ต้องถือว่ารองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายในการโชว์การกินข้าวเก่า 10 ปี ต่อหน้าสื่อและประชาชนทั่วประเทศ บรรลุวัตถุประสงค์สำคัญคือการพิสูจน์ว่าข้าว 10 ปี จากโครงการรับจำนำ ที่ยังตกค้างอยู่ สามารถกินได้และอาจส่งออกขายได้
แต่ผู้ที่เห็นต่างเรียกรายการโชว์ครั้งนี้ว่า “ภูมิธรรมการละคร” นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนะว่า หากมีการเอาข้าวเก่าค้างโกดัง 10 ปี มาขายในตลาดจะเสียหายทั้งตลาด รวมทั้งร้านข้าวแกง และเสนอแนะให้นำมาให้คณะรัฐมนตรีรับประทานในทุกวันอังคารที่มีประชุม
แต่ สว.สมชาย แสวงการ มีข้อวิจารณ์และข้อเสนอแนะอย่างเคร่งเครียดจริงจังระบุว่า ข้าวเก่า 10 ปี มีการรมยาฆ่าแมลงทุก 1–2 เดือน ตลอด 10 ปี ไม่น้อยกว่า 60–120 ครั้ง ต้องให้นักวิชาการตรวจสอบดีเอ็นเอของข้าวและยุติการขายเป็นอาหารคนและสัตว์ และห้ามส่งออกจะทำลายภาพลักษณ์ข้าวไทย
มีเสียงวิจารณ์ด้วยว่าละครการบริโภคข้าว 10 ปี นอกจากจะต้องการพิสูจน์ว่า “กินได้และขายได้” แล้วอาจหวังผลทางการเมืองที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า เช่น ต้องการพิสูจน์ว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่บริสุทธิ์ สุจริต แม้จะสร้างความเสียหายหลายแสนล้าน และมีรัฐมนตรีติดคุกถึง 2 คน
มีข้าราชการระดับสูงและพ่อค้าข้าวอีกหลายคน ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ให้จำคุกคนละหลายสิบปีในความผิดฐานทุจริตการขายข้าวที่รับจำนำ แม้แต่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โดน 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต แต่หลบหนีไปต่างประเทศ
หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร สามารถเดินทางกลับประเทศโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว มีการปล่อยข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะกลับไทยในเดือนตุลาคม อาจมีการรื้อฟื้นคดีรับจำนำข้าวมาพิจารณาให้ อาจเริ่มต้นด้วยการพิสูจน์คุณภาพข้าว หรืออาจถึง “หักดิบ” ออกกฎหมายนิรโทษกรรม
...
การออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการล้างบาปให้กับผู้กระทำความผิด ตามคำพิพากษาศาล ขณะนี้มีร่าง พ.ร.บ.อยู่ในสภาหลายฉบับ แต่ยังเถียงกันไม่จบ จะล้างบาปหรือไม่ล้างบาปให้ใคร บทเรียนสำคัญก็คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยออกกฎหมายนิรโทษแบบสุดซอย เพื่อล้างบริสุทธ์ให้อดีตนายกฯจบลงด้วยรัฐประหาร.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม