เมื่อวานผมเขียนถึงรายการคนไทยสัมภาษณ์คนไทยเป็นภาษาอังกฤษในยูทูบ ที่เรียกว่า รายการ “คำนี้ดี” หรือ KND ของสื่อออนไลน์ The Standard ซึ่งมีผู้ติดตามมากพอสมควร
ยกตัวอย่างคนดังหลายๆคน อย่างเช่นดาราและนักร้อง “บิวกิ้น” มาจนถึงนักการเมือง อย่างท่านรัฐมนตรีท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ว่าพูดภาษาได้เก่งและดีมากๆ...แต่เนื้อที่หมดเสียก่อน
ทำให้ไม่สามารถเขียนถึงนักการเมืองที่เก่งภาษาอังกฤษอีก 1 ท่าน ที่เอ่ยชื่อไว้คือ ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้ทันท่วงที...ต้องยกยอดมาเขียนต่อในวันนี้
จากบทสัมภาษณ์ยาว 52 นาที ที่ KND นำลงในยูทูบเมื่อราวๆ วันที่ 14-15 พฤษภาคม ผมนั่งฟังอยู่ 2 จบ ขออนุญาตให้เกรด A- นะครับ คือยอมรับว่าภาษาอังกฤษของท่านดีมาก แคล่วคล่องว่องไว ใช้ศัพท์แสงและสำนวนได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน
แต่ที่ไม่ได้ A เต็มๆ ต้องใส่เครื่องหมาย-เอาไว้ด้วยก็เพราะ “สำเนียง” ของท่านยังไม่เป็นฝรั่ง 100 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง
ซึ่งท่านก็ยอมรับในการให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเพราะท่านไปเรียนนอกตอนอายุ 15 ขวบ ถ้าเปรียบเทียบแบบโบราณก็คือ “ลิ้นแข็ง” แล้ว พูดอย่างไรสำเนียงก็จะไม่เป็นเสียงฝรั่งเจ้าถิ่นร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นมาถึงรุ่นลูกๆของท่าน...ท่านจึงส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ ได้เข้าไปเรียนมัธยมที่ดีที่สุด และมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทุกวันนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศได้เงินเดือน เดือนละเป็นล้านบาท
สำหรับผมการพูดอังกฤษคล่อง แม้จะมีสำเนียงไทยเจือปนบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย ผู้ใหญ่ในอดีตของไทยหลายท่านรวมถึงท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมมาก ลึกซึ้งกว่าคนอังกฤษเสียอีก...แต่สำเนียงท่านอาจารย์ก็ยังเป็นไทยๆ
...
ในความเห็นของผม การไปเรียนนอกตอนลิ้นแข็งแล้วก็จะดีอยู่อย่างหนึ่งคือ เราจะได้ “ภาษาไทย” ที่แข็งแรงพอสมควรติดตัวไปด้วย ...อ่านไทยได้ชัด เขียนไทยได้ดี เรียงความไทยได้ในระดับหนึ่ง
จะทำให้จัดเจนทั้ง 2 ภาษา คือทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย สามารถทำงานได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ดังเช่นท่านนายกฯเศรษฐาที่ให้สัมภาษณ์ว่า ท่านไปตอนอายุ 15 ขวบ ผมก็เดาว่าจบ ม.3 หรืออาจจะกำลังเรียนอยู่ ม.4 ม.5 ยุคเก่าแล้วก่อนไปนอก ภาษาไทยจึงแตกฉานพอสมควร ท่านจึงอ่านหนังสือไทยได้อย่างเข้าใจ และเขียนเรียงความภาษาไทยได้ด้วย...เขียนดีเสียด้วยซ้ำ ใครที่เป็นแฟนคอลัมน์ท่านใน สยามกีฬา คงจะทราบดี
จริงๆแล้วโดยส่วนตัว ผมกับท่านรู้จักกันมานานมาก เพราะท่านเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งในทีม “VIP สยามกีฬา” ของเสี่ย ระวิ โหลทอง เจ้าพ่อสยามสปอร์ต ที่ผมเป็นประธานเชียร์ของทีมอยู่ด้วย
ทำให้มีโอกาสได้พูดได้คุยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านมาเป็นสิบปีหลังเตะฟุตบอล
ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีคราวนี้ ผมก็เห็นด้วยกับนโยบายหลายๆอย่างของท่าน และเชียร์เต็มที่สำหรับนโยบาย ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งผมจะเขียนให้กำลังใจเสมอ
แต่ที่ค้านหัวชนฝาคือ “นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” ของพรรคเพื่อไทยที่ผมยืนยันจะค้านต่อไป
ก็ประสาคนเรียนเศรษฐศาสตร์แหละครับ...ท่านเองก็เรียนเศรษฐศาสตร์...ซึ่งมีหลายสำนัก หลายความคิด หลายทฤษฎี...ต่างคนต่างเชื่อ ไปคนละทิศละทาง เวลาเรียนเราก็เถียงกันอยู่แล้ว
วันนี้ขอเชียร์ท่านอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องภาษาอังกฤษกับเรื่องแนวคิด และหลักปฏิบัติในการทำงาน ตลอดจนความรู้สึกที่มีต่อความเหลื่อมล้ำของบ้านเมือง ดังที่ท่านสัมภาษณ์ไว้ในรายการนี้
กับจะขอให้กำลังใจท่านที่มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของท่าน สว.ให้วินิจฉัยว่า กรณีการแต่งตั้งนาย พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? ผมหวังว่าท่านจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้
แต่สำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัล ผมยังขอยืนยันว่า “NO-NO” ซึ่งเป็นศัพท์ที่ท่านใช้ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ซึ่งผมไปเปิดดิกชันนารีดูแล้วแปลว่า “การกระทำสิ่งที่ไม่ยอมรับ” และบ้างก็แปลว่า “สิ่งต้องห้าม” ฯลฯ
ขออนุญาตใช้คำว่า NO–NO ด้วยนะครับ สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลที่ท่านนายกฯและรัฐบาลยังจะเดินหน้าต่อไป.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม