เหตุผลที่ชัดเจนนั้นมาจากฝ่ายหนึ่งแต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมเปิดเผยอ้างว่าเรื่องมันยาวแต่เน้นว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผล

นี่จะว่ากันถึงกรณีที่ “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลังไปอีกคนหลังปรับ ครม.สดๆ ร้อนๆ

ในจดหมายลาออกที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ระบุว่า “พิชัย ชุณหวชิร” รัฐมนตรีคลังคนใหม่ “ไม่ให้เกียรติ” จากการแบ่งงานให้รัฐมนตรีแต่ละคนรับผิดชอบ

เหตุผลนี้ฟังขึ้น...

เพราะทุกคนได้รับมอบหมายงานก็อย่างเต็มที่แต่ของ “กฤษฎา” อดีตปลัดกระทรวงการคลังให้ดูสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะหน่วยงานเดียว นอกนั้นก็เป็นรัฐวิสาหกิจเล็กที่ไม่มีความสำคัญเท่าใดนักสำหรับอดีตปลัดคลัง

นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 ท่าน แม้จะไม่มีส่วนในเรื่องนี้ก็พยายามพูดออกตัวว่าเป็นความเข้าใจผิดในเรื่องการแบ่งงานมากกว่า และยังมีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยังสามารถให้ช่วยเหลือได้ แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ตามนั้น

สรุปก็คือไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แม้จะมองว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแต่มันก็สะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างว่า “เพื่อไทย” นั้นต้องการคุมกระทรวงการคลังอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนเพื่อสร้างผลงานให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่

ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด

“น้องใหม่” ทางการเมืองอย่างอดีตปลัดกระทรวงการคลังก็ต้องถือว่าเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง

...

ที่มันโหดกว่าที่ผ่านมาเยอะ...

หลังจากลาออกไปแล้วก็ได้ยื่นใบลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติเรียกว่า “2 เด้ง” ซ้อนๆกัน ซึ่งไม่รู้เหตุผลเพราะอะไร

จะว่าเข็ดขยาดการเมืองก็คงส่วนหนึ่ง

หรือว่าในรวมไทยสร้างชาตินั้นมีปัญหาใหญ่สุ่มอยู่แล้วเพราะเพิ่งมีสมาชิกลาออกไป 1 คน ก่อนหน้านี้

พูดง่ายๆ ไม่มีเอกภาพในพรรค

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น “พลังดูด” จนทำให้พรรคนี้เติบโตขึ้นมาได้เพียงแต่ได้ ส.ส. เข้ามาแค่ 36 คน ไม่สามารถผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้

จึงประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรค

ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นนอกจากมีพลังในตัวเองแล้วยังมี “นายทุน” ที่เข้ามาสนับสนุนพรรคด้วย

ว่ากันว่าเมื่อ “บิ๊กตู่” ลาออกไป “นายทุน” ก็เลยไปด้วยเพราะไม่แนบแน่นกับผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน เลยทำให้พรรคเกิดปัญหา

ขนาดว่ารัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนพรรคถูกกระทำขนาดนั้นยังไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อยต่อการปกป้อง

แม้จะปฏิเสธว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไร มีแต่ “สื่อ” เท่านั้นที่เห็นว่ามีปัญหา

จากรูปการณ์ที่เกิดขึ้นมันบ่งบอกแล้วว่ามีปัญหาเพียงแต่ไม่ยอมรับกันเท่านั้น ที่เคยบอกว่าจะเป็นพรรคที่มีอนาคตยาวไกล

คงไม่น่าใช่แล้วมั้ง!


“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม