“สุทิน” รมว.กลาโหม รับ ปมเรือดำน้ำ ยังอยู่ขั้นตอนชุดเจรจา คาดอีก 1-2 เดือนสรุป เสนอนายกฯ วอน ฝ่ายค้านใจเย็น ตอบได้ทุกข้อ แต่ขอให้สบตาด้วย จ่อ ลงใต้ สร้างขวัญกำลังใจ กำชับ แม่ทัพภาค 4 เข้มมาตรการ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ ที่มีแนวโน้มจะเดินหน้าต่อ ว่า การเจรจายังไม่ได้จบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังเจรจากันต่ออีกเล็กน้อย ระหว่างนี้ทางจีนและฝ่ายไทยมีความเห็นว่า ยังต้องเป็นความลับอยู่ บางเรื่องไม่มีอะไรปิดบังประชาชน แต่ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศ เพราะบางเรื่องถ้าพูดไปจะเสียอำนาจต่อรองจึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เชื่อว่าจะจบในทางที่ดี

เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านมีข้อสงสัยในประเด็นโครงการเรือดำน้ำหลายข้อ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาจะตอบได้ทุกข้อ ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า จะนำผลหารือเข้าสู่ ครม. ได้เมื่อไร นายสุทิน กล่าวว่า การเจรจากับทางจีนยังเหลือบางจุด เมื่อจบจุดนั้นแล้วก็จะตัดสินใจและนำเรียนนายกรัฐมนตรี หากนายกฯ เห็นชอบก็เข้าสู่ ครม. แต่ขณะนี้ยังเป็นขั้นตอนของชุดเจรจาอยู่ ทั้งนี้ ไม่อยากเก็งเวลาที่จะนำเข้าสู่ ครม. เพราะไม่อยากพูดเรื่องเงื่อนเวลา แต่พยายามทำให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่สิ่งสำคัญในวันนี้คืออยากให้ฝ่ายค้านใจเย็น เพราะสามารถตอบข้อสงสัยได้อยู่แล้ว แต่เวลาตอบขอให้ฝ่ายค้านสบตาหน่อย

เมื่อถามถึงแนวโน้มการเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำจะยึดความสัมพันธ์ประเทศเป็นหลักหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ยังคงยึดสามหลักคือ 1. คำนึงถึงความต้องการของกองทัพเรือ 2. รักษาผลประโยชน์ประเทศ 3. ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอาจเพิ่มข้อที่ 4 คือ เรื่องของกฎหมายต้องสามารถไปได้ด้วย ซึ่งเรื่องข้อกฎหมายต้องนำมาพิจารณาเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างไทย-จีน รวมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ไทยจะได้ ไม่ควรเสีย ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องของการแลกเปลี่ยนทางการค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่นำมาเจรจาประกอบอยู่ จึงทำให้การเจรจาล่าช้าไปบ้าง เพราะต้องพยายามให้ไทยได้ประโยชน์อย่างที่สุด หรือเสียประโยชน์น้อยที่สุด

...

นายสุทิน ยังเปิดเผยถึงเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ว่า เตรียมลงพื้นที่เร็วๆ นี้ เนื่องจากช่วงหลังพื้นที่ภาคใต้มีเหตุการณ์ความไม่สงบบ่อยครั้ง ซึ่งจะลงพื้นที่ไปเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและกำชับหลายมาตรการ แต่ระหว่างนี้ได้พูดคุยกับ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งและกำชับมาตรการในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว