“สมศักดิ์” แถลงเองจ่อแก้กฎกระทรวง สธ. ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด มีโทษจำคุก-ปรับ-ยึดทรัพย์ หวังล่อตัวการใหญ่สกัดยานรกครองเมือง เปิดระดมความเห็นผ่านเว็บไซต์ “อนุทิน” โวจุดยืนกัญชาไม่เปลี่ยน ย้ำพูดแล้ว-ทำแล้วแต่โดนเพื่อนเตะสกัด ก๊วนลากตั้งล่าชื่อ 40 สว.ยื่นศาล รธน.สอย “พิชิต” ขุดปมติดสินบน ละเมิดอำนาจศาล ถือว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ขัดจริยธรรมร้ายแรง พ่วงสอยนายกฯ ทักท้วงแล้วแต่ยังดื้อแพ่งตั้ง “เศรษฐา” อ้อน “มาครง” ขอฟรีวีซ่าเชงเกน เป็นปลื้มได้แลกเบอร์สายตรงถึงอิตาลีเดินสายแฟชั่น พบผู้บริหารห้องเสื้อระดับโลก โชว์ผลงาน “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”

ในที่สุด ที่ประชุมทบทวนกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ของกระทรวงสาธารณสุขมีมติในเบื้องต้น กำหนดปริมาณยาบ้า ไม่เกิน 1 เม็ด หรือ 100 มิลลิกรัม ให้มีโทษจำคุก ปรับ รวมทั้งการตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์ทุกราย

สธ.แก้กฎกระทรวง 1 เม็ดยึดทรัพย์

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แถลงภายหลังการประชุมทบทวนกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพว่า โดยที่ประชุม ประกอบด้วย ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาเรื่องการกำหนดปริมาณยาบ้า เพื่อให้การทำคดีง่ายขึ้น กำหนดปริมาณไม่เกิน 1 เม็ด หรือ 100 มิลลิกรัม ถ้าเป็นสารบริสุทธิ์ให้ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม ผู้ครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต 1 เม็ดมีโทษจำคุก ปรับ รวมทั้งการตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์ทุกราย สาเหตุที่กำหนด 1 เม็ด มาจากความเสียหายของยาเสพติดที่มีต่อชุมชนและลูกหลาน ดูสถิติการจับกุม พบว่าหลังกำหนดยาบ้า 5 เม็ด สถิติการจับกุมเพิ่มขึ้น 85% เชื่อว่าเมื่อกำหนดให้เหลือ 1 เม็ด จะได้ผลในการดำเนินคดี

...

เปิดระดมความเห็นผ่านเว็บไซต์

นายสมศักดิ์กล่าวว่า หากผู้ถูกจับกุมมี 1 เม็ดและสมัครใจบำบัด เรามองว่าเป็นการเอาเปรียบประเทศ เอาเปรียบราชการเกินไป การดำเนินคดีต้องมีสิ่งตอบแทนจากผู้เสพที่สมัครใจรับการบำบัด เช่น ต้องบอกแหล่งที่ซื้อยาเสพติด ไม่ว่าผู้ขายจะเป็นรายเล็ก-รายใหญ่ จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ เป็นการขยายผลตามแนวนโยบาย 1 ผู้เสพ ขยายผล 1 ผู้ขาย และขยายต่อเป็น 1 ผู้ผลิต จะได้ทำความเข้าใจกับประชาชนได้ง่ายว่า 1 เม็ดก็มีความผิด มีสิทธิถูกจำคุกได้ และขยายผลเพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ หลังจากนี้จะนำไปสู่การรับฟัง ความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนผ่านทางเว็บไซต์ เป็นเวลา 15 วัน ขอให้ทุกคนร่วมกันแสดงความคิดเห็น จะได้รวบรวมประเด็นเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป เมื่อถามว่าเคยเสนอการกำหนดยาบ้า 1 เม็ดเข้า ครม.แต่ไม่ผ่าน รอบนี้มีเหตุผลแตกต่างอย่างไร นายสมศักดิ์ตอบว่า บรรยากาศและสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างกัน เพราะยาบ้าราคาถูก คนเสพปริมาณมากขึ้น เมื่อก่อนกินน้อยก็ยังไม่บ้า แต่กินไปนานๆก็บ้าและรุนแรงขึ้น ทำถึงขนาดนี้แล้ว จะหยุดได้หรือไม่ต้องขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส

“อนุทิน” โวจุดยืนกัญชาไม่เปลี่ยน

ที่สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาว่า ยืนยันจุดยืนต้องเป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาและประชาชน กรณีมีกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายปลดล็อกกัญชาไปยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นั้น รมว.สธ.แต่ละคนมีนโยบายต่างกัน แต่การจะนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดต้องดูมติ ป.ป.ส. พรรค ภท.ก็มีความเชื่อมีหลักการในระดับหนึ่ง ถึงเวลาไปประชุมก็ให้ข้อมูลและต้องดูข้อมูลกันให้รอบด้าน จำเป็นต้องไปดูข้อมูลหลังปลดล็อกแล้วเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างไร ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาท ถ้านำกลับเป็นยาเสพติดต้องหาทางเยียวยาผู้ประกอบการเหล่านั้นด้วย ต้องดูข้อมูลจาก ป.ป.ส.ที่ใช้ในการพิจารณาปลดล็อกว่าต่างกับข้อมูลปัจจุบันอย่างไร สิ่งเหล่านี้ต้องหารือและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

พูดแล้ว–ทำแล้วแต่โดนเตะสกัด

“อย่าไปบอกว่าผมหงอ ผมแหยง ผมยอม ไม่เกี่ยวกับเรื่องยอมไม่ยอม แต่เกี่ยวกับประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นนักการเมืองเรื่องส่วนตัวต้องไม่เป็นปัจจัยในการพิจารณากำหนดนโยบาย ย้ำว่า พ.ร.บ.กัญชาเป็นอีกคำตอบของการควบคุมการใช้กัญชา พรรค ภท.เสนอไปสมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่ถูกหักหลังโดยพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง มารัฐบาลนี้ พรรคเพื่อไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.อีกครั้ง ก็ว่ากันไปตามนั้น เมื่อถามย้ำว่าหากกัญชาถูกกลับไปเป็นยา เสพติดเช่นเดิม จะกระทบกับสโลแกนพรรคพูดแล้วทำหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ทำไปแล้ว พูดแล้วเมื่อปี 2562 ทำแล้วเมื่อปี 2564-2566 เราทำทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ใช่พูดแล้วไม่ทำตามที่คนพยายามจะพูด ทำแล้วแต่มีความพยายามของคนที่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติดอีก อันนั้นไม่ใช่พรรค ภท. เราแสดงจุดยืนแล้ว” นายอนุทินกล่าว

ล่าชื่อ 40 สว.สอย “พิชิต-เศรษฐา”

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สว.ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน หลังมีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) และ (5) ประเด็นขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ผ่านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ล่าสุดเรื่องดังกล่าวถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาแล้ว นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.ผู้ร่วมลงชื่อ กล่าวว่า ประเด็นการแต่งตั้งนายพิชิตมีผู้แสดงความเห็นในวงกว้าง เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายเห็นว่าควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย มี สว.ร่วมเข้าชื่อ 40 คน

ปมติดสินบนละเมิดอำนาจศาล

นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า เหตุผลตามคำร้องที่ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คือ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กรณีนายพิชิตมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลสั่งให้จำคุก มีคำบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงชัดเจนว่ามีพฤติกรรมทุจริตติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ เป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่วนการยื่นให้พิจารณาการดำรงตำแหน่งนายกฯเป็นกรณีสืบเนื่องกัน มีการทักท้วงแล้ว แต่ทำไมนายกฯยังเสนอชื่อนายพิชิตดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีก ถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯที่ระบุว่าได้หารือกับกฤษฎีกาแล้ว พบว่าเป็นการหารือไม่ตรงประเด็น ทั้งระยะเวลาการพ้นโทษ และการตีความระหว่างคำสั่งกับคำพิพากษาเหมือนกันหรือไม่ พบว่ายังมีประเด็นที่เป็นปัญหา จึงเข้าชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องแล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา ต้องพิจารณาในประเด็น ความสิ้นสุดลงของรัฐมนตรี และตำแหน่งนายกฯด้วย ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ

ปชป.จวก รบ.ยัดเยียดข้อหา ปชช.

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า มีประชาชนชาวราชบุรี เดินทางมาที่พรรคเพื่อร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกรณีนายกฯ ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ที่ผ่านมา มีการจัดทำบัญชีรายชื่อพี่น้องประชาชนที่พยายามเข้าพบว่าเป็นภัยคุกคามต่อตัวนายกฯ ว่า ตัวแทนชาวบ้านมองว่าเป็นการประณามชาวบ้าน เป็นการกระทำรุนแรงต่อประชาชน สาเหตุเริ่มต้นเกิดมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมีนักการเมืองหรือคนมีตำแหน่งใหญ่ลงพื้นที่จะมีตำรวจไปเฝ้าถึงบ้าน เรื่องนี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ปชป.ให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิด มอบหมายให้ตนดูแล นายกฯไม่ควรผลักประชาชนไปเป็นศัตรู พี่น้องชาวราชบุรีที่มีรายชื่อมีความทุกข์ร้อนในการดำเนินวิถีชีวิต แทนที่นายกฯหรือทีมงานจะให้การต้อนรับในฐานะเป็นนักการเมือง แต่กลับไปกล่าวหาว่าคนเหล่านี้เป็นภัย ต้องถือว่าไม่ได้เป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ท่านต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อ้อน “มาครง” ขอฟรีวีซ่าเชงเกน

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 16 พ.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) ที่ท่าอากาศยานปารีส-ออร์ลี กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังพบปะและร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่า วันนี้มาตามสัญญาอัปเดตกันทั้งการค้าระหว่างประเทศ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป ผู้แทนการค้าไทยขอให้ดำเนินการทีละส่วน โดยเฉพาะเรื่องรถยนต์อีวีที่จะส่งเข้ามา ท่านเห็นด้วย รวมถึงการทำวีซ่าฟรีเชงเกนท่านยืนยันให้การสนับสนุน โดยขอให้พ้นการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือน มิ.ย.นี้ ขอเป็นเดือน ส.ค.จะพิจารณาต่อ รวมถึงการท่องเที่ยว มีการพูดคุยกันว่าอาจต้องเพิ่มเที่ยวบิน ส่วนเอ็มโอยูครั้งนี้เกี่ยวกับข้อแลกเปลี่ยนของกระทรวงกลาโหม ทางฝรั่งเศสมีอะไรที่จะสนับสนุน เราหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถถัง โดรน หรือไซเบอร์ วันนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย พูดคุยถึงการอัปเกรด ของกองทัพในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ฝรั่งเศสมีอะไรให้เราบ้าง อาจรวมไปถึงการฝึกร่วมซ้อมรบด้วย

เป็นปลื้มได้แลกเบอร์สายตรง

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ส่วนการพูดคุยกันสองต่อสองระหว่างตนกับนายเอ็มมานูเอล มาครง พูดคุยในเชิงลึกถึงความสัมพันธ์ที่จะทําต่อไป เป้าหมาย คือในเดือน ก.ย. จะมีนักธุรกิจจากประเทศฝรั่งเศสไปที่ประเทศไทย แปลกใจเล็กน้อยที่ท่านเชิญภรรยาซึ่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส เข้ามาพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย ทั้งนี้ นายมาครงยังขอเบอร์มือถือไปและได้ทดลองทักทายกันผ่านวอทส์แอพ มีอะไรสามารถพูดคุยกันได้ชัดเจน ท่านยังบอกว่ามีความ สัมพันธ์ที่ดีกับนายกฯกัมพูชา เลยบอกไปว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ทั้ง 3 คนน่าจะมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดี 3-4 ชั่วโมง ได้ประโยชน์อย่างมาก

หนุนสร้างความสงบในเมียนมา

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า มีการพูดคุยกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ถึงความคืบหน้าสถานการณ์ในเมียนมา ยืนยันไปว่าไทยพร้อมสนับสนุนให้มีการพูดคุยกัน นายมาครงระบุว่ายินดีให้การสนับสนุนและบอกว่าหากมีอะไรให้ช่วยขอให้บอกมา จากนั้น นายเศรษฐานำคณะออกเดินทางมายังท่าอากาศยานมิลาน มาลเปนซา เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี มีนายพุทธพร อิ้วตกส้าน เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม และนายอัลแบร์โต เวอร์จิลีโอ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองมิลาน ให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ปาร์ค ไฮแอท มิลาน

ถึงอิตาลีเดินสายพบห้องเสื้อ

ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองมิลาน ช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) นายเศรษฐาเข้าเยี่ยมชมโรงงานของห้องเสื้อ Zegna เมืองวาลดิลานา (Valdilana) พบหารือกับนาย Gildo Zegna ผู้บริหารห้องเสื้อ Zegna แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายระดับไฮ-เอนด์ มีจุดเด่นที่เนื้อผ้าคุณภาพสูง ผลิตโดยโรงงานในอิตาลี มีความประณีตขั้นสูง มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านสิ่งทอชั้นเยี่ยมของโลก ถือเป็นโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเทคนิคพิเศษของ Zegna ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยได้ โดยนายกฯนำพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จากโครงการดอนกอยโมเดล จ.สกลนคร ที่ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยในการผลิตผ้าย้อมครามจากวัสดุธรรมชาติ มาขยายผลต่อยอดนำเสนอต่อแบรนด์ Zegna และแบรนด์ชั้นนำอื่นให้พิจารณานำมาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตผ้าได้ ขณะที่นาย Gildo Zegna ให้ความสนใจในผ้าครามและกระบวนการย้อมของไทยมาก ระบุว่าอีก 2 สัปดาห์จะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้อมผ้าฟ้าครามของไทยและจากโครงการดอนกอย ประชุมหารือกับ Creative Director และ Creative Designer ของ Zegna ในประเทศไทย เพื่อหารือในรายละเอียดต่อยอดจากการพบกันครั้งนี้

กกต.ตีปี๊บคิกออฟเลือก สว.

ช่วงสายที่โรงแรมทีเค พาเลซแอนด์คอนเวนชัน แจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดกิจกรรมคิกออฟ การเลือกสมาชิกวุฒิสภาปี 2567 “20 กลุ่มอาชีพ ร่วมใจขับเคลื่อนประเทศไทย ไปพร้อมกัน” โดยมีการลงนามความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การเลือก สว.ระหว่างสำนักงาน กกต.กับสื่อมวลชน จัดเสวนาเรื่อง “การเตรียมความพร้อมสมาชิกวุฒิสภา ปี 2567” มีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วม นายแสวงกล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องการเตรียมความพร้อม เราจะเดินไปพร้อมกับเครือข่าย ทั้งกรมประชาสัมพันธ์ ไปรษณีย์ไทยได้ซักซ้อมกับทุกหน่วยงาน รวมถึงสื่อมวลชน และต้องอาศัยสื่อทุกแขนง ให้ประชาชนเข้าถึงการเลือก สว.มีแผนโรดแม็ปตามขั้นตอน ซักซ้อมทั้งระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ เราจะได้ สว.200 คน ตามกำหนดเวลาแน่นอน

“ปลัดเก่ง” เกทับพร้อมกว่า กกต.

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า เราพร้อมตั้งแต่ กกต.ยังไม่ได้เริ่มแล้ว เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย บอกไว้ว่างานต้องเสร็จตั้งแต่ยังไม่สั่ง ไม่ได้พูดเล่น เราเตรียมทั้งออนไซต์และออนไลน์ มีหอกระจายข่าว วิทยุกระจายเสียงประจำหมู่บ้าน โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.นายกเทศมนตรี เปิดกรอกหูทุกเช้าเย็น เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ก็ซักซ้อมกัน มท.1 เป็นประธานพูดคุยกับ ผวจ. 77 จังหวัด ย้ำเลยว่างานนี้ห้ามพลาดเพราะเป็นเรื่องใหญ่ของชาติ สำคัญที่สุดตัว มท.1 ก็อยากได้ สว.ชุดใหม่เหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องห่วงเราเต็มที่ ตั้งทีมงานให้บริการซักไซ้ไล่เลียงผู้มาสมัคร เปิดสายฮอตไลน์แข่งกับ 1444 ของ กกต. และบริการ 24 ชั่วโมง เราต้องยกหางตัวเองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีจังหวัด เพราะรัฐบาลมอบให้ ผวจ.ช่วยขับเคลื่อนร่วมกับทุกกระทรวง เพราะฉะนั้นโปรดใช้บริการเราไปเรื่อยๆ กระทรวงมหาดไทยจะได้ไม่ถูกยุบ

ชี้ บช.สำรอง สว.ชุดเดิมสมัครได้

จากนั้นนายแสวงให้สัมภาษณ์ว่า บุคคลที่เป็นบัญชีสำรอง สว.ชุด คสช.สามารถลงสมัคร สว.ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากยังไม่เคยเป็น สว.ยังมีสิทธิ์ ยืนยัน กระบวนการจัดเลือก สว.ยังไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาและเป็นไปตามโรดแม็ป เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้สมัครประมาณ 100,000 คน กกต.มีศูนย์ข่าวอยู่ทุกจังหวัด มีความเคลื่อนไหว ตั้งแต่ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว. ส่วนการตรวจสอบเรื่องการฮั้วนั้น เมื่อความปรากฏ กกต.สามารถตรวจสอบได้ ไม่ต้องรอให้มีคนร้อง

ยันห้ามโชว์วิสัยทัศน์ตาม รธน.

เมื่อถามว่า ได้ประเมินผลตอบรับมายัง กกต.หรือไม่หลัง กกต.แก้ระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร สว.นายแสวงตอบว่า ยืนยัน กกต.ดำเนินการตามกฎหมาย และทำเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม อย่างน้อยได้รับฟังเสียงของประชาชน เมื่อถามถึงข้อเสนอของนักวิชาการที่ต้องการให้มีการผ่อนคลายระเบียบ เช่น การเปิดเวทีให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ นายแสวงตอบว่า ระเบียบออกแบบบนพื้นฐานกฎหมาย ไม่ใช่เกาะกลุ่มตั้งก๊วนกันมา และเพื่อความเสมอภาคไม่ได้เลือกจากสิ่งที่แสดงความเห็น แต่เลือกจากประสบการณ์ ผู้สมัครต้องอยู่ในเกณฑ์นี้ กกต.ออกระเบียบตามรัฐธรรมนูญที่ออกแบบไว้ ถ้า กกต.ออกแบบผิดจากนี้จะติดคุกติดตะรางหรือไม่ ขออย่ามองมุมเดียว การแข่งขันมีคนได้คนเสีย กกต.ยืนบนความถูกต้อง

18–21 มิ.ย. สภาถกประชามติ–งบฯ

อีกเรื่องที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดกรอบเวลาการเปิดประชุมสภาวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และร่าง พ.ร.บ.ประชามติ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปวันที่ 18 มิ.ย.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ และเชื่อว่าฉบับของรัฐบาลจะเสนอได้ทัน ถ้าไม่ทันจะพิจารณาร่างของพรรค พท. และพรรค ก.ก. คาดว่าจะพิจารณาจบเวลา 16.00 น. ส่วนวันที่ 19-21 มิ.ย.จะพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.งบฯปี 2568 เวลา 09.00-22.00 น. ทั้งนี้ อาจ ประชุมถึงเวลา 24.00 น. ในวันสุดท้าย แบ่งเวลาอภิปรายให้ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 20 ชั่วโมง และให้ประธานที่ประชุม 1 ชั่วโมง

ก.ก.ขอโทษไม่ชิงนายก อบจ.ปทุมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมประชาสัมพันธ์พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เผยแพร่ข่าวนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.กรณีการเลือกตั้งนายก อบจ. ปทุมธานีว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจากการที่อดีตนายก อบจ.ใช้เทคนิคชิงลาออก ฉวยโอกาสสร้างความได้เปรียบทางการเมือง พรรค ก.ก.ต้องขอโทษชาวปทุมธานีอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถสรรหาคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมได้ทันเวลา พรรค ก.ก.ตระหนักดีว่า ชาวปทุมธานีจำนวนมากต้องการทางเลือกใหม่ในการพัฒนาจังหวัดของพวกเรา พรรคได้พยายามอย่างถึงที่สุดเฟ้นหาว่าที่นายก อบจ.ปทุมธานีของพรรคแล้วแต่ด้วยข้อจำกัดของสถานการณ์ สุดท้ายไม่สามารถสรรหาผู้สมัครที่เชื่อมั่นว่าจะมีความพร้อมบริหารสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ประชาชนคาดหวังไว้ได้ทัน ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี และขอประกาศว่า พรรคและสส.ของพรรค ไม่ได้สนับสนุน ร่วมมือกับผู้สมัครคนใดทั้งสิ้น

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่