้เชิญ Sony เข้ามาจัดทัวร์นาเมนต์ E-Sports ที่ไทยเพื่อเสริมการท่องเที่ยวและเฟสติวัลด้วย

ฟุ้งนักธุรกิจล้วนแต่รักประเทศไทย

นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับการหารือกับ 2 บริษัททางการเงิน คือ MUFG & Softbank และ Nidec Coporation เป็นบริษัทที่ลงทุนในประเทศจีน และอยากย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย เพราะเชื่อว่า ไทยมีการส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่ง มีบุคลากรที่เข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถ และเหนือสิ่งอื่นใดความเป็นกลาง อีกทั้งยังมีความต้องการเข้ามาทำ Start-up อยากให้ไทยเป็นฐานปลุกปั้นให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้ และบริษัท Nidec Corporation ที่เป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกอุตสาห กรรมไฮเทค โดยเฉพาะมอเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ EV และโดรน ปีนี้จะลงทุนอีก 1,700 ล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะเจ้าของมาเองและทุกคนรักประเทศไทยมาก

จีบนายกฯมาเลย์ลงพื้นที่ชายแดนใต้

นายเศรษฐายังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จะหารือกับหารือกับนายอันวาร์ อิบบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำที่ร่วม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ที่นายกฯญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในคืนวันที่ 23 พ.ค.ที่โรงแรม The Imperial Tokyo จะพูดคุยกับนายกฯมาเลเซียถึงการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว อาหารฮาลาล โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่จะลงพื้นที่หลังเกิดเหตุไม่สงบในหลายจุด ที่ทำให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) เสียชีวิต จะถือโอกาสสอบถามนายกฯมาเลเซียว่าว่างและเห็นสมควรหรือไม่ว่าผู้นำ 2 ประเทศลงพื้นที่พร้อมกันจะทำให้แน่นแฟ้นขึ้น อาจทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แล้วแต่ท่านจะพิจารณาแต่หากนายอันวาร์ไม่สะดวก ตนเดินทางไปอยู่แล้ว

28 ก.พ.ชง ครม.แก้ ก.ม.ประชามติ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนว ทางการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างรัฐธรรมนูญปี 2560 กล่าวว่า คณะกรรมการจะเสนอให้ ครม.พิจารณาเนื้อหาการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติในวันที่ 28 พ.ค.ใน 6 ประเด็นคือ 1.กำหนดให้การออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับการเลือกตั้ง สส.ทั่วไปหรือเลือกตั้งท้องถิ่นได้ 2.เพิ่มช่องทางออกเสียงผ่านบัตรออกเสียง ไปรษณีย์ เครื่องออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือวิธีอื่น 3.แก้ไขเกณฑ์ว่าด้วยการผ่านประชามติ ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่แสดงความเห็นหรือโหวตโน 4.ให้ กกต.เผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนประชามติอย่างทั่วถึง ให้แสดงความเห็นอย่างอิสระเท่าเทียม 5.ให้ กกต.กำหนดเขตออกเสียงใช้เขตประเทศ จังหวัด อำเภอ เทศบาล ตำบล หมู่บ้าน หรือเขตอื่นเป็นเขตออกเสียงได้ และ 6.ให้ใช้หน่วยเลือกตั้งเดียวกับการเลือกตั้ง สส.ทั่วไปหรือเลือกตั้งท้องถิ่น

มั่นใจมีรัฐธรรมนูญใหม่ทันใช้แน่

นายนิกรกล่าวว่า เชื่อว่า ครม.จะส่งร่างแก้ไขกฎหมายประชามติเข้าสู่สภาฯวาระแรกได้ทันการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญวันที่ 18 มิ.ย. น่าจะไม่มีปัญหา เพราะทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ขัดแย้งกัน ส่วนการพิจารณาวาระ 2-3 จะทำได้ช่วงปลายเดือน ก.ค.ก่อนส่งให้ สว.พิจารณาอีก 1 เดือน คาดว่าจะเสร็จในเดือน ส.ค.หลังจากประกาศใช้จะกำหนดวันทำประชามติโดย กกต. หากเร่งทำให้เสร็จ การออกเสียงประชามติครั้งแรกอาจเกิดขึ้นปลายปี 2567 เมื่อผ่านแล้วจะเข้าสู่กระบวนการแก้มาตรา 256 ว่าด้วยกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เบื้องต้นคาดว่าการออกเสียงประชามติครั้งที่ 2 จะทันการเลือกตั้งท้องถิ่นเดือน ก.พ.2568 และเชื่อว่าในสมัยรัฐสภาปัจจุบันจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

กลุ่มป้องสถาบันค้านนิรโทษ ม.112

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา แนวร่วมกลุ่มอาชีวะราชภักดี กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) นายอัครวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือเต้ อาชีวะ แกนนำกลุ่มอาชีวะราชภักดี ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ. นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านกรณี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้า เรียกร้องให้ กมธ.ฯบรรจุประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้เป็นคดีทางการเมือง โดยมีนายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ.ฯรับเรื่อง นายอัครวุธกล่าวว่า ขอเตือนสติ น.ส.ภัสราวลี สิ่งที่เรียกร้องถือเป็นความผิดไปแล้ว ขอให้ไปต่อสู้กันในศาล ทำความผิดแล้วอย่ามาขอพ่วงการนิรโทษกรรม เห็นด้วยกับนิรโทษคดีทางการเมืองไม่ว่าจะคนสีเสื้ออะไร แต่คดีมาตรา 112 ไม่เกี่ยวกัน ไม่ใช่คดีทางการเมือง เรื่องพวกนี้เพิ่งมีได้ไม่นาน เด็กเหล่านี้่มีผู้ใหญ่ที่เสี้ยมสอนอยู่เบื้องหลัง มุดอยู่ใต้กระโปรงเด็ก

“นิกร” ยันแค่ศึกษายังไม่ได้ข้อยุติ

ขณะที่นายนิกรกล่าวว่า กมธ.ฯจะรับเรื่องไว้เพื่อเข้าสู่ที่ประชุม เรามีหน้าที่ศึกษาไม่ได้มีหน้าที่ยกร่าง จากการศึกษามีฐานความผิดที่อิงมาเกี่ยวกับคดีทางการเมือง 17 ฐานความผิด จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมและนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ว่า ควรนิรโทษกรรม ฐานความผิดอะไรบ้าง ตั้งแต่พิจารณามายังไม่เคยมี กมธ.ฯ ชุดไหนที่นำคดีมาตรา 112 มาพิจารณา ความผิดตามมาตรา 112 ยังมีความอ่อนไหวอยู่ แม้จะมีการเสนอให้มีการนิรโทษคดีมาตรา 112 หรือคดีที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ด้วย แต่จนถึงขณะนี้ต้องเรียนว่าเรายังไม่ได้ตัดสินว่า จะเอาคดีอะไรเป็นคดีหลัก หรือคดีรอง และควรจะมีการดำเนินการอย่างไร ฉะนั้นข้อเสนอที่กลุ่ม ศปปส. มาเรียกร้องก็จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาใน กมธ.ฯด้วย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่